ตอนที่ 268 จากผู้กำกับสู่ผู้ชม (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 268 จากผู้กำกับสู่ผู้ชม (2)

ดูเหมือนว่า ค่ายกลเวทแห่งวังผลึกแก้วจะว่างเปล่า!

ปรมาจารย์เผ่ามังกรและแขกหลายหมื่นคนที่นี่ไม่ได้สังเกตเลยว่า บัดนี้ มีคนสองคนมาอยู่กับพวกเขาเงียบๆ แล้ว…

ในห้องเจ้าสาวของอ๋าวอี่และเจียงซื่อเอ๋อร์

“ที่นี่ไม่เลว มันเงียบทีเดียว”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมองไปที่การจัดเตรียมต่างๆ ก่อนจะเดินไปที่กระจกสูงจากพื้นจรดเพดานที่ทำจากผลึกแก้ว แล้วสะบัดนิ้ว ทันใดนั้นก็มีเมฆจางๆ ปรากฏขึ้นในกระจก

ผ่านไปชั่วครู่ เมฆก็สลายไป และภาพเหตุการณ์ที่ครึกครื้น มีชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้นในโถงใหญ่แห่งวังผลึกแก้ว ขณะนี้ ยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนงานอภิเษก ซึ่งแขกส่วนใหญ่ได้มาถึงแล้ว

ในห้องโถงนี้เพียงแห่งเดียว ก็มีคนนับพันนั่งอยู่หลังโต๊ะกลมเตี้ย สาวทะเลผู้งดงามและสาวหอยต่างเดินไปรอบๆ สถานที่เพื่อคอยบริการส่งสุราและอาหาร

วงดนตรีวังมังกรซึ่งประกอบด้วยสาวทะเลหลายร้อยคนต่างก็ผลัดกันบรรเลงเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะและสนุกสนาน

ผู้ที่สามารถเข้าไปในห้องโถงใหญ่แห่งวังผลึกแก้วได้นั้น ย่อมไม่ธรรมดา ไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานพลังปราณสูงหรือมีชื่อเสียงโดดเด่นในโลกบรรพกาล ไม่ว่าจะพวกเขาเป็นผู้อาวุโสของเผ่ามังกร เสนาบดีคนสำคัญ หรือคนสำคัญในมหาตรีสหัสโลกธาตุ

นอกจากนั้น กลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญจากเกาะเต่าทองที่ย่อมจะมาแสดงความยินดีเป็นธรรมดา และต้องจัดให้อยู่ในห้องโถงใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังต้องอยู่ในบริเวณที่สะดุดตาและด้านในสุดอีกด้วย แม้จะรู้กันดีว่าจำนวนศิษย์ในนามของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่ำไปเล็กน้อย แต่ด้วยความจริงที่ว่า พวกเขาหลายคนมาถึงพร้อมกันในคราวเดียวก็นับเป็นการให้เกียรติต่อเผ่ามังกรอย่างยิ่ง ทำให้สถานะของอ๋าวอี่ในเผ่ายิ่งใหญ่ขึ้นมาก

แม้จะมีผู้คนมากมายมาจากเกาะเต่าทอง แต่น้อยคนนักที่จะนับได้ว่าเป็นปรมาจารย์ มีเพียงสี่ในสิบจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้นที่มา และที่โต๊ะเตี้ยข้างๆ ราชามังกร มีนักพรตเต๋าวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึมและกลิ่นอายลมปราณที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเหลือบมองอีกเล็กน้อย… “ฉางโซ่ว เข้ามาเถิด” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือ เซียนผู้ช่วยส่วนตัวของท่านอาจารย์อา ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียน เซียนอู้หยุน ในวันนี้ เขาน่าจะมาที่นี่โดยใช้ร่างจำแลง”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่า เขาย่อมรู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวแล้ว ไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่เขายังเป็นคนแนะนำให้อ๋าวอี่เชิญเซียนอู้หยุนในร่างจำแลงมาร่วมงานด้วย…

เพียงเพื่อประโยชน์ของพิธี หาใช่อื่นใดไม่

แต่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เบิกบานใจ และหลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงทำตามน้ำไปเท่านั้น

แน่นอนว่า เขาไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ว่า “ว้าว น่าทึ่งยิ่ง!”

เป็นเพียงว่า ทักษะการแสดงของเขาตื้นเขินเกินไป และหากไม่จริงจังกับมัน เขาก็จะถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตีเอาง่ายๆ หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “อ๋าวอี่เป็นศิษย์ของเซียนใหญ่ผู้นี้ และมีเหตุผลที่เขาจะเชิญเซียนใหญ่ผู้นี้ให้เข้าร่วมพิธี”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “ฉางโชว เจ้ารู้หรือไม่ว่า เซียนอู้หยุนมีที่มาอย่างไร?”

“ศิษย์ย่อมไม่รู้ขอรับ” “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ก็เป็นเรื่องน่าขันในสมัยโบราณเช่นกัน ว่ากันว่า วันนั้น ท่านอาสามเทศนาที่เกาะอมตะในทะเลทักษิณ ท่านได้ให้ความรู้แก่สิ่งมีชีวิตจำนวนมากแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีเมฆก้อนใหญ่อยู่เหนือศีรษะท่าน ท่านอาสามเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นปลามีเคราสีทองว่ายอยู่บนท้องฟ้า เพราะมันมีขนาดใหญ่เกินไป จึงหาที่นั่งไม่ได้…”

ดังนั้นในห้องเจ้าสาวของอ๋าวอี่และเจียงซื่อเอ๋อร์ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ได้เล่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในสมัยโบราณให้หลี่ฉางโซ่วฟังอย่างกระตือรือร้น

แม้หลี่ฉางโซวจะมีความสุข แต่ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย…

บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักว่า เขาดูเหมือนจะมีบทบาทในเรื่องงานแต่งงานของอ๋าวอี่มากเกินไป คราแรก เขาคิดว่า เขาเป็นเพียงผู้กำกับเวทีการแสดงเท่านั้น ทว่าเมื่อฟื้นคืนสติได้ เขาก็ตระหนักว่า เขาเป็นทั้งผู้กำกับ นักเขียนบท นักลงทุน และผู้กำกับเวทีการแสดงอยู่แล้ว และสุดท้ายเขาเอง ก็ยังกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงตัวรองอีกด้วย

ในขณะนั้น เนื่องจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้นำร่างหลักของเขาไปยังที่แห่งนั้นในฐานะเป็น “ผู้ชม” รับเชิญที่ทรงเกียรติ

ข้าเป็นนักเขียนบท ผู้กำกับการแสดง นักแสดง หรือแม้แต่ผู้ชม…

ไม่มีผู้ใดเหมือนข้าอีกแล้วจริงๆ

ในไม่ช้า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็เล่าเรื่องโบราณเสร็จสิ้นและยังคงสังเกตวังมังกรต่อไป ในที่นี้ นอกเหนือจากเซียนใหญ่อู้หยุน และมังกรอาวุโสสองสามคนแห่งเผ่ามังกรแล้ว ก็มีเพียง… ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วอีกคนเท่านั้นที่ทำให้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูสนใจได้

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถามขึ้นทันทีว่า “ฉางโซ่ว เจ้าคือเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ เจ้ามีสิ่งใดอยากชี้แนะอีกหรือไม่?”

“ท่านเจ้าสำนักไม่ได้บอกอะไรศิษย์เลยขอรับ” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ ร่างจำแลงของศิษย์ร่างนี้เป็นข้ารับใช้ขององค์เง็กเซียน ซึ่งน่าจะมีพระราชโองการขององค์เง็กเซียนออกมาภายในเวลาไม่กี่สิบปีนี้แล้วขอรับ”

“โอ้?”

ดวงตาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เปล่งประกายฉับพลัน “เจ้าคงไม่ได้หมายความว่าจะมาที่ศาลสวรรค์เร็วๆ นี้ใช่หรือไม่?” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจและถอนหายใจ “ศิษย์คิดจะให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ผู้นี้ไปที่ศาลสวรรค์ ในเวลานี้ ร่างหลักของศิษย์จะไม่ไปที่นั่น ศิษย์ได้รับบัญชาให้ทำลายแผนการของสำนักบำเพ็ญประจิม เมื่อเผ่ามังกรเข้าสู่แดนสวรรค์แล้ว เรื่องนี้ย่อมจะเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน จะมีการเปิดเผยว่าเทพแห่งท้องทะเลทักษิณเป็นผู้วางแผนเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง หากศิษย์ปรากฏตัวในร่างแท้จริง ศิษย์เกรงว่า สำนักบำเพ็ญประจิมจะลอบทำร้ายศิษย์…” ศิษย์กำลังรอคำเชิญให้ไปที่สวนหลังหลังวังดุสิตขอรับ!

โดยไม่คาดคิด ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าช้าๆ และยิ้มให้พลางกล่าวว่า “ข้าดีใจมากที่เจ้าคิดได้ถี่ถ้วนและดูแลตัวเองได้”

หลังจากนั้น…

ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นหลังจากนั้น…

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มองบรรดาแขกที่อยู่รอบตัวเขา หลี่ฉางโซ่วจึงฉวยโอกาสนี้ ใช้สายตาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในการค้นหาว่า มีสายลับอยู่ในสถานที่นี้หรือไม่

ดูเหมือนว่า เมื่อมองแวบผ่านประตูหลักของวังผลึกแก้ว ก็เห็นมีคนแปลกๆ แอบปะปนเข้ามา…

ทว่านั่นไม่สำคัญ ในไม่ช้า ตัวเอกของวันนี้ก็ปรากฏตัว – อ๋าวอี่ปรากฏตัวขึ้นในชุดคลุมสีฟ้าอ่อน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “รองเจ้าสำนักของสำนักเทพทะเลกำลังจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังดูเหมือนเป็นหนุ่มน้อยอยู่อีกเล่า?”

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหมดหนทาง เขาไม่อยากปดปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่อาจชี้แจงได้ จึงทำได้เพียงหัวเราะขัดเขิน

โชคดีที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพียงหยอกล้อเขาแล้วหันไปสนใจเจียงซื่อเอ๋อร์ ซึ่งแต่งตัวอยู่ในวัง นางใช้เวลาในการเตรียมงานแต่งงานถึงเก้าวัน!

หลี่ฉางโซ่วอยากจะบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด แต่ยุ่งเกินกว่าจะโอกาสทำเช่นนั้นได้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างสงสัยว่า “นี่ไม่ใช่เงือกน้อยที่พวกเราพบเมื่อครั้งล่าสุดหรอกหรือ”

“นี่…” หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยและกล่าวว่า “ในเวลานั้น มีบางอย่างผิดปกติกับโอสถพิษสัมผัสเซียนรับรู้ และโอสถหัวใจเพลิงของศิษย์ จึงทำให้ทั้งสองร่วมอภิรมย์กันอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ขอรับ…”

“โอ้ ที่แท้สาเหตุยังคงเป็นเพราะเจ้า? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! โลกนี้ช่างอัศจรรย์จริงๆ”

หลี่ฉางโซ่วกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กะพริบตาอีกครั้ง และหันไปชี้ที่กระจกเพื่อเผยให้เห็นสถานการณ์ในทะเล

มีร่างสามร่างยืนอยู่บนเมฆขาวที่ร่อนลงมาจากฟากฟ้า มีผู้อาวุโสร่างผอมบางในชุดคลุมแต่งงานสีแดงอยู่ที่ด้านหน้า และมีแม่ทัพสวรรค์ชายและหญิงในชุดเกราะสีทองสองคนที่อยู่ทางด้านหลังของเขา

แม่ทัพสวรรค์สองคนนี้แผ่พลังกดดันแห่งเซียนจินออกมา และพวกเขาได้นำกองทหารชั้นยอดสามร้อยคนที่เป็นเซียนเสิ่นมาสู่วังมังกรทะเลบูรพา ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “เทพเฒ่าจันทรา? เขามาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?”

“เป็นศิษย์เชิญมาเองขอรับ… ตัวตนของเทพเฒ่าจันทราเหมาะกับงานนี้ เขามาที่นี่เพื่อเผยความยิ่งใหญ่แห่งศาลสวรรค์และสร้างความสัมพันธ์เบื้องต้นกับเผ่ามังกรได้”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ท่านให้เทพเฒ่าจันทราส่งพลังเวทมาให้ศิษย์ ท่านก็ได้บอกใบ้เรื่องนี้แก่ศิษย์ไปแล้ว ศิษย์จึงเข้าใจได้ขอรับ”

“ไม่เลว ไม่เลว” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวพลางตบไหล่ของหลี่ฉางโซ่วว่า “แม้ข้าจะปลื้มใจนักที่เจ้าพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่คาดว่าจะละเอียดถึงเพียงนี้จริงๆ”

หลี่ฉางโซ่วเพียงกล่าวต่อว่า “ท่านจัดเตรียมแบบเรียบง่าย ซึ่งเป็นความหมายแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่แล้วขอรับ”

ทันใดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ร้องอุทานออกมาขณะชี้ไปที่กระจกอีกครั้ง ในคราวนี้ ฉากเปลี่ยนไปเป็นเกาะซึ่งมีร่างสองร่างที่ “แอบ” โผล่ออกมาจากทะเลและแฝงกายอยู่ในค่ายกลเวท “น้องจ้าวกงหมิง? และ… น้องหวงหลงหรือ?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูงงงันไปชั่วขณะแล้วกล่าวว่า “เมื่อใดกันที่สองสำนักบำเพ็ญเต๋านี้มีความกลมเกลียวกัน พวกเขากำลังทำอันใดกันอยู่?”

“แค่กๆ นั่น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่…”

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็เอ่ยอันใดไม่ออกเมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จับจ้องแล้วกล่าวอีกว่า “เป็นเจ้าที่จัดการเรื่องนี้อีกด้วยหรือไม่?”

“ไม่ใช่ทั้งหมดขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยพลางกล่าว “ในเรื่องนี้ ศิษย์เป็นเพียงหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีบทบาทเล็กน้อยในการผลักดันการพัฒนาเรื่องนี้ขึ้นขอรับ…”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยืนเอามือไพล่ไปด้านหลังพลางเงยศีรษะมองขึ้นไปและถอนหายใจเบาๆ

“ฉางโซ่ว เจ้ายังจัดเตรียมการให้ข้าด้วยใช่หรือไม่?”

………………………………………………………………….