บทที่ 382 เจอกู้ซินเถา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 382 เจอกู้ซินเถา

บทที่ 382 เจอกู้ซินเถา

ทันใดนั้นฉินเย่จือก็ตระหนักได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ทำเช่นนี้เพราะเรื่องที่ผู้หญิงเหล่านั้นมองตนเองในเมื่อสักครู่

สวีเฉิงเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ เขาไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะบังคับให้ฉินเย่จือสวมหน้ากาก แต่เมื่อทายออก ในสายตาของเขาก็แฝงไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อย

ฉินเย่จือสวมหน้ากากอย่างเชื่อฟัง ในครั้งนี้เมื่อสวมหน้ากากเดินตามท้องถนน กู้เสี่ยวหวานก็สงบลงเช่นกัน คนเหล่านี้มองไม่เห็นหน้าตาของฉินเย่จืออีกต่อไป แต่พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ฉินเย่จือที่เหมือนลิง

หลังหน้ากาก มุมปากของฉินเย่จือโค้งขึ้นสูง คิ้วและดวงตาของเขาโค้งงอ และเขาก็มีความสุขมาก

ถ้าเขารู้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้คนอื่นมองเขาเหมือนลิง เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกอย่างไร

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่นเดินตามถนนไปเรื่อย ๆ และเจอเข้ากับการเล่นทายปริศนาโคมไฟอยู่ด้านหน้า อาจเป็นเพราะการละเล่นเพิ่งเริ่มต้น และคนเหล่านั้นกำลังสนุกไปกับการแข่งขัน

มีปริศนาอยู่ใต้โคมวังหลวงแต่ละดวง หากผู้ทายทายถูกก็สามารถเอาโคมวังหลวงกลับไปได้เลย

กลุ่มคนมารวมตัวกัน และทุกคนก็เล่นกันอย่างมีความสุข ในชีวิตก่อนหน้านี้ กู้เสี่ยวหวานทายปริศนาโคมไฟได้ เมื่อเห็นว่ามีการละเล่นเช่นนี้อีกครั้ง นางจึงกระตือรือร้นที่จะลอง “ไปกันเถอะ ไปลองดูกันเถอะ”

สายตาที่ตื่นเต้นทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ นางคล้อยตามไปด้วย ทุกคนจึงรีบเดินไปที่นั่น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางเบียดตัวเข้าไป กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเสียใจในทันที เพราะในแวบเดียวก็เห็นกู้ซินเถาและกู้จือเหวินทันที

กู้ซินเถากำลังมองไปรอบ ๆ และเห็นกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเบือนสายตาไปด้านข้างเล็กน้อยก็เห็นว่ามีชายสองคนยืนอยู่ข้างกู้เสี่ยวหวาน ชายคนหนึ่งจูงมือกู้เสี่ยวอี้ไว้ด้วยดวงตาที่สดสวยและเปล่งประกายราวกับหยก อีกคนหนึ่งสวมหน้ากาก ดังนั้นนางจึงมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา แต่เขามีรูปร่างสูง รัศมีเย็นชาราวกับจะปฏิเสธผู้คน ดวงตาสีเข้มราวกับแอ่งน้ำลึก

กู้ซินเถาตกตะลึง และทันใดนั้น นางก็นึกถึงครั้งแรกที่ได้ยินเสียงของบุคคลนั้น แต่นางไม่รู้ว่าใครในสองคนนั้นเป็นคนในรถม้าที่เจอกันเมื่อคราวก่อน

กู้ซินเถาเริ่มสงสัยพลางชี้ไปที่พวกกู้เสี่ยวหวานแล้วพูดกับกู้จือเหวิน เมื่อกู้จือเหวินมองไปทางด้านนั้นและเห็นสวีเฉิงเจ๋อ มันเป็นธรรมชาติที่เมื่อเขาพบกับอาจารย์จึงต้องเข้าไปทักทาย

กู้จือเหวินพากู้ซินเถาเขาไปทักทายสวีเฉิงเจ๋อ “ท่านอาจารย์ขอรับ!”

กู้ซินเถาก็ทำความเคารพด้วย ปรากฏว่าผู้ชายที่หล่อเหลาและอ่อนโยนคนนี้เป็นอาจารย์ของพี่ชาย ดูเหมือนว่าชายร่างสูงและหล่อเหลาอีกคนหนึ่งที่อยู่ถัดจากกู้เสี่ยวหวานน่าจะเป็นคนที่อยู่บนรถม้าในวันนั้น?

กู้ซินเถายิ้มเบา ๆ และเริ่มคุยกับกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน วันนี้เจ้าก็มาดูโคมไฟเช่นกันหรือ!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและไม่ได้เอ่ยเอื้อนคำใด นางไม่อยากสนใจกู้ซินเถาและกำลังจะจากไป แต่กู้ซินเถายังไม่รู้เรื่องที่นางอยากรู้ เช่นนั้นจะปล่อยกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไปได้อย่างไร นางรีบหยุดกู้เสี่ยวหวานและชี้ไปที่ฉินเย่จือพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวหวาน นี่ใครกัน? ใส่หน้ากากน่าเกลียดเช่นนี้ มันดูน่ากลัวทีเดียว”

เพราะอยากทำให้เจ้ากลัวจนตายอย่างไรเล่า! กู้เสี่ยวหวานสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา สวมหน้ากากน่ากลัวเช่นนี้แล้วเจ้ายังกล้าเข้ามาพูดคุยอีก เช่นนี้คงไม่กลัวแล้วกระมัง!

ฉินเย่จือสวมหน้ากากแล้ว กู้ซินเถาจะยังเห็นได้หรือไม่ว่าคนผู้นี้งามราวกับเทพสวรรค์?

กู้เสี่ยวหวานโกรธเคืองเล็กน้อย กู้ซินเถามุ่งเป้าไปที่ฉินเย่จือ เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะเคยเจอฉินเย่จือมาก่อน “ข้าคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า กู้ซินเถา หลีกทางไปให้พ้น พวกเรากำลังจะไปทายปริศนาโคมไฟแล้ว”

กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างขุ่นเคือง

กู้ซินเถามีความสุขเล็กน้อยเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานโกรธ หากแต่นางไม่แสดงสีหน้าใดออกมา และกล่าวอย่างไม่สบายใจ “เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังทำอะไร? ข้าแค่เพียงถามเจ้าเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงต้องใส่อารมณ์เช่นนี้ด้วย?”

กู้ซินเถากล่าวอย่างน่าสงสาร ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามของนางทำให้ชายที่ยังไม่แต่งงานพากันมองมา

คนผู้นี้เกิดมาพร้อมกับ ‘นางชาเขียว’*[1] จริง ๆ!

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะในหัวใจ แต่ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความบึ้งตึ้ง “กู้ซินเถา พวกข้าไม่เหมือนกับเจ้า มันไม่ง่ายเลยที่พวกข้าจะเข้าเมืองมาได้ ข้ามาที่นี่เพื่อย้อนวันวานกับเจ้าที่ไหนกัน พวกข้ามาเพื่อดูโคมไฟต่างหาก!”

กู้ซินเถาใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากของนาง ดูเหมือนนางจะเข้าใจว่ากู้เสี่ยวหวานหมายถึงอะไร นางหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้าลืมไป ข้าต้องขออภัยด้วย! บ้านของพวกเจ้าอยู่ในชนบทที่ไกลออกไป ดังนั้นแล้วเจ้าจึงต้องตั้งใจดู”

หลังจากกล่าวจบ นางก็กล่าวกับกู้เสี่ยวหวานอย่างใจดีว่า “พี่ชายของข้าเก่งในการทายปริศนา เจ้าอยากให้พี่ชายของข้าทายให้เจ้าหรือไม่ แล้วให้โคมไฟกับพวกเจ้าคนละอัน ตกลงหรือไม่?”

เมื่อครู่นี้ โคมม้าวิ่งในมือของกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ได้ให้คนรับใช้นำไปเก็บแล้ว หลังจากเล่นไปสักพัก พวกเขาก็ไม่อยากเล่นอีกต่อไป แต่เมื่อเห็น ‘ความใจดี’ ของกู้ซินเถาในครั้งนี้ กู้เสี่ยวหวานจะทำให้นางภูมิใจเช่นนี้ได้อย่างไร หญิงสาวคลี่ยิ้มอันแสนหวาน “ตกลง ขอบคุณนะเจ้าคะท่านพี่”

กู้เสี่ยวหวานกระตุกยิ้ม แต่ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างรู้สึกได้ว่ากู้เสี่ยวหวานมีความคิดสนุกบางอย่างอยู่ ดูเหมือนว่าคราวนี้ผู้ที่ชื่อกู้จือเหวินจะต้องอับอายเป็นแน่

กู้เสี่ยวหวานสนใจปริศนานี้มาก เดิมทีในชีวิตก่อน นางจะแข่งขันกับปู่ของนางเพื่อทายปริศนาโคมไฟทุกปี เพื่อดูว่าใครทายได้มากที่สุดและใครทายได้เร็วกว่า ย่าจะคอยบันทึกคะแนนอยู่ด้านข้าง เมื่อใครทายถูกก็จะเขียนลงไป ในตอนเด็ก ปู่มักจะชนะทุกครั้ง แต่หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานโตขึ้นมา เมื่อมาทายอีกครั้ง ปู้ก็ไม่สามารถชนะนางได้อีกแล้ว

ทุกครั้งที่ทายปริศนา ปู่และย่าจะมีความสุขมาก บางทีอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างคนชรากับลูกหลานของพวกเขา

ก่อนที่จะมาเจอพวกกู้ซินเถา กู้เสี่ยวหวานมีความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ทันทีที่เห็นกู้ซินเถา ความสนใจของนางก็หายไปทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นกู้ซินเถาสนับสนุนกู้จือเหวินพี่ชายของนางมาก กู้เสี่ยวหวานก็จะสงเคราะห์ให้

กู้จือเหวินเก่งมากอย่างนั้นหรือ? มาลองกันเลย!

สวีเฉิงเจ๋อเคยเห็นกู้จือเหวินทายปริศนาเกี่ยวกับโคมไฟมาก่อน และเด็กคนนี้ก็เป็นผู้ทายที่ดีจริง ๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูถูกของกู้เสี่ยวหวาน สวีเฉิงเจ๋อก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานจะทายปริศนาด้วยตนเอง?

แน่นอนว่ากู้จือเหวินมาถึงโคมไฟ มองดูปริศนาบนนั้นและให้คำตอบทันที คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จึงถอดโคมไฟออกและส่งให้กู้ซินเถาที่อยู่ด้านข้างทันที

เมื่อกู้ซินเถาถือโคมไฟอยู่ในมือ นางก็เอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากและหัวเราะ คงไม่ต้องพูดถึงว่านางภูมิใจแค่ไหน

*[1] ใช้กับผู้หญิงที่ทำตัวไร้เดียงสาต่อหน้าผู้ชาย และชอบไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ชายคนอื่น หรือเปลี่ยนผู้ชายไปเรื่อย