บทที่ 380 เกิดความสงสัย

บทที่ 380 เกิดความสงสัย

ซ่งหลิงหลิงไม่พอใจและไม่เต็มใจที่จะขอโทษซูเสี่ยวเถียน แต่ครูฮวางยืนกรานมาแล้ว เธอทำได้เพียงขอโทษท้องฟ้าด้วยความไม่เต็มใจ

แต่ซูเสี่ยวเถียนทำเป็นหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยิน

ซ่งหลิงหลิงมองซูเสี่ยวเถียนด้วยความตกใจ หมายความว่าอย่างไรเนี่ย?

“เธอยังมีมารยาทอยู่ไหม ซ่งหลิงหลิงขอโทษเธออยู่นะ!” หลิวเสี่ยวหงเป็นคนพูด

แต่อีกฝ่ายกลับมองด้วยสายตาเย็นชา “ทำไมฉันไม่รู้สึกว่าซ่งหลิงหลิงขอโทษฉันอยู่เลยล่ะ?”

“ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย?”

“หลิวเสี่ยวหง เวลาขอโทษใครสักคนควรจะมองคนเขาไม่ใช่หรือ? แต่ซ่งหลิงหลิงแหงนหน้ามองฟ้าอยู่นะ คนไม่รู้ก็คงคิดว่าทำเรื่องผิดต่อสวรรค์เลยขอโทษท่านอยู่น่ะ!”

เสี่ยวเถียนพูดรัวจนอีกฝ่ายพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“ไม่ต้องพูดแล้วเสี่ยวหง ฉันรู้ว่าเธอช่วยฉัน แต่เธอก็เห็นว่าซูเสี่ยวเถียน…”

ซ่งหลิงหลิงไม่ได้เอ่ยต่อ แต่การแสดงออกที่คับข้องใจพร้อมกับเอ่ยด้วยความลังเลนั้นมันชัดเจนมาก

“ครูคะ ครูจะสมรู้ร่วมคิดกับคนไม่ดีแบบนี้หรือคะ?” หลิวเสี่ยวหงทนไม่ไหว เธอหันไปพูดกับชายหนุ่มแทน

ครูฮวางโมโหกับประโยคนี้มาก

นี่นักเรียนกำลังกล่าวโทษครูใช่ไหม?

“หลิวเสี่ยวหง เธอยืนหยัดช่วยเพื่อน ครูก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่เธอกับซูเสี่ยวเถียนก็ทะเลาะกันเหมือนกัน และมันก็เป็นปัญหาของเธอด้วย เธอต้องขอโทษซูเสี่ยวเถียนนะ!”

หลิวเสี่ยวหงไม่คิดว่าครูฮวางจะให้เธอขอโทษด้วย

เธอไม่เข้าใจ เรื่องนี้มันเป็นความผิดเสี่ยวเถียนชัด ๆ ทั้งตบทั้งด่า แล้วสุดท้ายทำไมถึงเป็นความผิดคนอื่นได้?

“หนูไม่ยอมค่ะครูฮวาง!” หลิวเสี่ยวหงระเบิดทันที

“ต่อให้ไม่ยอมก็ต้องยอม!” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “ไม่งั้นก็ออกไปจากห้องเราซะ!”

เด็กหญิงทั้งสองไม่คิดเลยว่าครูประจำชั้นจะยื่นคำขาดเช่นนี้

ต้องให้พวกเธอออกไปเพื่อซูเสี่ยวเถียน!

“ครูฮวาง ครู…” หลิวเสี่ยวหงอยากจะบอกว่าไม่รู้สถานะตระกูลซ่งหรือไง?

แต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะเพื่อนห้ามไว้

“ไม่ต้องพูดแล้วเสี่ยวหง พวกเราขอโทษก็ได้! แต่ครูฮวางคะ วันนี้เราโดนบังคับให้ขอโทษ แต่พวกเราไม่ยอมหรอกนะคะ!”

ซ่งหลิงหลิงไม่ยอมแพ้ และใบหน้าที่แสดงความไม่พอใจก็ทำให้คนอื่นไม่สบายใจสักนิด

“ซูเสี่ยวเถียน ฉันผิดไปแล้ว ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ควรด่าเธอเลย!”

ว่าจบก็ก้มคำนับ

ครูฮวางไม่คิดเลยว่าซ่งหลิงหลิงจะทำถึงขั้นนี้

เสี่ยวเถียนยิ้ม

“ซ่งหลิงหลิง ฉันยอมรับคำขอโทษของเธอ ฉันเองก็ขอโทษเธอด้วยเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงการลงมือกับคนอื่นมันก็เป็นสิ่งที่ผิด!”

เสี่ยวเถียนเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังใจเย็นจนคนอื่นสับสน

สถานการณ์เมื่อครู่ยังคลุมเครืออยู่เลย ทำไมถึงดีขึ้นแบบนี้ล่ะ?

ซ่งหลิงหลิงเองก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยขอโทษโดยไม่ต้องให้คนอื่นบังคับเหมือนกัน

ส่วนหลิวเสี่ยวหงมองเสี่ยวเถียน ก่อนจะคิดว่าเจ้าตัวควรขอโทษเธอด้วย ทว่าหลังจากที่ขอโทษซ่งหลิงหลิง เจ้าหล่อนก็หันหน้ากลับไปนั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วอ่านหนังสือต่อ

ครูฮวางมองเสี่ยวเถียน จากนั้นก็มองมาที่นักเรียนที่ยังไม่เต็มใจขอโทษอีกคน

เด็กสองคนนี้แตกต่างกันจริง ๆ!

“นักเรียนหลิวเสี่ยวหง คำขอโทษของเธอไปไหนเสียล่ะ?”

ผู้เป็นครูมองนักเรียนหลิวแล้วยิ่งไม่ชอบใจกว่าเดิม แถมน้ำเสียงยังไม่ดีกว่าเดิมอีก

“ครูฮวาง หนูไม่ได้ด่าหรือตบใครด้วยซ้ำ ทำไมต้องขอโทษด้วยคะ?” หลิวเสี่ยวหงไม่ยอม

ครูฮวางก็ไม่ได้บังคับ ทำแค่มองด้วยสายตาเย็นชา

“นักเรียนทุกคนกลับไปนั่งทีซะ เราจะเริ่มสอบแล้ว!”

เมื่อไม่มีเรื่องตื่นเต้นให้ดูแล้ว เด็กห้องสิบแปดจึงกลับไปนั่งที่ของตนเอง

มีแค่เสี่ยวปากับเสี่ยวจิ่วที่ไม่ค่อยยอมเท่าไร

ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อหลิวเสี่ยวหงหยิ่งผยองจังนะ?

ไม่มีแม้แต่คำขอโทษด้วยซ้ำ!

เด็กชายทั้งสองลืมไปเสียสนิทว่า เรื่องในวันนี้หลิวเสี่ยวหงเป็นคนเสียเปรียบ แต่น้องเล็กไม่ได้เสียอะไรเลย

การสอบย่อยเสร็จสิ้นในหนึ่งวัน

เสี่ยวเถียนใช้เวลาในการสอบน้อยมาก ส่วนใหญ่หมดไปกับการอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ

เธอใช้เวลาไม่กี่วัน ความไม่เข้าใจในตอนแรกได้เปลี่ยนเป็นชำนาญในภายหลัง

เธอรู้สึกโชคดีที่มีระบบถึงได้มีสูตรโกง

เพราะมีสูตรโกงรวมกับความสามารถ ชีวิตถึงได้โกงขนาดนี้

สามวันต่อมา ผลสอบของทุกวิชาก็ออก

ซ่งหลิงหลิงและหลิวเสี่ยวหงไม่คิดว่าซูเสี่ยวเถียนจะสอบได้คะแนนดีแน่นอน แต่ไม่คิดว่าเธอทำได้ดีกว่ารอบที่แล้วด้วยซ้ำ

รอบก่อนโดนหักสี่คะแนน

รอบนี้วิชาภาษาจีนโดนหักไปหนึ่งคะแนนเอง ส่วนวิชาอื่นทำถูกหมดทุกข้อ

ซ่งหลิงหลิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า มีข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้มันผิดหรือเปล่า!

เพราะได้ยินว่าคะแนนของโจวหรุ่ยซูโดนเสี่ยวเถียนแย่งไปจึงไม่สงสัยอะไร

ทั้งยังรู้อีกว่าตระกูลโจวเป็นคนของกระทรวงการศึกษา บางทีโจวหรุ่ยซูอาจได้เฉลยมาก่อนถึงสอบได้คะแนนสูงไงล่ะ

ทว่ามันเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

ซูเสี่ยวเถียนมีความสามารถจริง ๆ ที่สอบได้คะแนนแบบนี้

หรือโจวหรุ่ยซูกำลังโกหก?

ส่วนเสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าความรู้สึกข้างในใจของซ่งหลิงหลิงกำลังหมุนวน

ในที่สุดก็ถึงวันสุดสัปดาห์ เสี่ยวเถียนคิดจะเพิ่มเมนูใหม่ ๆ ในร้านอาหาร

ช่วงนี้ลูกค้ากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ธุรกิจเฟื่องฟู เมฆหมอกอันมืดครึ้มในจิตใจของคุณย่าค่อย ๆ อันตรธานหายไป

เพราะเราให้กำลังใจ เแกจึงร่าเริงอยู่ทุกวัน ร่างกายแข็งแรงกว่าเด็กหนุ่มเด็กสาววัยสิบกว่าปีเสียอีก

คุณปู่ซูพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า “ยายเฒ่านี่นับวันยิ่งไม่รู้ตัวว่าแก่เลยนะ”

“ตาเฒ่าแบบแกจะไปรู้อะไร? เสี่ยวเถียนบอกว่าร้านอาหารของเรามีการดูแลที่ดี อนาคตข้างหน้าจะหาเงินได้เยอะกว่านี้อีกนะ”

หญิงชราเชื่อในคำพูดของหลานอย่างแน่วแน่

ถ้าเสี่ยวเถียนบอกว่าร้านของเราจะหาเงินได้เยอะ มันก็ต้องเยอะแน่นอน

เด็กไม่รู้หรอก แต่ราชามังกรรู้แน่นอน

อีกอย่างนะ ถ้าไม่ได้ท่านคอยดูแลเอาไว้ เสี่ยวเถียนจะหาของสดพวกนั้นมาจากไหนได้ล่ะ?

แถมยังเป็นของหายากในเมืองหลวงด้วย

ที่ร้านเราลูกค้าเยอะขนาดนี้ เพราะพวกเขามาหาปลาและกุ้งไงล่ะ

แต่เพราะใช้ชีวิตอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือมานาน และเห็นปลากับกุ้งไม่บ่อย จึงทำให้รู้วิธีทำอาหารจากวัตถุดิบพวกนี้แค่ไม่กี่อย่าง

คงจะดีกว่าถ้ามีวิธีให้ทำอีกเยอะ ๆ น่ะ

และคุณย่าซูรู้สึกว่าหลานของเธออาจจะช่วยเรื่องนี้ได้

เพราะเรียนหนังสือมาเยอะ เห็นอะไรมาเยอะ ไม่แน่อาจจะมีสูตรอาหารอยู่ในมือก็ได้นะ?

“เสี่ยวเถียนเอ้ย หลานมีสูตรอาหารไหม? เอาให้ย่าหน่อยสิ นับวันแขกยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาหารในร้านเรามีน้อยไปหน่อย ไม่ค่อยพอเลยน่ะ” คุณย่าซูถือถ้วยไข่ตุ๋นมาวางไว้หน้าเสี่ยวเถียน ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม