ตอนที่ 749 เรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง (3) ตอนที่ 750 รัฐเหยียน (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 749 เรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง (3) / ตอนที่ 750 รัฐเหยียน (1)
ตอนที่ 749 เรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง (3)

ยังมีเวลาอีกเดือนกว่าๆ กว่าจะถึงเวลาของศึกประลองภูติวิญญาณครั้งใหญ่ในรัฐเหยียน ในช่วงนั้นเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ตัดสินใจเดินทางกลับไปที่สำนักศึกษาหงส์อมตะเพื่อรายงานแผนการต่อไปของพวกเขาแก่เยี่ยนปู้กุย

เมื่อรู้ว่าพวกเขาจะกลับไปที่สำนักศึกษาหงส์อมตะ จวินอู๋เสียก็เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งเพื่อให้พวกเขานำกลับไปให้เยี่ยนปู้กุย นางต้องรักษาอาการบาดเจ็บของฟ่านจิ่นกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะต่อจึงไม่สามารถกลับไปด้วยได้ ขณะที่จวินอู๋เย่ากับฟ่านจัวยังคงอยู่ที่สำนักศึกษาเฟิงหัวต่อเป็นเพื่อนนาง

ในช่วงนี้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะฟื้นตัวได้ดี ผิวหนังที่ไหม้ไฟจนกลายเป็นสีดำของมันตกสะเก็ดและหลุดลอกออก ผิวหนังใหม่กำลังขึ้นแทนที่ ดูเป็นสีชมพูและอ่อนนุ่ม จากลูกบอลสีดำไหม้ไฟก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นลูกบอลสีชมพูแล้ว ดูเผินๆ เหมือนลูกหมูสีชมพูตัวเล็กๆ…

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกไฟไหม้อย่างรุนแรงหรือเปล่า แต่ขนของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมขึ้นเลย มันเคยถูกห่อหุ้มด้วยขนหนานุ่มอบอุ่น แต่จู่ๆ ก็สูญเสียการป้องกันจากความหนาวเย็นไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้คือช่วงสิ้นปี อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่สามารถหาพลังงานมาทำให้ตัวเองกระฉับกระเฉงได้ ตลอดทั้งวันถ้าไม่ตัวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่ม มันก็จะซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจวินอู๋เสีย

และทุกการกระทำของเจ้าแกะตัวโกร๋นนี่ ก็มีใครบางคนคอยเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดด้วยดวงตาที่ทอแสงวาววับ

“ไปหาอะไรมาให้มันใส่หน่อย” จวินอู๋เย่าพูดขึ้นช้าๆ กับเยี่ยซาและเยี่ยเม่ย ขณะที่มองไปยังใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสียลึกขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหาความอบอุ่น

เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซายืนนิ่งอยู่กับที่อย่างสับสน

พวกข้าจะไปหาชุดที่แกะตัวโกร๋นใส่ได้มาจากที่ไหนกันเล่า!

จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เย่า

จวินอู๋เย่ายิ้มมุมปากและพูดว่า “ในเมื่อเสี่ยวเสียเอ๋อร์กำลังจะเป็นตัวแทนของสำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อไปร่วมในศึกประลองภูติวิญญาณ เจ้าก็จำเป็นต้องมีเวลาฝึกฝนพลังวิญญาณบ้าง ถ้าเอาแต่อุ้มเจ้านั่นตลอดเวลา ข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่มีเวลาพอ”

น้ำเสียงนั้น วิธีที่เขาพูดออกมา ฟังดูสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง!

จวินอู๋เสียกะพริบตา วิธีบ่มเพาะพลังวิญญาณของนางแตกต่างจากคนอื่นๆ การอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่ได้ส่งผลกระทบกับนางแม้แต่น้อย การบ่มเพาะพลังวิญญาณของนางก็แค่เรียกบัวหิมะซังอวี้ออกมาตั้งตรงหน้า แล้วนางอยากจะทำอะไรต่อก็สามารถทำได้ทั้งนั้น

“ข้าคิดว่าพลังวิญญาณของเสี่ยวเสียเอ๋อร์ต้องใกล้จะทะลวงขึ้นสู่ขั้นต่อไปแล้วใช่หรือไม่” จวินอู๋เย่าถาม สายตาของเขามองไปยังอ่างบัวบนโต๊ะที่มีบัวหิมะซังอวี้ลอยอยู่

จวินอู๋เสียพยักหน้า

“เจ้าเลือกภูติวิญญาณที่จะใช้ในการเลื่อนขั้นแล้วหรือยัง”

นางส่ายหน้า

นางไม่มีเวลาไปหาหรอก

ทันใดนั้นจวินอู๋เย่าก็โยนอีกภารกิจหนึ่งให้เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยไปทำในทันที

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่พี่น้องร่วมวิบากกรรมทำอาหารและทำความสะอาดเสร็จแล้ว พวกเขาก็ยังต้องตัดสินใจว่าใครจะเป็นผู้หยิบเข็มกับด้ายขึ้นมาเย็บชุดกันหนาวให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ และใครจะเป็นผู้ทำภารกิจใหม่ที่ถูกโยนมาให้…นั่นคือหาภูติวิญญาณให้จวินอู๋เสียทะลวงขั้นพลังวิญญาณ!

ไม่นาน เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาจะสามารถนำเสนอตัวเองหน้าห้องถึงความเก่งกาจในหน้าที่ของพวกเขาได้ว่า มีพรสวรรค์ในการทำอาหารและทำความสะอาด ฆ่าศัตรูได้อย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี และยังโดดเด่นในการเย็บชุดแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง…

ทั้งสองคนแอบเช็ดน้ำตาให้ตัวเองอย่างรันทด

นายท่าน สำหรับบุคคลที่สูงส่งเช่นนายท่าน จะมาแข่งกับสัตว์วิญญาณเพื่อแย่งชิงความรัก มันเหมาะสมจริงๆ หรือขอรับ

หลังจากโยนงานให้ข้ารับใช้ของตัวเองแล้ว จวินอู๋เย่าก็ใช้ข้ออ้างว่าจะแนะนำการเลื่อนระดับพลังวิญญาณให้จวินอู๋เสียเพื่อเอาใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะออกจากอ้อมแขนของนาง และโยนมันลงบนเตียงนุ่มๆ ท่ามกลางกองผ้าห่มและผ้าปูที่นอนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะส่งเสียงร้องคัดค้านเบาๆ อย่างไร้ประโยชน์

หลังจากนั้น ก่อนที่จวินอู๋เสียจะได้พูดอะไร จวินอู๋เย่าก็ยื่นแขนมาโอบเอวเล็กๆ ของจวินอู๋เสีย และกระโดดเพียงครั้งเดียวลอยออกไปนอกลานป่าไผ่

“เจ้ารู้วิธีเย็บชุดหรือเปล่า” เยี่ยซาถามเยี่ยเม่ย มุมปากของเขากระตุกไม่หยุด สายตามองไปยังเจ้าแกะตัวโล้นที่ถูกห่ออยู่ในผ้าห่มหนาอย่างดี

เยี่ยเม่ยยักไหล่และตอบเสียงสลดว่า “เราซื้อเอาได้หรือไม่”

เยี่ยซาเกือบจะหลั่งน้ำตาขณะที่พูดว่า “ที่ไหนเล่า ทั่วทั้งสามโลกทั้งหมด เจ้าคิดว่าเราจะซื้อชุดที่พอดีตัวมันได้ที่ไหน”

“…ข้าเย็บก็ได้…”

ตอนที่ 750 รัฐเหยียน (1)

เมืองหลวงของรัฐเหยียนมักจะคึกคักวุ่นวายที่สุดในช่วงต้นปี เนื่องจากศึกประลองภูติวิญญาณระหว่างสำนักศึกษาต่างๆ มากมายที่จะจัดขึ้นที่นั่นในช่วงเวลานั้น ศิษย์ชั้นหัวกะทิจากสำนักศึกษามากกว่าหนึ่งร้อยสำนัก จะมาชุมนุมกันที่นั่นเพื่อแข่งขันชิงอันดับในศึกประลองภูติวิญญาณ!

ทุกปีสิบอันดับแรกในการประลองจะพบว่าตัวเองได้เจอกับจุดสูงสุดใหม่ๆ ในชีวิต เหล่าศิษย์จะพบว่าการจะมีชื่อเสียงก็แค่ต้องแสดงความสามารถออกมาให้เด่นกว่าคนอื่นๆ เพื่อได้รับสถานะและชื่อเสียงที่เป็นยิ่งกว่าความฝัน

การมีชื่อเสียงตั้งแต่วัยเยาว์เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเหล่าศิษย์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาทุกคน

ในฐานะเจ้าภาพที่จัดเวทีประลอง รัฐเหยียนมักจะพยายามจัดสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดให้กับทุกสำนักศึกษาเพื่อให้ศิษย์ทั้งหลายทำได้ดีที่สุดในศึกประลองภูติวิญญาณนี้

ในฐานะรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด และด้วยการเป็นเจ้าภาพงานประลอง ตลอดหลายปีมานี้รัฐเหยียนจึงได้สิทธิพิเศษในการเข้าถึงผู้ชนะศึกประลองภูติวิญญาณเป็นรายแรก เกือบทุกปีสิบอันดับแรกของการประลองมักจะถูกรัฐเหยียนชิงตัวไปประมาณครึ่งหนึ่งเสมอ ผู้เยาว์กลุ่มนี้จะมีความสามารถที่น่ายกย่องที่นำมาแสดงให้เห็น ถึงแม้ว่าพลังของพวกเขาจะยังไม่โตเต็มที่ แต่พรสวรรค์อันไม่ธรรมดาจะทำให้พวกเขาโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐอื่นๆ หรือตระกูลและสำนักที่มีอำนาจต่างๆ พวกเขาต่างก็เลือกเอาผู้เยาว์ที่แสดงศักยภาพได้ดีในศึกประลองภูติวิญญาณ และไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่สิบอันดับแรกเท่านั้น แต่ยังจับตามองผู้มีพรสวรรค์พิเศษและแย่งตัวพวกเขามาโดยไม่ลังเล

กล่าวได้ว่าศึกประลองภูติวิญญาณเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโดดเด่นสำหรับทางสำนักศึกษาและสำนักที่มีอำนาจทั่วโลก

ผู้มีอำนาจทั้งหลายสามารถสรรหาผู้มีพรสวรรค์มาเข้าร่วมกับพวกเขาได้มากขึ้น ขณะที่ทางสำนักศึกษาก็ได้รับชื่อเสียงเกียรติยศเมื่อศิษย์ของพวกเขาได้อันดับที่ดีๆ ในการประลอง

ดังนั้น ไม่สำคัญว่าจะเป็นสำนักศึกษาเองหรือเป็นตัวผู้เยาว์ที่เข้าร่วมการประลอง พวกเขาทั้งหมดต่างให้ความสำคัญในการไปให้ไกลที่สุดในศึกประลองภูติวิญญาณ

เนื่องจากทุกสำนักศึกษา มีที่นั่งในศึกประลองภูติวิญญาณให้เหล่าศิษย์แค่สิบที่เท่านั้น ผู้ถูกเลือกทั้งสิบคนจึงต้องเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดที่ผ่านการแข่งขันคัดเลือกที่เข้มงวดที่สุดและได้รับชัยชนะมา เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ไปแค่ในนามของตัวเองเท่านั้น แต่ยังแบกชื่อเสียงของสำนักศึกษาเอาไว้ด้วย

สามสุดยอดสำนักศึกษาจากทั่วแผ่นดินมี สำนักศึกษาเฟิงหัว สำนักศึกษาธงศึก สำนักศึกษาพิชิตมังกร ทั้งสามสำนักศึกษาที่แข็งแกร่งนี้ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุดในทุกๆ ปี สิบอันดับแรกของศึกประลองภูติวิญญาณมักจะเป็นตัวแทนจากสามสำนักศึกษานี้ รัฐเหยียนกับสำนักที่มีอำนาจต่างๆ ทั่วดินแดนจึงรับศิษย์จากสำนักศึกษาพวกนี้ไปมากมายในหลายปีที่ผ่านมา เหล่าศิษย์ทุกคนที่ฉายแสงได้อย่างโดดเด่นในศึกประลองภูติวิญญาณที่ผ่านมา และได้เข้าร่วมกับตระกูลและสำนักที่มีอำนาจเหล่านั้น ได้ออกจากสำนักศึกษาของพวกเขาไปและแข็งแกร่งมากขึ้น สร้างผลงานไว้อย่างล้นหลามให้แก่ตระกูลและสำนักที่พวกเขารับใช้!

แม้ว่าจะมีสำนักศึกษาที่เข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณมากกว่าร้อยสำนัก แต่สำนักศึกษาที่แข็งแกร่งพอจะชิงเอาสิบอันดับแรกได้มีเพียงสามสำนักศึกษานี้เท่านั้น ถึงแม้ศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นๆ จะไม่กล้าใฝ่ฝันว่าจะได้เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรก แต่พวกเขาก็ยังไม่ล้มเลิกที่จะเข้ามาแสดงศักยภาพของตัวเอง เนื่องจากรัฐต่างๆ และตระกูลหรือสำนักที่มีอำนาจทั้งหลายต้องการคนเป็นจำนวนมาก และคนสิบคนจากอันดับต้นๆ นั้นย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการของพวกเขา!

ระยะเวลาของศึกประลองภูติวิญญาณนั้นใช้เวลาทั้งเดือน และในช่วงนั้นรัฐเหยียนจะเป็นผู้จัดเตรียมอาหารและที่พักให้แก่คนจากสำนักศึกษาทุกคน หนึ่งสัปดาห์ก่อนงานประลองจะเริ่มขึ้น ขบวนเดินทางของสำนักศึกษาต่างๆ จะทยอยกันเข้ามาในเมืองหลวงของรัฐเหยียน สร้างความคึกคักครื้นเครงให้แก่เมืองหลวงเป็นอย่างมาก

รถม้าที่ประดับธงที่มีตราของสำนักศึกษาเฟิงหัวเคลื่อนที่ตรงไปยังประตูเมืองอย่างช้าๆ เมื่อเห็นรถม้าพวกนั้น ทหารที่เฝ้าประตูเมืองก็ปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไปในทันที ขบวนเดินทางประกอบด้วยรถม้าเพียงห้าคันเท่านั้น เมื่อเทียบกับขบวนเดินทางจากสำนักศึกษาอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณแล้ว จำนวนรถม้าของพวกเขาน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสำนักศึกษาอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด!