บทที่ 417 แยกออกไป
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่โม่เสี่ยวฮุ่ยอยู่กับเคธี่ มองออกเลยว่าเคธี่ชอบลูกชายของตัวเอง
ดูจากแววตาของเคธี่แล้ว ก็สามารถมองออกได้ว่า ในตอนที่พูดถึงลูกสายของตัวเอง ก็เหมือนหญิงสาวที่พึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
ใครจะไม่เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาล่ะ?
ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องคิดมาวิธีแยกเจียงหยุนเอ๋อออกจากลูกชายของตัวเอง ให้โอกาสเคธี่และลี่จุนถิงนัดกันสองต่อสอง
เคธี่นี้ไม่ว่าจะภาพลักษณ์ภายนอก สถานะทางบ้านแล้วก็การพูดการจาต่างก็ดีกับเจียงหยุนเอ๋อเยอะมาก โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องคิดหาวิธีตามหาคนที่ตัวเองชอบ
โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่เชื่อแล้วว่าหากลี่จุนถิงเห็นเคธี่แล้วจะไม่ชื่นชมเธอ
พอนึกถึงจุดนี้ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ดีใจมาก พอเป็นแบบนี้ ตัวเองก็ไม่ต้องเจอเจียงหยุนเอ๋อผู้หญิงคนนั้นทุกวันแล้ว
ดวงตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยประกายขึ้นทันที ในใจมีวิธีที่ดีแล้ว
วันนี้ท่านปู่ลี่บอกว่าคิดถึงหลานชายของตัวเอง ฉะนั้นก็เลยเรียกลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อพาถวนจื่อมาที่บ้านของตระกูลลี่
ท่านปู่ลี่ชอบถวนจื่อ แน่นอนว่าเจียงหยุนเอ๋อเองก็ดีใจ แต่ว่าเรื่องครั้งที่แล้วเธอก็ยังคงคิดมากในใจ
ลี่จุนถิงมองออกถึงความกังวลของเจียงหยุนเอ๋อ “วางใจเถอะ ถึงแม้ว่าท่านปู่จะเคร่งครัด แต่ว่าไม่ทำอะไรเด็กแน่นอน”
ลี่จุนถิงเองก็รู้ดีเกี่ยวกับนิสัยของคุณปู่ ได้แต่พูดว่าให้ถวนจื่อใกล้ชิดกับท่านปู่ลี่มากๆ ข้อดีต้องมีมากกว่าข้อเสียแน่นอน
ไม่เช่นนั้น ลี่จุนถิงก็คงไม่ตอบตกลงท่านปู่ลี่เร็วขนาดนี้หรอก
เจียงหยุนเอ๋อหยักหน้า “อื้ม ฉันรู้ ฉันกลัวคนอื่น”
“อย่ากังวล ฉันก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ”
ลี่จุนถิงไม่ยอมให้คนในตระกูลลี่มาทำร้ายถวนจื่ออีก ถึงแม้ว่าจะเป็นคนอื่นก็ไม่ได้
มีลี่จุนถิงอยู่ในใจของเจียงหยุนเอ๋อวางใจขึ้นเยอะมาก
ถวนจื่อกลับไม่ได้กลัวอะไร ถึงแม้ว่าในปกติท่านปู่ลี่จะค่อนข้างเคร่งครัด แต่ว่าเด็กคือสิ่งที่สามารถตรวจสอบเรื่องราวได้ดีที่สุดแล้ว
ถวนจื่อมองออก ท่านปู่ลี่ก็ชอบตัวเองมาก ถึงแม้ดูแล้วจะดุ
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลูกชายตัวเองไม่ได้มีการคัดค้านอะไรในการไปเยี่ยมท่านปู่ลี่ที่บ้านของตระกูลลี่ ในใจก็ค่อยๆ ปล่อยวางลงแล้ว
ในไม่ช้า ทั้งสามก็มาถึงบ้านของตระกูลหัวเราะ
ถวนจื่อเข้าไปในบ้านคนแรกเลย
พอเข้ามาถึงห้องรับแขกก็มองเห็นท่านปู่ลี่ที่นั่งอยู่ตรงกลางเหมือนกำลังดูทีวีอยู่ แต่ก็เหมือนใจจะไม่อยู่กับตัว ถวนจื่อรีบพุ่งตรงไป แล้วเรียกว่า “ท่านปู่ทวด”
ท่านปู่ลี่เห็นถวนจื่อมาแล้ว ความเร่งรีบที่อยู่บนใบหน้าในตอนแรก ก็รีบปล่อยออกทันที จากนั้นก็ยิ้ม เปิดอ้าแขนทั้งสองข้าง “โย เหลนของฉัน หนูมาแล้วหรอ?”
ถวนจื่อเข้าไปในอ้อมกอดของท่านปู่ลี่ทันที “ท่านปู่ทวนผมมาแล้วครับ”
ท่านปู่ลี่ลูบหัวของถวนจื่อ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ”
และในขณะนี้ ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อก็ตามเข้ามา พอเข้ามาในห้องรับแขกก็เห็นภาพที่ถวนจื่อและท่านปู่ลี่กอดกันอยู่ ทั้งสองอึ้งไปเลย หลังจากที่มองซึ่งกันและกันแล้ว ก็เผยรอยยิ้มออกมา
เหมือนว่าความสัมพันธ์ของถวนจื่อและท่านปู่ลี่ จะดีกว่าที่ตัวเองคิดเยอะมาก
ท่าปู่ลี่เห็นทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าประตู ก็รีบเก็บรอยยิ้ม หลังจากกระแอมคอไปหนึ่งที ก็ทำเป็นพูดด้วยความเคร่งครัดกว่า “มาแล้วหรอ นั่งสิ”
ถ้าหากปกติแล้ว เจียงหยุนเอ๋ออาจจะรู้สึกว่าท่านปู่ลี่ไม่ค่อยชอบที่ตัวเองมา แต่ตอนที่เห็นรอยยิ้มในตอนที่เขาและถวนจื่อโอบกอดกัน เจียงหยุนเอ๋อจึงจะรู้ว่าที่แท้ท่าปู่ลี่ก็เสแสร้งขึ้นมา
ถวนจื่อนั้นกลับนั่งไปยังข้างๆ ของท่านปู่ลี่อย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็เริ่มหยิบส้มขึ้นมาปอกเปลือก
ท่านปู่ลี่นั้นก็พูดคุยเรื่องที่บริษัทกับลี่จุนถิง
เจียงหยุนเอ๋อนั้นก็นั่งดูถวนจื่ออย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ
“ท่าปู่ทวด ทานส้มครับ” ถวนจื่อหยิบส้มออกมาแล้วยื่นให้ท่านปู่ลี่
ท่านปู่ลี่ได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าถวนจื่อเป็นคนอยากคิด คิดไม่ถึงว่าจะปอกให้ตัวเองกิน
“ขอบคุณถวนจื่อ” ท่านปู่ลี่รับส้มมาด้วยความดีใจ
ในวินาทีที่ผลส้มเข้าไปในปาก ท่านปู่ลี่รู้สึกว่านี่คือส้มที่อร่อยที่สุดเท่าที่เขาเคยกินมา
แน่นอนว่าถวนจื่อไม่ทางลืมเจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิง
หลังจากกระโดดลงโซฟาแล้ว ถวนจื่อให้เจียงหยุนเอ๋อไปกลีบหนึ่งก่อน จากนั้นก็ให้ลี่จุนถิงอีกกลับหนึ่ง
ลี่จุนถิงมีความหึงเล็กน้อย ถามว่า “ทำไมถึงให้หม่ามี้ก่อนล่ะ?”
ถวนจื่อไม่ได้เก็บมาคิดในใจ “ผู้หญิงต้องมาก่อนครับ คิดไม่ถึงเลยว่าแด็ดดี้จะไม่เข้าใจเหตุผลนี้”
คำพูดประโยคเดียว ลี่จุนถิงกลับไม่สามารถตอบกลับได้
ท่านปู่ลี่เห็นหลายชายของตัวเองเงียบไปเลย รีบหัวเราะเสียงดังออกมา “จุนถิงเอ้ยจุนถิง คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะมีวันนี้ด้วย”
ผ่านไปสักพักในห้องรับแขกก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ
มุมหนึ่งในข้างบนตึก โม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
รู้สึกไม่พอใจ ตอนนี้ท่านปู่ลี่ยิ่งอยู่ยิ่งชอบเจ้าเด็กนั่นแล้ว ไม่แน่อาจจะชอบเจียงหยุนเอ๋อตามไปด้วยดั่งสุภาษิตที่ว่ารักใครก็รักคนหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย
ตัวเองก็ชอบเด็กคนนั้นมากเช่นกัน เทียบกันแล้วก็เป็นเลือดเนื้อของลี่จุนถิง แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋อนั้นเธอชอบไม่ขึ้นเลยจริงๆ
โม่เสี่ยวฮุ่ยคิดในใจ ตัวเองจะต้องเริ่มลงมือทำแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ทันแล้ว
โม่เสี่ยวฮุ่ยอยากจะลงตึกมา
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของคนลงตึก ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นไปมองที่บันได
เห็นว่าเป็นโม่เสี่ยวฮุ่ย เจียงหยุนเอ๋อมีความกลัวเล็กน้อย รอยยิ้มในตอนแรกถูกเก็บกลับไป
แต่ว่าถวนจื่อฉลาดมาก รีบเรียกไปคำหนึ่งว่า “ท่านย่า”
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นมิตรมากมาย แค่พยักหน้าตอบรับ
ถวนจื่อรู้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยเป็นคนที่หยิ่งยโส จึงไม่ได้สนใจโม่เสี่ยวฮุ่ย ตัวเองเล่นกับท่านปู่ลี่ไป
หลังจากที่โม่เสี่ยวฮุ่ยลงจากตึกแล้วก็นั่งอยู่ข้างหน้าของเจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิง
“คุณแม้” ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อเรียกไปคำหนึ่ง
โม่เสี่ยวฮุ่ยพยักหน้า “อืม”
บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที ทั้งห้องรอบแขกมีเพียงแต่เสียงพูดของถวนจื่อและท่านปู่ลี่
โม่เสี่ยวฮุ่ยตีความเงียบแตก “ช่วงนี้อยู่บ้านทำอะไรบ้าง?”
คำพูดหนึ่งของโม่เสี่ยวฮุ่ยพูดออกมา ตอนแรกเจียงหยุนเอ๋อคิดว่าถามลี่จุนถิง จึงมองไปทางลี่จุนถิง แต่เห็นว่าลี่จุนถิงกำลังมองตัวเองอยู่ เจียงหยุนเอ๋อก็มองไปทางโม่เสี่ยวฮุ่ย เห็นว่าเธอกำลังถามตัวเอง จึงรีบตอบกลับว่า “อยู่บ้านพักผ่อนค่ะ ไม่มีเรื่องอะไร”
คำถามหนึ่งของโม่เสี่ยวฮุ่ย ทำเอาเจียงหยุนเอ๋อรู้สึกไม่สบายใจไปหมด
ลี่จุนถิงจับมือของเจียงหยุนเอ๋อแน่น ราวกับกับว่ากำลังให้กำลังใจเจียงหยุนเอ๋อ
“งั้นหากเธอไม่มีเรื่องอะไรก็ไปช่วยฉันจัดการเรื่องเรื่องหนึ่งหน่อย”
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไปเลย โม่เสี่ยวฮุ่ยหลับให้ตัวเองไปช่วยเธอทำงาน รีบตอบกลับว่า “ได้ค่ะ ขอแค่เป็นสิ่งที่ฉันสามารถทำได้”
โม่เสี่ยวฮุ่ยยิ้มที่มุมปาก กระตือรือร้นจริงๆ
“ช่วงนี้คุณยายของจุนถิงป่วย ฉันนั้น ไม่มีเวลาไป จุนถิงก็ยุ่งกับเรื่องที่บริษัท เธอที่เป็นหลานสะใภ้ของเขานั้นก็ควรจะไปเยี่ยมหน่อย”