ข้าห่มเสื้อคลุมผ้าไหมนั่งอยู่กลางศาลาในสวนเหมันต์ของจวนยงอ๋อง บุปผาวสันตฤดูในสวนร่วงโรยแล้ว ต้นไม้เขียวชอุ่มงดงามจับตา วันนี้ข้าตื่นแต่เช้ามืดมาชมพระอาทิตย์ขึ้น เสี่ยวซุนจื่อกลัวว่าข้าจะหนาวจึงยัดเยียดให้ข้าสวมเสื้อคลุมไหมไว้ ข้าเฝ้ามองดวงตะวันแรกแย้มกับแสงอรุณที่ฉายฉานทั่วฟ้า ในใจมีเพียงหนึ่งห้วงคะนึงกับคนผู้หนึ่ง
เสี่ยวซุ่นจื่อเห็นข้านิ่งเงียบ องครักษ์รอบด้านก็ถูกข้าไล่ไปแล้วจึงเดินเข้ามาข้างกายแล้วเอ่ยเบาๆ คุณชายยังว้าวุ่นใจเรื่องที่องค์ชายบอกอีกหรือ
ข้าถอนหายใจแผ่วเบาตอบว่า เสี่ยวซุ่นจื่อ เจ้าคิดว่าองค์หญิงฉางเล่อมีใจให้ข้าจริงหรือ เหตุใดข้าจึงมิเคยตระหนักมาก่อน
เสี่ยวซุ่นจื่อหัวเราะแผ่วเบา แต่ไหนแต่ไรคุณชายไม่เคยเข้าใกล้หญิงสาว วันๆ ไม่อ่านตำราก็ชื่นชมทิวทัศน์ ระหว่างท่านกับฮูหยิน ก็เป็นฝ่ายฮูหยินที่เข้าหาท่านก่อน องค์หญิงทรงสง่างามเป็นกุลสตรี ไม่เคยเผยความในใจ ไม่แปลกที่คุณชายจะไม่ทราบ ข้าคิดว่าองค์หญิงทรงมีใจให้ท่านแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่เพลิดเพลินกับบทกวีของคุณชายทั้งวี่วัน ข้าคิดว่าองค์หญิงคงทราบความจริงของเรื่องที่หนานฉู่อยู่บ้างแล้ว แต่นางกลับไม่บอกผู้อื่น อีกอย่างหนึ่ง หากมิได้โสมดำครึ่งต้นขององค์หญิง คุณชายก็รักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว หากกล่าวว่าองค์หญิงมิรักท่าน ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด แต่องค์หญิงคงคิดเช่นเดียวกับท่าน ดังนั้นจึงไม่ยอมสารภาพ คุณชาย ท่านเองก็รู้สึกกับองค์หญิงแตกต่างจากผู้อื่นมิใช่หรือ อาการเล็กน้อยเหล่านี้เสี่ยวซุ่นจื่อเห็นอยู่กับตา พวกท่านทั้งสองเพียงติดขัดที่ความสัมพันธ์เจ้านายกับขุนนางจึงไม่ยอมแสดงความในใจก็เท่านั้น
ข้ามองเสี่ยวซุ่นจื่อด้วยแววตาเรียบเฉย เจ้าจะตำหนิข้าว่าเห็นแก่ชื่อเสียงจึงมิยอมรับรักองค์หญิงหรือ
เสี่ยวซุ่นจื่อเงียบงันไม่พูดจาบ่งบอกว่ายอมรับ ข้าถอนหายใจแล้วอธิบาย ข้าเจียงเจ๋อใช่ผู้รักใคร่ชื่อเสียงเสียที่ไหน เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ทำไม่ได้เด็ดขาด สิ่งที่ข้าตอบฉินชิงครั้งก่อนไม่มีคำลวงสักประโยค ข้ากับองค์หญิงฐานะต่างกัน แต่ข้ามิได้ปฏิเสธการแต่งงานเพราะเหตุผลนี้ หากข้ามีใจรักจริงย่อมมิมีสิ่งใดขวางข้าได้ แต่เจ้าน่าจะรู้ องค์หญิงไม่เคยพูดสักคำว่าต้องการแต่งงานกับข้า นี่บ่งบอกว่าแม้องค์หญิงมีใจให้ข้า แต่นางไม่ยินดีฝ่าฝืนประเพณี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะขอพระราชทานสมรสตามความคิดของยงอ๋องได้เช่นไร หากทำเช่นนี้ย่อมทำลายชื่อเสียงขององค์หญิง แม้ด้วยอำนาจของราชวงศ์คงมิมีผู้ใดกล้าเอ่ยในที่แจ้ง แต่น้ำหมึกไร้ใจ ข้าไม่ต้องการให้องค์หญิงมีชื่อเสียงด่างพร้อยบนประวัติศาสตร์ อีกประการหนึ่ง ข้ากับองค์หญิงมีวาสนาพบหน้ากันไม่กี่หน องค์หญิงจะรักข้าคนนี้ด้วยใจจริงได้เช่นไร
เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยเสียงแผ่ว คุณชายพูดถูกต้อง บ่าวเข้าใจผิดแล้ว
ข้าเอ่ยเรียบๆ สิ่งเหล่านี้ข้าพูดจากแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัว หากพูดในแง่วงสังคม ข้าขุนนางเปลี่ยนฝ่ายจากหนานฉู่คนหนึ่งเอาอะไรมาสู่ขอองค์หญิง เกรงว่าแม้ต่อหน้าจักรพรรดิต้ายงรับปาก แต่พริบตาเดียวคงส่งคนมาประทานความตาย แม้จักรพรรดิต้ายงให้องค์หญิงเป็นผู้เลือก แต่ในใจเขาก็คงหวังให้องค์หญิงแต่งงานกับเอกบุรุษของต้ายง ยิ่งไปกว่านั้น หากข้าทำสิ่งนี้ในเวลานี้ เกรงว่าคงพัวพันไปถึงยงอ๋อง ข้าใช่คนที่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียการใหญ่เสียที่ไหน แล้วอีกอย่าง ร่างกายของข้า เจ้าก็รู้ดีมิใช่หรือ หากข้าโชคร้ายเป็นอันใดไป เจ้าจะให้องค์หญิงทนรับไหวได้อย่างไร
เสี่ยวซุ่นจื่อเงียบงัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า บ่าวเพียงมิอยากให้คุณชายเดียวดายชั่วชีวิต
ข้ายิ้มน้อยๆ รอส่งยงอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ ล้างแค้นให้ภรรยาสำเร็จ ข้าก็จะปล่อยวางทุกสิ่ง ถึงเวลาหากร่างกายข้าดีขึ้นจะสู่ขอภรรยานิสัยเรียบร้อยสักคน เจ้าว่าดีหรือไม่
เสี่ยวซุ่นจื่อยิ้ม นั่นย่อมดี บ่าวจะรอท่านตบแต่งนายหญิง หลังจากนั้นมีนายท่านตัวน้อยสักคน
ข้าถอนหายใจแล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้ หลายวันนี้ยงอ๋องน่าจะคิดตกแล้วจึงไม่มาบีบคั้นข้า จริงสิ สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไร
เสี่ยวซุ่นจื่อทำหน้าพิกลแล้วเอ่ยขึ้นว่า คุณชายอยากฟังข่าวดีหรือข่าวร้าย
ข้ายิ้มเจื่อนตอบว่า ฟังข่าวร้ายก่อนก็แล้วกัน
เสี่ยวซุ่นจื่อจึงรายงาน ข่าวร้ายก็คือในเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ทำให้วันนี้ทุกคนล้วนไปชมดูเรื่องสนุกจนไม่สนใจการกระทำของรัชทายาทแล้ว
ข้ามุ่นคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า เรื่องใหญ่อันใดถึงดึงความสนใจของราชสำนักได้
เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยตอบ เรื่องนี้เดิมทีเป็นเรื่องของยุทธภพ คุณชายคงรู้จักสมาพันธ์กวนจง
ข้าตอบว่า รู้จัก หัวหน้าสมาพันธ์กวนจงชื่อซาชิงหยวน ซาจื่อจิงบุตรสาวของเขาเป็นศิษย์สำนักเฟิงอี้ พวกเขาคือพรรคที่ใหญ่ที่สุดในฉางอัน
เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยต่อ จะว่าไปแล้ว คุณชายกับพวกเขาก็เคยมีวาสนาพบหน้ากันครั้งหนึ่ง หลายวันก่อนซาจื่อจิงเดินทางไปเสียนหยางเพื่อเยี่ยมเยียนท่านยายแต่กลับถูกคนสังหาร เล่ากันว่าตายอนาถยิ่งนัก ศิษย์หญิงของสำนักเฟิงอี้ต่อให้วรยุทธ์ย่ำแย่อีกเท่าใดก็เคยฝึกฝนวิชาชื่อหยกดาราสังหาร สิ่งนี้คือวรยุทธ์ที่เจ้าสำนักเฟิงอี้สร้างขึ้นเองโดยอาศัยร่างกายยืดหยุ่นอันเป็นจุดเด่นของสตรี ยามต่อสู้ประชิดตัวยอดเยี่ยมเป็นที่สุด สิ่งนี้เป็นวิชาที่ศิษย์หญิงเหล่านั้นจะใช้ยามเผชิญศัตรูแข็งแกร่งแล้วไร้หนทางหนีรอด แม้มิอาจสังหารศัตรูให้แดดิ้นก็ทำให้ตกตายพร้อมกันได้ หากไม่สำเร็จก็ยังฆ่าตัวตายได้
ตอนนี้นึกดูก็น่าเสียดายจริงๆ ที่ยามนั้นเหลียงหวั่นกลัวจะทำร้ายถูกองค์หญิงจนไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามจึงไม่ได้ใช้วรยุทธ์วิชานี้ กล่าวสรุปก็คือเมื่อซาจื่อจิงตาย สมาพันธ์กวนจงกับสำนักเฟิงอี้จึงออกประกาศจับคนร้ายเต็มกำลัง แต่คนร้ายกลับสร้างคดีน่าหวาดหวั่นอย่างต่อเนื่อง สิบกว่าวันที่ผ่านมาแถวเสียนหยางมีสตรีในห้องหอตายไปอีกไม่น้อย แต่คนร้ายกลับไม่เผยร่องรอย
ข้ากล่าวขึ้นว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาศัยอำนาจของสำนักเฟิงอี้กับสมาพันธ์กวนจงก็น่าจะจับคนผู้นี้มาประหารได้รวดเร็วยิ่งนักสิ
เสี่ยวซุ่นจื่อส่ายหน้าเล่าว่า ยามกำลังหลักของสำนักเฟิงอี้ยังมาไม่ถึง คนผู้นี้อาละวาดอย่างเหิมเกริมอยู่แถบเสียนหยาง แต่ตอนนี้เมื่อกำลังคนของสำนักเฟิงอี้มาพร้อม คนผู้นี้กลับหนีหายเข้ากลีบเมฆ
ข้าขมวดคิ้วถามว่า เรื่องนี้จะดึงความสนใจของเหล่าขุนนางในราชสำนักได้อย่างไรเล่า
เสี่ยวซุ่นจื่อยิ้มเฝื่อนตอบว่า สตรีที่ตายล้วนมีร่องรอยถูกสูบโลหิตและพลังปราณ ดังนั้นคนในยุทธภพจึงสงสัยว่าคนพรรคมารกลับเข้ามาในจงหยวนอีกครั้ง เมื่อครั้งประมุขพรรคมารจิงอู๋จี๋ออกเดินทางไปยังทะเลทราย ศิษย์พรรคมารบางส่วนติดตามเขาไปด้วย พวกที่ไม่ไปล้วนเปลี่ยนชื่อซ่อนนาม
‘พรรคเหลียนเซียง’ หนึ่งในสาขาของพรรคมารถนัดการสูบโลหิตและพลังปราณที่สุด หากพรรคมารปรากฏตัวอีกครั้งก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจิงอู๋จี๋จะกลับเข้ามาในจงหยวนแล้ว ยามนี้เขาเป็นราชครูแห่งเป่ยฮั่น การปรากฏตัวอีกครั้งของเขาอาจหมายความว่าเป่ยฮั่นกำลังจะยกพลบุกโจมตี หากเป็นเช่นนั้น ขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนักจะไม่สนใจเรื่องนี้ได้เช่นไร ดังนั้นตอนนี้จึงมิมีผู้ใดจดจำเรื่องกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วได้แล้ว
ข้าโบกพัดอย่างไม่รู้ตัวแล้วถามว่า เจ้าคิดเห็นอย่างไร
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบว่า ข้าไม่คิดว่าการมีศิษย์พรรคมารเหลืออยู่ในจงหยวนแปลกอันใด หากไม่มี ข้ากลับจะรู้สึกว่าประหลาด ยิ่งไปกว่านั้นคนของพรรคมารร่องรอยเร้นลับ แม้หลายปีนี้มีข่าวร่องรอยของพวกเขาเป็นระยะแต่ล้วนเป็นข่าวเลื่อนลอย ดังนั้นข้าคิดว่าสำนักเฟิงอี้อาจอาศัยเรื่องนี้มาสร้างเหตุการณ์ดึงความสนใจของผู้คน
ข้ายิ้มหยัน อิทธิพลของพรรคมารอิงอยู่กับเป่ยฮั่น จิงอู๋จี๋ต้องการตัดสินแพ้ชนะกับฟ่านฮุ่ยเหยา แต่ตัดสินด้วยวรยุทธ์ไม่มีความหมายอันใด การรวมใต้หล้าต่างหากที่เป็นตัวตัดสินแพ้ชนะระหว่างพวกเขา เมื่อรัชทายาทเกิดเรื่อง พรรคมารก็ปรากฏ ช่างมาได้เหมาะเจาะเสียจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะร่วมสนุกด้วยสักหน่อย เสี่ยวซุ่นจื่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากรมคลังเหลียงจิ่นเฉียนกำลังทำอะไรอยู่
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบว่า ตอนนี้เขากำลังทำความชอบชดใช้ความผิด แต่จากข่าวของยงอ๋อง รัชทายาทกำลังวางแผนยึดอำนาจเขา เหลียงจิ่นเฉียนจึงถูกกักบริเวณอยู่
ข้าฉีกยิ้ม เรื่องฮั่วจี้เฉิง หานอู๋จี้จัดการเรียบร้อยหรือไม่
เสี่ยวซุ่นจื่อยิ้มพลางตอบว่า นี่ก็คือข่าวดีที่ข้าจะบอกคุณชาย ฮั่วจี้เฉิงหายตัวไป เหลือไว้เพียงศพปลอมร่างหนึ่ง พยายามปิดแต่ยิ่งเปิด ตอนนี้สำนักเฟิงอี้กับรัชทายาทไล่ตามล่าเขาไปทั่ว น่าเสียดายกลับไม่พบร่องรอยของเขา ค่ายลับส่งของแทนตัวของฮั่วจี้เฉิงมาให้แล้ว
ข้าลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปทำงานหนึ่ง ไปสังหารเหลียงจิ่นเฉียนเสีย ไม่ต้องลงมือแต่จงใช้สุราพิษสังหาร เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าว่าทุกคนจะคิดอย่างไร
เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยด้วยสีหน้าพิกล ย่อมต้องคิดว่ารัชทายาทสังหารคนปิดปาก แผนนี้ของคุณชายช่างชั่วร้ายนัก
ข้าหัวเราะออกมา เช่นนี้สิจึงจะเป็นแผนการของข้า ข้ายังมีอีกเรื่องมอบหมายให้เจ้า ฮั่วจี้เฉิงจะตายไม่ได้ แม้ตัวเขาตายไปแล้ว แต่เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ในใจของผู้อื่น นี่ถือเป็นการตอบแทนที่เขาทำให้ข้าได้เงินล้านตำลึงทองมาครอง เจ้าอย่าทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียล่ะ
เสี่ยวซุ่นจื่อกลั้นเสียงหัวเราะแล้วตอบว่า คุณชายโปรดวางใจ ข้าจะทำให้ฮั่วจี้เฉิงกลายเป็นปีศาจฝันร้ายของรัชทายาทให้จงได้
ข้ากำชับ ระวังตัวหน่อย หากเจ้าถูกเปิดโปงตัวตนขึ้นมา ข้าต้องแย่แน่
เสี่ยวซุ่นจื่อตอบด้วยสีหน้าจริงจัง โปรดวางใจ สู้ไม่ได้ก็หนี ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาจับได้เป็นอันขาด
ตอนต่อไป