บทที่ 414 พวกเจ้าแค่ยังหาไม่เจอ
บทที่ 414 พวกเจ้าแค่ยังหาไม่เจอ
เมื่อเห็นคะแนนความโกรธเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างขี้เหนียวจริง ๆ
“แม่นางชิว เพลงของเจ้าเนิบนาบและจืดชืดเกินไป มันขาดความสดใสและจังหวะก็ไม่ชัดเจน นี่คือเหตุผลที่ช่วยไม่ได้ และฟังดูน่าเบื่อเล็กน้อย”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นเย้ยหยันอย่างไม่ใส่ใจที่จะซ่อนความไม่พอใจของนาง “ไอ้คน ๆ มันพูดจาไร้สาระแบบนี้ออกมาได้ยังไง โน้ตของพิณนั้นอ่อนโยนและแผ่วพริ้วเป็นปกติอยู่แล้ว มันไม่ใช่เครื่องดนตรีที่มีจังหวะเร่งเร้าโฉ่งฉ่างสักหน่อย!”
ชิวฮัวเล่ยขมวดคิ้วเช่นกัน นางมีความคิดที่คล้ายกันกับเซี่ยเต๋าอวิ๋น แต่ก่อนที่นางจะพูดค้าน ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการเล่นพิณหลายคนเริ่มพากันเยาะเย้ยซูอัน
แต่แน่นอนว่าซูอันไม่สนใจกับพวกคำเยาะเย้ยนั้นเลย เขายังคงมองชิวฮัวเล่ยอย่างสงบ
เมื่อนางเห็นว่าเขาไม่ได้หงุดหงิดอะไร ชิวฮัวเล่ยก็เริ่มไม่แน่ใจในตัวเอง ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนงี่เง่า แต่ทำไมเขาถึงยืนกรานที่จะพูดแบบนี้? อย่าบอกนะว่าข้ามีข้อบกพร่องจริง ๆ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงเม้มริมฝีปากสีแดงสดและเอ่ยขึ้นว่า “บางทีนายน้อยซูอาจเข้าใจผิด เสียงเพลงของพิณนั้นเน้นในการขับกล่อมผู้เล่นและปลอบประโลมหัวใจเหล่าผู้ฟัง ตั้งแต่สมัยโบราณ เสียงดนตรีของพิณไม่มีจังหวะตื่นเต้นเร้าใจ แต่ถูกใช้เพื่อสำแดงความงดงามทางอารมณ์ของศิลปะอย่างละเมียดละไม”
ซูอันยิ้ม “มันน่าสนใจจริง ๆ ที่เจ้าพูดว่าเสียงเพลงของพิณช่วยขับกล่อมผู้เล่น งั้นข้าขอถามเจ้ากลับสักหน่อย ตอนที่เจ้าบรรเลงพิณก่อนหน้านี้มันคือการทำให้ตัวเองพอใจหรือเพื่อเอาใจคนที่ฟังอยู่?”
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึงนิ่งเงียบไปเป็นครู่
ที่ห้องชั้นบน เซี่ยเต๋าอวิ๋นขมวดคิ้ว นางเริ่มมีความเข้าใจในสิ่งที่ซูอัน พยายามจะสื่อถึงแม้ว่ามันจะคลุมเครือ
เพ่ยเหมียนหมานเอนตัวพิงขอบหน้าต่างพร้อมกับแสดงสีหน้าแปลกประหลาด “ผู้ชายคนนี้มีความสามารถแปลก ๆ”
อาจเป็นเพราะการยืนขึ้นทำให้เหนื่อยเกินไป นางจึงลากเก้าอี้เล็ก ๆ ไปที่ข้างหน้าต่างและนั่งลงพร้อมกับเอาหน้าอกพาดบนขอบหน้าต่าง ซึ่งมันนางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในทันที โชคดีที่แต่ละห้องมีความเป็นส่วนตัวสูงและมีม่านมุกปิดหน้าต่างทุกบานไว้ ถ้าหากหน้าต่างห้องนี้เปิดโล่ง มันคงมีดวงตาจำนวนไม่น้อยหันเหความสนใจจากสุดยอดคณิกามายังนาง
ซูอันกล่าวต่อว่า “โน้ตที่พิณสร้างขึ้นนั้นอ่อนโยน และเสียงของมันสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้ง เพลงพิณจึงมักจะเล่นในสภาพแวดล้อมที่สวยงามและเงียบสงบของภูเขาและแม่น้ำที่ไหลผ่าน หรือภายในที่พักที่เป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม แม่นางชิวกลับเล่นพิณในหอคณิกาที่มีเสียงดังวุ่นวาย! สภาพแวดล้อมที่นี่ขัดแย้งกับธรรมชาติของเสียงพิณอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความไม่ลงรอยกัน ข้าเชื่อว่านี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมแม่นางชิวถึงไม่สามารถหาข้อบกพร่องจากการบรรเลงของตัวเองได้”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นร้องออกมาด้วยความประหลาดใจจากชั้นสอง นางทบทวนคำพูดของซูอันกลับไปกลับมาอยู่ในใจ
ชิวฮัวเล่ยในตอนแรกรู้สึกไม่เห็นด้วยนัก แต่พอคิดตามไปเรื่อย ๆ รอยยิ้มที่มีประดับอยู่บนริมฝีปากเสมอของนางก็ค่อย ๆ หายไปในขณะที่นางจมอยู่ในห้วงความคิด
เมื่อเห็นรอยยิ้มของนางหายไป ฝูงชนก็เชื่อว่าคำพูดของซูอันทำให้นางโกรธ พวกเขาฉวยโอกาสช่วยเหลือนางเพื่อเรียกความประทับใจทันที
“ไร้สาระ! ในหอคณิกามีหญิงสาวเล่นพิณมากมาย! ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องเล่นในที่เงียบ ๆ อย่างเดียว!”
ซูอันตอบกลับทันที “เป็นเพราะสถานประกอบการเหล่านี้ต้องการเอาใจพวกเจ้าทุกคน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีผู้เล่นพิณมากมายในหอคณิกา”
“พวกเจ้าลองคิดดี ๆ ว่ามีนางคณิกากี่คนที่เล่นพิณ? นางคณิกาส่วนใหญ่จะหันไปเล่นเครื่องดนตรีอื่นเช่น กู่เจิง หรือผีผามากกว่า ซึ่งดีพอที่จะทำให้คนทั่วไปพอใจ ส่วนผู้ที่เลือกบรรเลงพิณมักเป็นคณิกาอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกับแม่นางชิวแห่งหอสุขนิรันดร์แห่งนี้ เนื่องจากพิณมีความประณีตและสง่างาม ซึ่งพวกนางใช้มันเป็นตัวแบ่งแยกว่านางแตกต่างจากคณิกาอื่น นางต้องการใช้พิณเพื่อเพิ่มสถานะของตนเอง ทำการตลาดจากกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่ได้ฉุกคิดสักนิดเลยว่าพิณเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากันกับหอคณิกา”
เสียงที่ก่นด่าเขาค่อย ๆ เงียบลง บางคนเริ่มตระหนักว่าคำพูดของซูอัน ไม่ได้ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
เพิ่มสถานะทางการตลาดให้ตัวเอง? เพ่ยเหมียนหมานยังคงพิงขอบหน้าต่างขณะที่นางครุ่นคิด แม้ว่าคำที่ซูอันใช้จะฟังดูหยาบคาย แต่ก็น่าสนใจทีเดียว และตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาลงเอยด้วยการจาบจ้วงชิวฮัวเล่ย เขายังได้ตำหนิผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคณิกาอันดับหนึ่งทั้งหมดด้วย
ตามที่คาดไว้ เมื่อชิวฮัวเล่ยได้ยินคำวิจารณ์ของเขา ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดและตัวสั่น
ซูอันกล่าวเสริมในทันทีว่า “แต่ถ้าจะให้พูดอย่างยุติธรรม เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดของแม่นางชิวหรอก มันแค่เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ เขาก็ทำกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจให้มากเกินไป”
ชิวฮัวเล่ยกลอกตาด้วยความขุ่นเคืองที่ซ่อนอยู่ “ข้าจะไม่ใส่ใจได้ยังไง? หลังจากได้ยินคำพูดของนายน้อย ข้าคงเล่นพิณไม่ได้อีกแล้ว!”
ชิวฮัวเล่ยทำท่าคร่ำครวญอย่างปวดร้าว
“ได้โปรด แม่นางชิว! ดนตรีของท่านงดงามจริง ๆ ข้าไม่ได้แกล้งพูดนะ!”
“ไอ้เด็กเวรนั่นพูดไร้สาระ! มันไม่รู้อะไรเลย!”
“จริง ๆ นะ! ถ้าแม่นางชิวไม่เล่นพิณอีก มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเมืองจันทร์กระจ่าง! ไม่สิ มันจะเป็นความสูญเสียต่อราชวงศ์โจวเลยด้วยซ้ำ!”
…
ฝูงชนคร่ำครวญด้วยความเศร้าโศก ขณะที่จ้องมองซูอันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ในทางกลับกัน เมื่อเห็นว่าคะแนนความโกรธแค้นพุ่งมาขึ้นอีกแค่สองพันคะแนน ซูอันก็รู้สึกดูถูกฝูงชนที่กำลังก่นด่าเขา ไอ้พวกชอบเลียแข้งเลียขาพวกนี้นี่มันงี่เง่าจริง ๆ วัน ๆ เอาแต่คอยเลียเท้าไปเรื่อย ๆ แต่แล้วเดี๋ยวสุดท้ายพวกเจ้าก็จะพบว่าความจริงไม่มีอะไรเหลือให้พวกเจ้าเลย! ความพยายามที่พวกเจ้าทุ่มเทไปมันสูญเปล่า!
ในขณะเดียวกันนี้ เซี่ยซิวเอียงศีรษะเล็กน้อยฟังคนที่อยู่ข้าง ๆ กระซิบบอกอะไรบางอย่างกับเขา จากนั้นเมื่อฟังเสร็จก็ทำท่าประหลาดใจก่อนที่จะพูดเสียงดังว่า “พี่ซู แม้ว่าสิ่งที่ท่านพูดจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่แม่นางชิวก็บรรเลงเพลงของนางได้อย่างเชี่ยวชาญ และอารมณ์ของนางก็ผสมผสานเข้ากับดนตรีได้อย่างลงตัว! สิ่งที่ท่านชี้ให้เห็นนั้นคลุมเครือเกินไป และไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม”
หลังจากพูดเช่นนี้ เขาก็ยิ้มขอโทษซูอัน เห็นได้ชัดว่าการฉีกหน้าคนอื่นแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอับอายเล็กน้อยเช่นกัน
เมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกนี้ของเซี่ยซิว ซูอันก็พอจะเดาได้ว่านี่น่าจะเป็นคำพูดของเซี่ยเต๋าอวิ๋นมากกว่าของเซี่ยซิว
ข้อโต้แย้งของเซี่ยซิว ทำให้ฝูงชนที่เหลือตั้งหลักกันได้อีกรอบ
“ถูกต้อง! ทุกคนสามารถพูดเกี่ยวกับหลักการที่คลุมเครือและกว้าง ๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้สมองอะไรมาก อย่างไรก็ตาม คำแนะนำที่สามารถนำไปปรับใช้ได้นั้นถึงจะมีค่าอย่างแท้จริง!”
ซูอันส่ายหัวก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างสงบและไม่เร่งรีบ “เหตุผลหลักที่พิณไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของหอคณิกา เพราะว่าท่วงทำนองที่มันสร้างขึ้นนั้นดูจืดชืดเกินไป หากสามารถจับคู่กับเครื่องดนตรีอื่นที่สามารถเสริมจุดด้อยตรงนี้ได้ บทเพลงที่ออกมาจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และมีจังหวะที่ชัดเจนขึ้น”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นพ่นลมหายใจและบอกความคิดเห็นของนางให้เซี่ยซิว นำไปถ่ายทอด
เซี่ยซิวแสดงอาการหมดหนทาง แต่เขาก็ยังพูดแทนนาง “ท่านพูดเหมือนทำง่าย เครื่องดนตรีที่แตกต่างกันมีเสียงและอารมณ์ที่แตกต่างกัน เสียงของพิณนั้นเล็กและละเมียดละไม หากมีการเพิ่มเครื่องดนตรีอื่นเข้าไปอาจกลบเสียงพิณจนหมด ซึ่งมันจะทำให้สูญเสียเสน่ห์ของพิณไปอย่างสิ้นเชิง”
ชิวฮัวเล่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว อันที่จริง นักดนตรีหลายคนเคยลองใช้แนวคิดดังที่นายน้อยซูว่ามาก่อนแล้ว แต่ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาล้มเหลว เป็นเพียงทฤษฎีที่ไม่อาจนำมาปฏิบัติได้จริง”
เสียงโห่ร้องยินดีดังมาจากทุกทิศทุกทางของห้องโถง ฝูงชนต่างดีใจที่เห็นซูอันเป็นฝ่ายอับอาย
“ทั้งหมดนี้สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีที่ถูกต้อง แค่พวกเจ้ายังหามันไม่เจอ” ซูอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ระดับความเข้าใจทางดนตรีในโลกนี้ตื้นเขินจริง ๆ คนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใจปัญหาง่าย ๆ อย่างนี้ได้เหรอ?
บนชั้นสอง เซี่ยเต๋าอวิ๋นพ่นลมหายใจ การโต้เถียงกับคนโง่อย่างนี้เป็นการเสียเวลาของนางโดยเปล่าประโยชน์
ผู้ชายคนนี้ต้องการเอ่ยอ้างถึงบางสิ่งที่ผู้บรรเลงพิณจากอดีตจนถึงปัจจุบันไม่เคยทำสำเร็จขึ้นมาเพื่อทำให้ตัวเองดูดีงั้นเหรอ? ถ้ามันง่ายขนาดนั้นใคร ๆ ก็คงทำกันไปหมดแล้วล่ะ!
นางแน่ใจอย่างชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้น่าจะมีความเข้าใจเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพิณ เมื่อคิดว่านางได้มีส่วนร่วมในการพูดคุยกับเขาเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนแม้จะเป็นการสนทนาผ่านน้องชายนาง ก็ทำให้นางรู้สึกอดสูจริง ๆ
เมื่อเฉินเซวียนรู้ว่าไม่มีทางที่ซูอันจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ เขาจึงฉวยโอกาสซ้ำเติม “พูดง่ายนี่ แค่อ้าปากให้มีเสียงใคร ๆ ก็ทำได้! หากเจ้ารู้วิธีจริง ๆ ทำไมไม่ลงมือทำให้ดูล่ะ?”