ตอนที่ 751 รัฐเหยียน (2) ตอนที่ 752 รัฐเหยียน (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 751 รัฐเหยียน (2) / ตอนที่ 752 รัฐเหยียน (3)
ตอนที่ 751 รัฐเหยียน (2)

มีศิษย์จากสำนักศึกษาอื่นมาถึงเมืองหลวงของรัฐเหยียนแล้วเป็นจำนวนมาก เนื่องจากศึกประลองภูติวิญญาณยังไม่เริ่ม หลายคนจึงเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆ เมืองหลวงเพื่อชมความเจริญรุ่งเรืองของรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยตาของตัวเอง

รถม้าห้าคันเคลื่อนที่ผ่านถนนสายหลัก ศิษย์สำนักอื่นหลายคนจำธงของสำนักศึกษาเฟิงหัวได้ในทันที ทุกคนต่างหยุด ชะเง้อคอมองขบวนของสำนักศึกษาหนึ่งในสามอันดับต้นๆ ในใต้หล้า สายตาของพวกเขาไม่ได้มีความอิจฉาริษยาแต่กลับมีแววเย้ยหยันดูถูกแทน

“ทำไมปีนี้สำนักศึกษาเฟิงหัวถึงส่งคนมาน้อยนักเล่า” ผู้เยาว์คนหนึ่งถามด้วยสีหน้างุนงงเป็นอย่างมาก เขามองไปที่รถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไป

เขามาจากสำนักศึกษาธรรมดาแห่งหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นในการเดินทางมาร่วมศึกประลองภูติวิญญาณครั้งนี้ สำนักศึกษาของเขายังส่งรถม้าออกมาถึงสิบคัน นอกจากผู้เข้าแข่งขันสิบคนแล้ว ยังมีอาจารย์อีกหลายคนกับแขกไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคน รวมทั้งสิ้นก็เกินสามสิบคนเข้าไปแล้ว

“แปลก ปีนี้สำนักศึกษาเฟิงหัวเป็นอะไร สำนักศึกษาพิชิตมังกรกับสำนักศึกษาธงศึกยังมากันอย่างน้อยก็ยี่สิบคัน รถม้าไม่กี่คันพวกนั้นจะมีคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวสักกี่คนกัน” ผู้เยาว์ถามพลางเกาหัว ในใจเต็มไปด้วยคำถาม

คาดว่าศึกประลองภูติวิญญาณจะใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน นอกจากศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ก็จะมีอาจารย์ที่จะมาคอยให้คำแนะนำและเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลเสบียงและข้าวของต่างๆ มากับขบวนด้วย รวมถึงของบางอย่างที่พวกเขาขาดไม่ได้ ดังนั้นต่อให้มีคนเข้าร่วมการประลองแค่สิบคน แต่จำนวนคนที่แต่ละสำนักศึกษาส่งมาอย่างน้อยก็มากกว่านั้นสองสามเท่า

ยิ่งเป็นสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงมากเท่าไร การเตรียมตัวก็ยิ่งต้องพร้อมมากขึ้นเท่านั้น อย่างสำนักศึกษาธงศึก ขบวนเดินทางของพวกเขาไม่เพียงมีคนของสำนักศึกษาตัวเองเท่านั้น แต่ผู้เข้าแข่งขันเองยังพาคนรับใช้ส่วนตัวของตัวเองมาคอยรับใช้ในหนึ่งเดือนนั้นด้วย พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดขณะที่เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง

ยิ่งกว่านั้น ระดับการต้อนรับขับสู้ที่รัฐเหยียนหยิบยื่นให้สำนักศึกษาต่างๆ ก็แตกต่างกันตามความยิ่งใหญ่ของพวกเขา สำหรับสำนักศึกษาอย่างสำนักศึกษาเฟิงหัวที่เป็นหนึ่งในสามสุดยอดสำนักศึกษานั้น รัฐเหยียนย่อมต้อนรับอย่างดีที่สุดต่อให้พวกเขาขนคนมามากถึงเจ็ดสิบแปดสิบคนก็ตาม

แต่สำนักศึกษาเฟิงหัวในปีนี้กลับมีรถม้ามาเพียงห้าคันเท่านั้น และรถม้าคันหนึ่งก็จุคนได้มากที่สุดสี่คน รวมแล้วก็จะมีคนแค่ยี่สิบคนเท่านั้น ต่ำกว่าจำนวนที่คาดไว้จากอันดับและสถานะของพวกเขาไปมาก

ผู้เยาว์คนอื่นที่อยู่ถัดจากเขาร้องอุทานขึ้นว่า “เจ้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวเลยหรือ”

“เกิดอะไรขึ้น” ผู้เยาว์คนนั้นถามด้วยสีหน้างุนงงสับสน

สหายของเขาพูดอย่างภูมิใจว่า “ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ! เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวเมื่อปลายปีที่แล้ว เจ้าไม่ได้ยินข่าวสะเทือนแผ่นดินนี่สักนิดเลยเรอะ!”

ผู้เยาว์คนนั้นส่ายหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้ เขากระโจนเข้าหาสหายของเขาแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”

“มันเป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ ขนาดสั่นสะเทือนสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งสำนักเลย รองอาจารย์ใหญ่ฆาตกรรมอาจารย์ใหญ่ฟ่านฉี และตอนนี้ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ก็ตกเป็นของบุตรชายของฟ่านฉี ฟ่านจิ่น”

“อะไรนะ! ฟ่านจิ่นน่ะรึ ข้าจำได้ว่าเขาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณเมื่อปีที่แล้วด้วย ถึงจะไม่ได้เป็นสิบอันดับแรก แต่เขาก็ยังได้อันดับที่ดีมากอยู่นะ แต่ว่า…เขาเพิ่งอายุเท่าไรกัน ให้เขาเป็นอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาเฟิงหัวแบบนี้ พวกเขาไม่ประมาทเลินเล่อกันเกินไปหน่อยหรือ!” ผู้เยาว์คนนั้นถามพลางเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ถึงแม้ฟ่านจิ่นจะเป็นชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์โดดเด่น แต่อายุของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากศิษย์ส่วนใหญ่เท่าไรนัก อาจารย์ใหญ่ทุกท่านจากสำนักศึกษาอื่นๆ เป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับความเคารพนับถือทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มที่เพิ่งแตกหนุ่มเลย ต่อให้ฟ่านจิ่นมีอายุมากกว่านี้สองเท่า เขาก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์ใหญ่!

“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้อีกเล่า รองอาจารย์ใหญ่สังหารอาจารย์ใหญ่ตายเลยนะ สำนักศึกษาเฟิงหัวในวันนี้ไม่ใช่สำนักศึกษาเฟิงหัวที่แข็งแกร่งเหมือนในอดีตอีกแล้ว หลังจากศิษย์กับอาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวจากไปในตอนวันหยุดสิ้นปี พอปีการศึกษาใหม่เริ่มต้นขึ้นตอนต้นปีนี้ ก็มีคนกลับมาน้อยมากๆ”

ตอนที่ 752 รัฐเหยียน (3)

“เดิมทีสำนักศึกษาเฟิงหัวมีศิษย์มากกว่าพันคนในตึกหลัก แต่จำนวนคนที่กลับมาในครั้งนี้เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น กระทั่งอาจารย์ส่วนใหญ่ก็จากไปแล้ว สำนักศึกษาเฟิงหัวในปัจจุบันไม่มีอาจารย์มากพอจะที่สั่งสอนศิษย์ได้แล้ว พวกลูกศิษย์เองก็ไม่โง่ที่จะกลับไปที่นั่นอีก ข้าได้ยินว่าคนหลายคนที่เป็นตัวแทนสำนักศึกษาเฟิงหัวในศึกประลองภูติวิญญาณครั้งที่แล้ว ตอนนี้ได้ย้ายไปเข้าสำนักศึกษาธงศึกกับสำนักศึกษาพิชิตมังกรแล้ว”

“จะเป็นไปได้อย่างไร สำนักศึกษาเฟิงหัวยังมีสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณอยู่ไม่ใช่หรือ นั่นมีเฉพาะพวกเขาที่เดียวเลยนะ ทำไมคนมากมายถึงได้อยากจะออกจากที่นั่นเล่า” ผู้เยาว์คนนั้นถามด้วยสีหน้าตกใจ เขามาจากสำนักศึกษาที่ไม่เป็นที่รู้จัก จึงไม่เคยกล้าคิดว่าสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงอย่างสำนักศึกษาเฟิงหัวจะล่มสลายลงในเวลาสั้นๆ เช่นนี้

ผู้เยาว์อีกคนยิ้มเยาะ “ถ้าไม่ใช่เพราะสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณละก็ ข้าว่าคงไม่มีศิษย์กลับไปที่นั่นแม้แต่คนเดียว ข้าได้ยินว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องแค่อาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่สองคนเท่านั้น แต่ศิษย์มากมายก็ถูกลากเข้าไปเดือดร้อนด้วย หลายคนต้องเสียชีวิตไปโดยไม่จำเป็น ใครจะยังกล้าอยู่ในสถานที่น่ากลัวแบบนั้นอีก ไม่ว่าเจ้าจะได้ความแข็งแกร่งจากที่นั่นมามากแค่ไหนก็ตาม แต่ชีวิตของเจ้าย่อมสำคัญที่สุด! ไม่ใช่หรืออย่างไร”

“ถ้าเช่นนั้นสำนักศึกษาเฟิงหัวปีนี้ไม่เดือดร้อนหนักเลยหรือ ศิษย์หัวกะทิทั้งหมดหนีไป ฟ่านจิ่นก็เป็นอาจารย์ใหญ่ไปแล้ว อย่าบอกข้านะว่าเขายังมีคุณสมบัติเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณในฐานะศิษย์อยู่น่ะ” ในฐานะอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษา แต่จำเป็นต้องเข้าประลองร่วมกับศิษย์ของตัวเอง ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกเขาได้กลายเป็นตัวตลกแน่ “ใครจะไปรู้เล่า ปีนี้สำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ได้มีอะไรมาแสดงมากนัก ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ฟ่านจิ่นจะเข้าร่วมการประลองต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงของสำนักศึกษากลับมา แต่…ถ้าให้ข้าพูดนะ ข้าจะบอกพวกเขาว่าในเมื่อสำนักศึกษาเฟิงหัวตกต่ำลงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณในปีนี้ก็ได้ การมาที่นี่ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้าเท่านั้น”

ผู้เยาว์ทั้งสองคนพูดคุยกันต่อขณะเดินเที่ยวเล่นไปรอบๆ เมืองหลวง และทุกๆ ที่ที่พวกเขาไป บทสนทนาและหัวข้อถกเถียงที่ได้ยินก็เหมือนๆ กับที่พวกเขาเพิ่งคุยกันไป

สำนักศึกษาเฟิงหัวที่เคยเป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่อิจฉาอย่างมากมาย ได้พังทลายลงในเวลาแค่เดือนกว่าๆ สถานะทางการเงินที่เคยเข้มแข็งบัดนี้ก็เหลือน้อยเต็มที เมื่อพวกหัวกะทิและอาจารย์จากตึกหลักพากันออกไป สำนักศึกษาเฟิงหัวก็ทำได้แค่พึ่งศิษย์ที่เลื่อนขึ้นมาจากตึกรองซึ่งดูน่าสงสารและสิ้นหวัง สำนักศึกษามากมายต่างรอคอยที่จะเห็นสำนักศึกษาเฟิงหัวกลายเป็นตัวตลก ในขณะเดียวกันสำนักศึกษาที่เคยอยู่ในอันดับต่ำกว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวก็เริ่มตื่นเต้นและปรารถนาจะได้แทนที่พวกเขา

ในที่สุดรถม้าของสำนักศึกษาเฟิงหัวก็เคลื่อนมาหยุดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

มันเป็นหนึ่งในเขตที่เจริญมากของเมืองหลวง อาณาเขตกว้างใหญ่ถูกจัดสรรให้สำนักศึกษาต่างๆ ไว้เพื่อพักผ่อนและฟื้นตัว ทุกๆ อาคารในเขตนั้นบัดนี้เต็มไปด้วยศิษย์จากสำนักศึกษาต่างๆ และเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ อีกหลายแห่งในเมือง ที่นี่เป็นที่ที่เงียบกว่ามาก

ทหารยามในชุดเกราะเบากำลังยืนเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยม เมื่อรถม้าของสำนักศึกษาเฟิงหัวหยุดลง ทหารยามทั้งสองก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขา

ที่ห้องชั้นบนของอาคารตรงข้ามกับพวกเขา ผู้เยาว์หลายคนกำลังมองมาที่รถม้าของสำนักศึกษาเฟิงหัวตาไม่กะพริบ สายตาของพวกเขามีแววเยาะเย้ย ถึงแม้เรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวจะถูกระงับข่าวเอาไว้อย่างเต็มที่ แต่ศิษย์ที่ไปจากพวกเขาไม่ได้ถูกเย็บปากไว้เสียหน่อย และตอนนี้เรื่องเลวร้ายที่เกิดกับสำนักศึกษาเฟิงหัวก็เป็นข่าวที่คนทั่วแผ่นดินรู้กันดีไปแล้ว!

พวกผู้เยาว์ต่างกระตือรือร้นที่จะเห็นกับตาตัวเองว่าสวะไร้ประโยชน์แบบไหนกันที่สำนักศึกษาเฟิงหัวจะใช้ทดแทนจำนวนคนของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม พอศิษย์คนแรกของสำนักศึกษาเฟิงหัวก้าวออกมาจากรถม้า พวกผู้เยาว์ที่กำลังเฝ้ามองอย่างตั้งใจเตรียมที่จะหัวเราะเยาะใส่ ก็พลันเบิกตากว้างและพูดอะไรไม่ออก!