องค์หญิงฝูชิงเอามือยกขึ้นปิดปาก สีหน้าของนางซีดขาวราวกับหิมะ
ฮองเฮาเองท่าทางก็ไม่แต่งต่างจากองค์หญิงฝูชิงเท่าไรนัก เมื่อได้ยินประโยคของอวี้จิ่นเมื่อครู่ ร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน จนนางกำนัลที่อยู่ด้านข้างต้องเร่งเข้ามาพยุงไว้จึงทำให้ไม่ล้มลง
ทุกคนทำสีหน้าแตกต่างกันไป
เนื่องจากสุราพิษจอกนั้น หากว่าองค์หญิงฝูชิงดื่มเข้าไปนั่นหมายความว่าฆาตกรต้องการจะวางยาพิษองค์หญิงฝูชิงในตอนแรก แต่กลับเป็นองค์หญิงสิบห้าที่เข้ามาเป็นแพะรับบาป?
สตรีนางหนึ่งสวมชุดในพระราชวังเข้ามาลูบไล้ไปที่ศพขององค์หญิงสิบห้า เมื่อนางได้ยินดังนั้นก็ร่ำไห้ออกมาเสียงดัง
“หุบปาก ฟังเจ้าเจ็ดกล่าว!” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตะโกนออกมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นเงียบเสียงลงทันที
อวี้จิ่นละสายตาหันไปมององค์หญิงฝูชิง “จริงหรือเท็จนั้น เราถามองค์หญิงฝูชิงดูก็ย่อมได้ ฝูชิง เจ้าจำเรื่องที่องค์หญิงสิบห้าดื่มสุราได้หรือไม่”
องค์หญิงฝูชิงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับสติอารมณ์ครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ในตอนนั้นที่น้องสิบห้ากำลังสนทนากับข้า นางได้ถือจอกสุราที่นางกำนัลมอบไว้ให้”
“แล้วเจ้าจำได้หรือไม่ถึงเรื่องระหว่างที่นางหยิบจอกสุราของเจ้ามา”
องค์หญิงฝูชิงส่ายหน้า “เนื่องจากข้าหันหลังกลับไปก่อน จากนั้นน้องสิบห้าจึงเดินตามมา ข้าจึงไม่ทันเห็นว่าจอกสุราในมือน้องสิบห้าได้มาอย่างไร”
“ข้ายังมีอีกหนึ่งคำถาม” อวี้จิ่นน้ำเสียงดูไม่แยแสและสงบนิ่ง ทว่ากลับทำให้หัวใจของทุกคนเต้นโครมคราม
“เชิญพี่เจ็ดกล่าวมาเถิด”
“เหตุใดน้องสิบสามจึงวางจอกสุราตรงหน้าไว้ แล้วให้นางกำนัลไปนำไป่ฮวายั่งมาแทน”
“เยี่ยนอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไร!” ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยใบหน้าและน้ำเสียงอันเยือกเย็น
จิ่งหมิงฮ่องเต้โบกมือขึ้น “ฮองเฮา ฟังเจ้าเจ็ดกล่าวต่อไป”
ฮองเฮาได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นแล้วจ้องไปที่อวี้จิ่น
อวี้จิ่นยังคงไม่เปลี่ยนท่าทีใดๆ การกระทำและทัศนคติของฮองเฮานั้นไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย “เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลใจไป ในเมื่อเป็นการสืบคดี ไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นใครมาจากไหนล้วนต้องสอบสวน กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงฝูชิงเองก็คงไม่ต้องการให้องค์หญิงสิบห้าจากไปอย่างไม่รู้เหตุผลเช่นนี้”
ไม่รอให้ฮองเฮาเอ่ยปาก องค์หญิงฝูชิงก็ได้ก้าวไปด้านหน้าแล้วตอบว่า “พี่เจ็ดกล่าวได้ถูกต้องแล้ว จะให้น้องสิบห้าจากไปอย่างไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นนี้ไม่ได้”
นางกล่าวจบก็หันไปมองทางเจียงซื่อ ดวงตาคู่นั้นทั้งโศกเศร้าและอ่อนโยน “การที่ข้าไม่ใช้จอกสุราที่จัดเตรียมไว้ให้ แต่กลับหยิบไป่ฮวายั่งแทน นั่นเป็นเพราะรู้สึกว่าหากใช้สุราผลไม้ไปดื่มขอบคุณพี่สะใภ้เจ็ด คาดว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ดังนั้นจึงเลือกที่จะไม่ใช้สุราบ๊วย แล้วหันไปหยิบไป่ฮวายั่ง...”
เมื่อองค์หญิงฝูชิงกล่าวประโยคนี้ออกมา ทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาจึงหันไปมองเจียงซื่อด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป สายพระเนตรของฮองเฮารู้สึกขอบใจและซาบซึ้งอย่างยากจะพรรณนา หากไม่ใช่ว่าสถานการณ์ไม่อำนวย นางคงจะเข้าไปจับมือแล้วกล่าวขอบคุณเจียงซื่ออย่างซาบซึ้ง
ขอบคุณเทวดาฟ้าดินเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะพระชายาเยี่ยนอ๋อง ในวันนี้คงจะเกิดเรื่องกับฝูชิงแน่
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกพอพระทัยเจียงซื่อมากยิ่งนัก แม้จะกล่าวว่าหน้ามือหรือหลังมือล้วนมีเนื้อ แต่หลังมือจะมีเนื้อมากมายสักเพียงไร ในใจของเขาองค์หญิงฝูชิงมีความสำคัญยิ่งนัก
ชายาของเจ้าเจ็ดช่วยชีวิตฟู่ชิงเอาไว้เชียว
องค์หญิงผู้สืบทอดสายตรงเพียงคนเดียวของเขาตาบอดมาเนิ่นนานหลายปี หากว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเนื่องจากงานเฉลิมฉลอง ที่เขาตั้งใจจะจัดเนื่องในโอกาสที่นางมองเห็นนี้ คาดว่าตัวเขาเองคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
“องค์หญิงสิบห้า…ตายแทนข้าอย่างนั้นหรือ” องค์หญิงฝูชิงพึมพำออกมา
น้ำเสียงที่เดิมทีค่อนข้างจะเย็นชาของอวี้จิ่นดูอ่อนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ความผิดขององค์หญิงหรอก ทั้งเจ้าและองค์หญิงสิบห้าล้วนตกเป็นเหยื่อ ฆาตกรนั้นบ้าคลั่งเหลือเกิน”
น้ำตาร่วงหล่นลงมาจากหางตาขององค์หญิงฝูชิง ท่าทางการแสดงออกของนางดูหนักแน่น “พี่เจ็ดจะต้องหาตัวฆาตกรให้จงได้นะเพคะ”
เมื่อมองไปยังท่าทางอันไม่เร่งรีบของอวี้จิ่น จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงได้พยักหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าเจ็ด มีความคิดเห็นว่าอย่างไรอีก”
“เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ลูกคิดว่าเราควรจะรีบหานางกำนัลที่นำจอกพิษนั้นมาวางให้เร็วที่สุด”
จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงมองไปทางฮองเฮา
ฮองเฮารีบเอ่ยถามนางกำนัลที่ดูแลงานเลี้ยงในวันนี้
งานสำคัญเช่นนี้ทุกรายละเอียดจะต้องถูกวางแผนเอาไว้ นางกำนัลคนใดรับผิดชอบโต๊ะใดก็ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าด้วย
นางกำนัลผู้รับผิดชอบงานนี้เป็นสตรีที่รอบคอบและมีประสบการณ์ เมื่อครุ่นคิดดูอยู่ชั่วครู่ นางก็ได้เอ่ยชื่อนางกำนัลทั้งหกคนที่รับผิดชอบโต๊ะขององค์หญิงออกมาได้ทันที
เมื่อเห็นนางกำนัลทั้งหกคนคุกเข่าเรียงกันเป็นแถว อวี้จิ่นจึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “จอกสุราขององค์หญิงฝูชิง ผู้ใดเป็นคนนำไปมอบถวาย”
นางกำนัลทั้งหกคนนิ่งเงียบตัวสั่นเทาไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา
ฮองเฮาโมโหยิ่งนัก “หากไม่มีผู้ใดกล้ากล่าว จงนำตัวทั้งหกคนออกไปกรอกยาพิษเสีย!”
ฝูชิงของนางเกือบจะสิ้นชีวิตลงเชียวนะ
เพราะเหตุใดกัน ฝูชิงทั้งเชื่อฟังคำสั่งสอนและรู้จักกฎเกณฑ์ ว่านอนสอนง่าย นางโชคร้ายและทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่นางจะหายดี แต่บัดนี้กลับต้องมาเผชิญกับอันตรายจนเกือบตาย…
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หัวใจของฮองเฮาก็รู้สึกโกรธแค้นและเกลียดชัง
นางกำนัลทั้งหกคนยังคงไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก
ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีผู้ใดกล้าลุกขึ้นยืน
เพราะไม่ว่าจะเป็นนางกำนัลคนใดก็ตาม และไม่ว่านางกำนัลผู้นั้นรู้หรือไม่ว่าตนนำจอกมีพิษไปให้องค์หญิงฝูชิง แต่นางผู้นั้น ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย แม้นจะไม่มีทางหนีรอด แต่หากยิ่งช้าเท่าไรก็ยิ่งดี
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร นับจากคนซ้ายสุด จงบอกชื่อคนที่ยืนด้านหน้าและด้านหลังของเจ้าตอนที่นำจอกสุราผลไม้ไปถวาย” อวี้จิ่นมองไปที่นางกำนัลทั้งหก ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ผู้ใดที่เกิดความลังเล จงลากตัวออกไปทันที”
บ่าวรับใช้ที่อยู่ฝั่งซ้ายสุดตัวสั่นเทา เริ่มกล่าวถึงชื่อนางกำนัลที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังตน จนกระทั่งมาถึงลำดับที่สี่ เมื่อนางกล่าวชื่อนางกำนัลที่อยู่ด้านหลังแล้วก็ทำท่าทางตะกุกตะกัก
“ด้านหน้าของหม่อมฉัน ด้านหน้า…”
“จงบอกมาว่าด้านหน้าของเจ้าคือผู้ใด” อวี้จิ่นเอ่ยถามอย่างเย็นชา
ในที่สุดนางกำนัลผู้นั้นก็ทรุดตัวลงร่ำไห้แล้วยอมรับว่า “ด้านหน้าของหม่อมฉันไม่มีผู้ใดอื่น หม่อมฉันคือคนที่นำจอกสุราบ๊วย ถวายแด่องค์หญิงฝูชิงเพคะ…”
เมื่อนางรู้ว่าภัยพิบัติใกล้เข้ามาแล้วจึงได้ทรุดตัวลงกับพื้น
ฮองเฮามองไปที่นาง ชี้นิ้วขึ้นว่า “นางทรยศ เหตุใดจึงต้องทำร้ายฝูชิง!”
“หม่อมฉันไม่ได้ทำเพคะเหนียงเหนียง ต่อให้เฆี่ยนบ่าวจนตาย บ่าวก็ไม่กล้าที่จะทำร้ายองค์หญิง……” นางกำนัลผู้นั้นอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง
ฮองเฮาทำสีหน้าเคร่งขรึมโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางทอดพระเนตรไปทางอวี้จิ่นอย่างเงียบๆ
ต่อให้เป็นนางกำนัลผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้วางยาพิษ แต่ฆาตกรที่ตั้งใจจะเอาชีวิตองค์หญิงฝูชิงคงไม่ใช่นาง เรื่องนี้ฮองเฮาเข้าใจอย่างชัดแจ้ง
เห็นได้ชัดว่าการกระทำเมื่อครู่ของอวี้จิ่น แสดงให้นางมั่นใจว่าอวี้จิ่นจะสามารถหาตัวฆาตกรจนพบได้
ทันใดนั้นเอง หมอหลวงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมพบแล้วว่าองค์หญิงสิบห้าถูกพิษตัวใดจึงทำให้สิ้นพระชนม์”
จิ่งหมิงฮ่องเต้รีบเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า “พิษอะไร”
“พิษที่องค์หญิงสิบห้าดื่มเข้าไปนั้นเรียกว่าหญ้าไส้ขาด รากและใบของหญ้าชนิดนี้เมื่อบดเป็นผงจะมีพิษรุนแรง เพียงเข้าสู่ร่างกายเล็กน้อยก็อาจทำให้ผู้ที่ถูกพิษสิ้นลมได้ในเวลาอันสั้น…”
เมื่อหมอหลวงอธิบายจบ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
“พวกเจ้าทุกคนจงลุกขึ้นยืน” อวี้จิ่นให้นางกำนัลทั้งหกคนเดินไปรอบๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามนางกำนัลผู้รับผิดชอบงานในวันนี้ว่า “นางกำนัลที่คัดเลือกมาดูแลงานเลี้ยงในวันนี้ได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้วใช่หรือไม่”
นางกำนัลผู้นั้นตอบกลับว่า “เพคะ นางกำนัลเหล่านี้จัดแต่งทรงผมและเครื่องแต่งกายเหมือนกัน ก่อนจะเข้ามาในพิธีการจะต้องอาบน้ำชำระกายและเปลี่ยนเสื้อผ้า เครื่องประดับรวมถึงเสื้อผ้าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าล้วนถูกตรวจสอบดูความเรียบร้อย อีกทั้งไม่อนุญาตให้สวมใส่เครื่องประดับหรือสิ่งของอื่น”
“หากเป็นเช่นนี้หมายความว่า พวกนางไม่มีโอกาสจะนำสิ่งอื่นเข้ามาได้เลย?”
นางกำนัลพยักหน้าตอบรับ “เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนเพคะ”
“เช่นนั้นยาพิษนี้ ฆาตกรอาจจะฉวยโอกาสขณะที่นางกำนัลไม่ทันระวังตัวแล้วรีบลงมือ หรือบางทีอาจจะรอให้นางกำนัลทั้งหลายเข้ามาในห้องโถงแล้วค่อยนำพิษไปให้แก่นางกำนัล นั่นหมายความว่าฆาตกรยังอยู่ในห้องโถงนี้” อวี้จิ่นกล่าวอย่างหนักแน่น
องค์หญิงใหญ่หรงหยางหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “เยี่ยนอ๋องกล่าวว่าฆาตกรต้องการจะทำร้ายองค์หญิงฝูชิง หากฆาตกรคือคนในนี้ ฆาตกรจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสุราพิษถูกส่งไปให้แก่องค์หญิงฝูชิงจริง”
อวี้จิ่นยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เรื่องนี้ง่ายยิ่งนัก เนื่องจากนางกำนัลแต่ละกลุ่มรับผิดชอบตามโต๊ะต่างๆ ที่จัดไว้ ดังนั้นฆาตกรจึงได้จับตามองดูนางกำนัลกลุ่มนั้นเอาไว้ โต๊ะขององค์หญิงแน่นอนว่ามีองค์หญิงฝูชิงเป็นประธาน ด้วยเหตุนี้เองจอกสุราในจอกแรกจึงต้องเป็นขององค์หญิงฝูชิง เมื่อเป็นดังนี้ ฆาตกรจึงมั่นใจได้ว่าสุราพิษจะถูกส่งไปให้แก่องค์หญิงฝูชิงเป็นแน่”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางตกตะลึงอ้ำอึ้งทันใด
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง