บทที่ 424 ตันเหนียงจำได้

ถังหลี่เอียงศีรษะมองตันเหนียง

“พี่ตันเหนียงอยากรู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงมาที่นี่”

ตันเหนียงไม่พูดแต่เหลือบมอง ถังหลี่เป็นคนฉลาดนางสามารถแยกแยะอารมณ์ของผู้คนได้เป็นอย่างดี แม้ตันเหนียงมีทีท่าเย็นชากับนางแต่ก็ไม่ได้เกลียดถังหลี่แม้แต่น้อย

หากตันเหนียงไม่มีท่าทีสนใจคงจะมีท่าทีที่แปลกไปจากนี้ นางกำลังอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ถังหลี่จึงเริ่มพูดขึ้น

“ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งนางเป็นคนใจดี วันนั้นนางได้บังเอิญผ่านมาเห็นคนตกน้ำเข้าพอดี นางจึงได้กระโดดลงไปช่วย …

“ตอนที่นางช่วยคนผู้นั้น วิญญาณของนางก็หายเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง ส่วนคนที่เข้ามาในร่างของนางไม่ใช่คนดี กลับใช้ร่างกายของนางทำลายชื่อเสียงและวงศ์ตระกูล

“บิดาของนางรักนางมาก เขายอมละทิ้งอุดมการณ์เพื่อนาง…คนใจดีแบบนี้ไม่ควรลงเอยเช่นนี้เลย สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม…”

ถังหลี่พูดราวกับล่วงรู้อะไรบางอย่าง ตันเหนียงขมวดคิ้ว มือทั้งสองข้างของนางกอบกุมศีรษะตัวเองราวกับว่ากำลังทรมาน เมื่อเห็นแบบนั้นถังหลี่จึงรีบหยุดพูดทันที

“พี่สาวเป็นอะไรหรือ?”

ถังหลี่กอดนางไว้ในอ้อมแขนก่อนจะลูบหลังนางเบาๆ เพื่อปลอบโยน ไม่นานนักตันเหนียงก็ค่อยๆ ดีขึ้น นางพิงไปในอ้อมแขนของถังหลี่อย่างว่าง่าย

“ข้าสบายดี…ไม่เป็นอะไร” ตันเหนียงกล่าว

“ท่านไปหาหมอดีไหม?” ถังหลี่ถาม

ตันเหนียงเป็นคนที่ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียวไม่บอกใคร แต่เมื่อนางหันไปมองถังหลี่ นางเกิดความรู้สึกอยากเล่าเรื่องบางอย่างให้ถังหลี่ฟัง นางเหมือนคนติดอยู่ในกรงขังหาทางไม่ออก ผู้หญิงคนนี้อาจช่วยนางได้

“ข้าคือคนที่นางช่วยเอาไว้…” ตันเหนียงพูดออกมา ทำให้ถังหลี่ประหลาดใจมาก เหตุใดจึงได้เป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ ตันเหนียงคือคนที่เซี่ยฟางเฟยช่วยเอาไว้?

“หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือ ข้าล้มป่วยลง มีอาการมึนงงไปหมด เมื่อตื่นขึ้นมาในหัวก็ว่างเปล่าจดจำเรื่องราวก่อนที่จะตกไปในแม่น้ำไม่ได้เลย” ตันเหนียงกล่าว

“ต้องขอบคุณนายท่านไป๋ที่ช่วยดูแลข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงได้นอนอยู่ริมถนน”

“ต่อมาข้าเหมือนจะจำอะไรบ้างอย่างได้ จึงไปหาเซี่ยฟางเฟย แต่นางทำให้ข้าอับอาย”

เซี่ยฟางเฟยด่าทอว่านางเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์ พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้นางไปหาอีก ตันเหนียงจึงเกิดความสงสัยว่าคนเช่นนี้หรือที่เป็นคนจิตใจดีช่วยเหลือผู้อื่น ความสงสัยของนางก็ทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาบอกว่านางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดา แต่ในความทรงจำของนาง นางคิดว่าตนเองมีบิดามารดาและเขารักนางมาก …เพียงแต่นางจำไม่ได้ว่าพวกท่านหน้าตาเป็นอย่างไร? นางสูญเสียความทรงจำที่สำคัญนั้นไป ตันเหนียงจึงชอบมาเดินเล่นริมแม่น้ำบ่อยครั้งเพื่อที่สักวันนางจะจำเรื่องที่ผ่านมาของตนเองได้

คำพูดของถังหลี่ทำให้นางนึกถึงเรื่องบางอย่างที่คลุมเครือ

“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!” เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ รีบวิ่งไปหาชายร่างสูง เขาอุ้มนางชูขึ้นเหนือศีรษะ นางหัวเราะคิกคักออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นจึงได้เสียงสตรีผู้หนึ่งพูดออกมาเบาๆ ว่า

“เอาล่ะๆ สองพ่อลูกหยุดเล่นแล้วมาทานข้าวได้แล้ว”

ท่านพ่อ ท่านแม่

อย่างไรก็ตามนางไม่รู้ว่าทั้งสองคนหน้าตาเป็นอย่างไร ตันเหนียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้แก่ถังหลี่ฟัง

“ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าข้าไม่ใช่ข้า” ตันเหนียงพึมพำ

ดวงตาของถังหลี่เบิกกว้างขึ้น ความคิดประหลาดแล่นเข้ามาในหัวของนาง จะเป็นไปได้ไหมว่า….

ตันเหนียงตกลงไปในแม่น้ำ คุณหนูเซี่ยกระโดดลงไปช่วย เดิมทีร่างของตันเหนียงอาจจะเป็นร่างที่นางต้องทะลุมิติเข้ามาสิงสู่ แต่ดวงวิญญาณกลับสลับกัน ตันเหนียงคือคุณหนูเซี่ยตัวจริง!

เป็นเรื่องที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่เดิมทีโลกแห่งนี้เป็นโลกในนวนิยายและนางเป็นเองก็เป็นคนที่เดินทางข้ามมิติมา เซี่ยฟางเฟยก็เช่นกัน การที่นางจะถูกสับเปลี่ยนวิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ตันเหนียงสง่างามมีท่าทีราวกับสตรีสูงศักดิ์ เย็บปักถักร้อยเก่งไม่มีทางที่จะเป็นเด็กกำพร้าได้ ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ถังหลี่ก็รู้สึกว่ามันยิ่งเป็นไปได้

“พี่สาวตันเหนียง…บางทีท่านอาจจะไม่ใช่ท่านจริงๆ” ถังหลี่กล่าว

ตันเหนียงมองไปที่ถังหลี่อย่างสงสัย

“ข้าจะพาท่านไปยังที่แห่งหนึ่ง” ถังหลี่กล่าว

ถังหลี่จับมือของตันเหนียงขึ้นไปนั่งบนรถม้า พาไปยังไปยังจวนตระกูลเซี่ย เมื่อหยุดที่หน้าจวน ถังหลี่พาตันเหนียงลงจากรถม้า ตันเหนียงเงยหน้ามองจวนเซี่ย นางเคยมาหาเซียฟางเฟยที่นี่ และหญิงผู้นั้นทำให้นางอับอาย

“ท่านรู้สึกคุ้นเคยบ้างไหม?” ถังหลี่ถาม

ตันเหนียงขมวดคิ้วนางมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่จริงๆ ถังหลี่จับมืออีกฝ่ายและพาเดินไปรอบจวนเซี่ย

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับความหวังและความรักบิดามารดา คนทั้งคู่รักนางมาก…”

ถังหลี่ให้ฉือซื่อสืบหาประวัติของเซี่ยฟางเฟย เรื่องราวที่นางเล่าให้ตันเหนียงฟังเป็นเรื่องอดีตของตันเหนียงนั่นเอง คำพูดของถังหลี่ประหนึ่งกุญแจที่ไขเข้าสู่ประตูความทรงจำที่ปิดตาย ค่อยๆ เปิดให้อดีตหลั่งไหลออกมา ความทรงจำที่คลุมเครือขุ่นมัว เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตันเหนียงเบิกตากว้างขึ้น

“ข้าจำได้แล้ว!”

“ข้าไม่ได้ชื่อตันเหนียง…ข้าคือเซี่ย..”

…..

จวนรุ่ยอ๋อง

“เซี่ยหรงอันยังไม่ตกลงอีกหรือ?” จ้าวชูถาม

เว่ยชิงชูไม่มีท่าทีนุ่มนวลอีกต่อไป สีหน้าของเขาดูน่ากลัว

“เซี่ยหรงอันยังไม่ตกลงพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยชิงชูมีสีหน้าไม่ดีนัก

“ไฉนเป็นอย่างนั้นไปได้เล่า? เซี่ยฟางเฟยคือจุดอ่อนของเซี่ยหรงอัน ลูกสาวต้องอยู่ในคุกของศาลต้าหลี่ไม่รู้เป็นตายร้ายดีเช่นไร เหตุใดเขาถึงได้ไม่ร้อนใจ?” จ้าวชูพึมพำ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“องค์ชายจะให้ข้าทำอย่างไรกับเซี่ยหรงอันหรือ?” เว่ยชิงชูถามอย่างไม่แน่ใจ

จ้าวชูโกรธมาก เขาหยิบแท่นหมึกปาไปที่เว่ยชิงชูทันที

“โง่!”

ร่างกายของเว่ยชิงชูสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เขารีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว

“สายไปแล้ว! เจ้าคิดว่ามันง่ายนักหรือ ทุกอย่างตกอยู่ในมือกู้หวนเนี่ยนแล้ว!”

เขาให้เซี่ยซือหยวนให้การว่าเซี่ยฟางเฟยเป็นคนบงการ แต่แท้จริงแล้วนางไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลัง หนึ่งวันกับหนึ่งคืนที่ผ่านมา ย่อมเพียงพอแล้วที่คนอย่างกู้หวนเนี่ยนจะสืบหาความจริงได้

ตอนแรกเขาตั้งใจจะฉวยช่วงเวลาตรงนี้เพื่อบีบให้เซี่ยหรงอันตอบตกลง

แต่ตอนนี้เขาพลาดโอกาสนี้ไปเสียแล้ว!

เขาทำอะไรผิดพลาดขนาดนี้ได้อย่างไร?

….

ศาลต้าหลี่

หลังจากการสืบสวน กู้หวนเนี่ยนก็ได้ทราบความจริงที่ว่าคดีฆาตกรรมครั้งนี้เกิดจากความหึงหวงของเซี่ยซือหยวน และเซี่ยฟางเฟยไม่ใช่คนบงการ ถึงแม้เซี่ยฟางเฟยจะมีส่วนผิด แต่นางไม่ได้ละเมิดกฎหมายข้อใดของต้าโจว นางจึงได้รับการปล่อยตัว

เซี่ยฟางเฟยถูกสอบปากคำตลอดทั้งคืน ความอับอายที่นางมีต่อกู้หวนเนี่ยนก็จางหายไป เหลือทิ้งไว้แต่ความโกรธที่นางมีต่อกู้หวนเนี่ยน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางเคยชอบผู้ชายอำมหิตผู้นี้ ตาบอดจริงๆ

“กู้หวนเนี่ยน! เจ้าจับกุมคนไม่มีเหตุผล รอก่อนเถอะ! ข้าจะให้ท่านพ่อเขียนฎีกาถึงฝ่าบาท! เจ้าเป็นถึงผู้พิพากษาของศางต้าหลี่ ครั้งนี้เจ้าจะรู้ว่าเจ้าทำผิดพลาดอย่างมหันต์”

เซี่ยฟางเฟยตะโกน หากในครั้งนี้บิดาของนางยังไม่ทำอะไรอีก เซี่ยฟางเฟยจะตัดต่อพ่อตัดลูกให้เขาได้เสียใจไปทั้งชีวิต