ตอนที่ 398

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวได้นึกถึงทุกอย่างในตอนที่ตัวเขากำลังนั่งสมาธิเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์

เป็นเพราะเฉินเหลียงชูมีชื่ออยู่บนอันดับสูงสุดของบัญชีขาว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับไม่คำนึงถึงสิ่งที่ทำเลย การกระทำของเขาในหมู่บ้านแห่งนี้ช่างขัดกับหลักความดี ยังไงซะเฉินเหลียงชูคงไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้แพร่งพรายไปสู่โลกภายนอกได้แน่ ดังนั้นการลงโทษทั้งสามอย่างของลู่โจวจึงเพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายคนนี้รู้สึกผิด

เมื่อเฉินเหลียงชูและคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในหมู่บ้านต่างก็สบตากัน

ชายเพียงแค่คนเดียวกำลังพูดจาเสียมารยาทต่อหน้าผู้เป็นเจ้านายของพวกเขาอยู่ ชายชราคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน

ความรู้สึกถึงลางไม่ดีผุดขึ้นในใจของพ่อบ้านโจว ตัวเขาได้ถอยหลังกลับไปด้วยความกังวลเล็กน้อย ในตอนนี้ตัวเขาได้รับบาดเจ็บตั้งแต่แรก ถ้าหากมีการต่อสู้เริ่มจริงตัวเขาก็มีแต่จะต้องเป็นฝ่ายสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น

แทนที่จะโกรธเคือง เฉินเหลียงชูกลับหัวเราะออกมา ตัวเขาได้ปรบมือก่อนที่จะพูดขึ้น “ผู้อาวุโส…ท่านช่างมีอารมณ์ขันซะจริง แต่ข้าว่าตอนนี้มันไม่เหมาะหรอกนะ”

“ข้าไม่เคยล้อเล่น” ลู่โจวพูดออกมาด้วยเสียงที่จริงจัง

เฉินเหลียงชูขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเพียงคนไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่จะทำให้ข้าประทับใจได้ ตราบที่ข้ามีชีวิตอยู่ข้าก็รู้สึกประทับใจคนอยู่ 2 คนเท่านั้น”

“หืม?”

“คนแรกที่ข้าชื่นชมก็คือจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน หย่งชิง” เฉินเหลียงชูยังคงพูดต่อ “ส่วนคนที่สองที่ข้าชื่นชมก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าผู้ชั่วร้าย นั่นแหละคือคนที่ข้าล้วนชื่นชม”

“…”

‘พ่อบ้านโจวไม่ได้พูดโกหก เจ้านี่มีฉันเป็นไอดอลจริงๆ ด้วย’

เป็นเรื่องน่าขันสำหรับผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีขาวจะชื่นชมผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำ

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากเป็นแบบนั้นเจ้าก็รีบคุกเข่าและคร่ำครวญต่อหน้าอาจารย์ของข้าซะ!” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาอย่างจริงจัง

แต่ถึงแบบนั้นมันก็ฟังดูเป็นเหมือนกับการเยาะเย้ยตัวของเฉินเหลียงชูซะมากกว่า

“เฟิงปิง” เฉินเหลียงชูโบกมือ

เฟิงปิงเป็นผู้ที่มีสายตาเฉียบคม ตัวเขาที่เห็นสัญญาณมือรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

นี่มันวิชาเต๋าอำพราง วิชาพลังผืนฟ้าอย่างงั้นหรอ?

ทุกคนจ้องมองไปที่เฟิงปิงที่กำลังปลดปล่อยความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมา

หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นกำลังจะขยับตัว แต่นางก็ได้เห็นผู้เป็นอาจารย์ยกฝ่ามือขึ้นมาซะก่อน ‘ตั้งแต่ที่ท่านอาจารย์เริ่มเคลื่อนไหว ผลแพ้ชนะก็ถูกตัดสินแล้ว…’

แสงสีม่วงที่ดูคล้ายกับสายฟ้าได้ส่องสว่างอยู่ในมือของลู่โจว ตัวเขาง้างแขนของตัวเองก่อนที่จะผลักไปที่ด้านหน้า มันไม่ใช่การใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต มันเป็นการใช้การ์ดคลื่นพลังสายฟ้านั่นเอง!

พลังฝ่ามือที่เต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงได้พุ่งตรงไปที่ด้านหน้า

“นี่มันผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์?” เฟิงปิงไม่ได้สนใจอะไร ตัวเขาจ้องมองลู่โจว แต่เมื่อสัมผัสกับพลังสีม่วงของลู่โจว ในตอนนั้นคลื่นพลังสายฟ้าก็ได้ซัดเข้าใส่ตัวเขาจากทางท้องฟ้า

ปั๊ง!

เฟิงปิงถูกพลังสายฟ้าโจมตีเข้าอย่างจังเข้าที่ใจกลางหน้าอก ก่อนที่ตัวเขาจะปล่อยพลังผืนฟ้าออกมา ร่างกายของเขาก็กระเด็นถอยกลับไปซะก่อน ในตอนนี้จิตใจของเขากำลังว่างเปล่า ในตอนที่กำลังจะถูกโจมตีเฟิงปิงเห็นเพียงสายฟ้าที่มีแสงสีม่วงตกลงมาจากท้องฟ้า เฟิงปิงได้อุทานออกมา “คลื่นพลังสายฟ้าอย่างงั้นหรอ?”

ตู๊ม!

เมื่อพลังคลื่นสายฟ้าสัมผัสกับเป้าหมาย

ในตอนนั้นเองเฟิงปิงก็ได้กระอักเลือดออกมา เลือดของเขาได้กระจายอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า ตัวเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกใครทุบตีด้วยค้อนไปที่จุดตันเถียนอย่างเต็มแรง เฟิงปิงไม่มีวิธีการอะไรที่จะโต้กลับได้เลย

แม้ว่าอัตราการสังหารของการ์ดคลื่นพลังสายฟ้าจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ถ้าหากมันจู่โจมเข้าจุดสำคัญของเป้าหมายได้ อัตราการสังหารก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ทั่วทั้งลานเงียบราวกับสุสานล้าง

พ่อบ้านโจวสั่นไปทั้งขา ตัวเขาล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ‘นี่คือพลังของผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเหรอ? นี่ยังเป็นพลังของผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นสินะ? ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะสามารถรับมือกับยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัว 4 กลีบอย่างเฟิงได้? นี่มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่!’

พ่อบ้านโจวไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจ เฉินเหลียงชูเองก็ตกใจเช่นกัน

พลังวรยุทธที่เฉินเหลียงชูมีสูงกว่าเฟิงปิงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เฉินเหลียงชูเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบนั่นเอง แต่เมื่อเจอกับชายชราผู้ที่สามารถเอาชนะเฟิงปิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ความมั่นใจทั้งหมดที่เฉินเหลียงชูเคยมีก็สั่นคลอนไป น่าเสียดายที่ตัวเขาย้อนกลับไปไม่ได้อีก ในตอนนั้นเฉินเหลียงชูได้แต่โบกมืออีกครั้ง

ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ที่ยังคงลอยอยู่ได้พุ่งไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะล้อมรอบลู่โจวและหยวนเอ๋อเอาไว้

“ดื้อด้านซะจริง” ลู่โจวส่ายหัว

หยวนเอ๋อเองกลอกตามองก่อนที่จะพูดตามมา “เจ้ามันโง่ซะจริง เจ้าน่ะชื่นชมอาจารย์ของข้ามาก ตอนนี้เจ้าคงจะใช้เหตุผลนั้นขอความเมตตาจากอาจารย์ของข้าไม่ได้แล้วล่ะ!”

‘หืม?’ เฉินเหลียงชูจามก่อนที่จะพูดออกมา “สาวน้อย เจ้าน่ะคิดว่าใจเสาะจนเกินไปแล้วนะ ข้าน่ะมีชื่ออยู่ในบัญชีขาวอันดับสูงสุด จับพวกมันเอาไว้ซะ!”

ด้วยคำสั่งนี้เองทำให้ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายพุ่งเข้าหาทั้งสองคน

เป็นธรรมดาที่เฉินเหลียงชูจะไม่เชื่อในสิ่งที่หยวนเอ๋อพูด สำหรับเฉินเหลียงชู เขามีรูปเหมือนของจีเทียนเด๋า ตัวเขาได้เฝ้ามองใบหน้านั้นตลอดทุกวัน ชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้ดูไม่เหมือนกับจีเทียนเด๋าแม้แต่เพียงนิดเดียว!

ลู่โจวเองไม่สามารถตำหนิใครได้ ท้ายที่สุดแล้วจีเทียนเด๋าก็ไม่เคยสนใจที่จะดูแลรูปลักษณ์ของตัวเองมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นทรงผมของเขาก็มักจะไม่เป็นระเบียบ ในทางตรงกันข้ามชายชราที่อยู่ตรงหน้ากับดูสงบนิ่ง ตัวเขาที่เป็นแบบนี้จึงดูแตกต่างจากจีเทียนเด๋าในอดีตอย่างสิ้นเชิง

เมื่อผู้ฝึกยุทธก้าวไปที่ด้าหน้า เฉินเหลียงชูก็ได้บินออกมาจากรถม้าลอยฟ้าของตัวเอง

“บี่เอี๊ยน!”

โฮรกกก!

ไม่มีใครรู้ว่าเสียงคำรามที่ดังขึ้นมาจากทิศทางไหน

บี่เอี๊ยนได้พุ่งตัวเองออกมาจากเงามืด มันได้พุ่งใส่ผู้ฝึกยุทธที่อยู่รอบๆ

ผู้ฝึกยุทธรู้สึกกลัวจนหมดปัญญา ผู้ฝึกยุทธคนแล้วคนเล่าได้ถูกบี่เอี๊ยนเข้าจัดการไป ต่อหน้าบี่เอี๊ยนผู้ฝึกยุทธที่ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งอะไรต่างก็ถูกจัดการไปในทันที

“ติ้ง! สังหารเป้าหมาย ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 10”

“ติ้ง! สังหารเป้าหมาย ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 10”

ลู่โจวไม่ได้คิดสนใจอะไรแต้มบุญเพียงน้อยนิดพวกนี้ ตัวเขากำลังจ้องมองไปที่รถม้าที่กำลังลอยขึ้นไปมากกว่า

เฉินเหลียงชูได้พูดขึ้น “ข้าจะจำหนี้แค้นในครั้งนี้เอาไว้…พวกเราได้พบกันอีกแน่” ตัวเขามั่นใจว่ารถม้าลอยฟ้าจะต้องพาตัวเองให้หนีรอดไปได้แน่

สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป ตัวเขายกมือซ้ายก่อนที่จะยกมือขวาขึ้นมา มันเป็นการบีบอัดพลังลมปราณของตัวเอง ในตอนนั้นเองคันธนูสีน้ำเงินจางๆ ก็ได้ปรากฏขึ้น ลูกศรพลังงานเองก็ปรากฏขึ้นที่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางเช่นเดียวกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีต้นกำเนิดมาจากความว่างเปล่า และทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในสังสารวัฏ

ภาพของลู่โจวที่ได้ยิงลูกศรพุ่งทะลุผ่านหมู่เมฆไปเพื่อที่จะจัดการสัตว์ขี่ของไป่มาได้ปรากฏอยู่ภายในใจ

พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้พันรอบลูกศรของลู่โจวเอาไว้

พรึ๊บ!

ในที่สุดลูกศรพลังงานก็ถูกปล่อยออกไป มันได้แล่นไปในอากาศราวกับว่าเป็นการแสดงของดอกไม้ไฟ แสงสว่างของมันได้ส่องสว่างอย่างโดดเด่นภายใต้แสงจันทร์

เฉินเหลียงชูได้ยินเสียงแปลกๆ ที่กำลังไล่ตามหลังของตัวเองมา ตัวเขาได้หันไปมองเสียงที่ว่า “นั่นมันอะไรกัน? ลูกศรพลังงานอย่างงั้นเหรอ?”

ตัวเขาได้เปิดใช้งานพลังอวตารของตัวเองในทันที ร่างกายของเฉินเหลียงชูได้ปกคลุมไปด้วยพลังป้องกันอย่างแน่นหนา

แม้ว่าจะเจอกับพลังป้องกัน ลูกศรพลังงานก็ยังเจาะทะลุเป้าหมายของมันได้อยู่ดี พลังอวตารและจุดตันเถียนของเฉินเหลียงชูถูกลูกศรยิงทะลุไปไม่เหลือชิ้นดี

รถม้าเองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกัน

เฉินเหลียงชูได้ตกลงมาจากฟากฟ้า

หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็รีบปรบมือของนาง “ยอดเยี่ยมจริงๆ ท่านอาจารย์ ข้าเองก็อยากจะเรียนวิชาธนูเหมือนกัน!

ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขารู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นัก ถ้าหากตัวเขาเลือกโจมตีโดยใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์พร้อมๆ กับอาวุธนิรนาม ตัวเขาจะต้องฆ่ายอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบได้แน่ ตัวเขาได้ใช้พลังหนึ่งในสามจากพลังทั้งหมดในการจู่โจมครั้งนี้ ในอดีตเมื่อตัวเขาได้ใช้พลังส่วนนี้กับอาวุธนิรนาม การโจมตีของลู่โจวก็สามารถจัดการกับผู้คลั่งไคล้แห่งดาบลั่วฉางชิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ในตอนนี้เฉินเหลียงชูเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบเท่านั้น พลังของเขายังด้อยกว่าพลังของลั่วฉางชิงด้วยซ้ำไป ถ้าหากไม่มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์ จึงเป็นธรรมดาที่การโจมตีของเขาจะอ่อนกำลังลง แต่ยังไงซะลูกศรพลังงานก็ยังเจาะทะลุจุดพลังลมปราณของเฉินเหลียงชูได้ นี้ก็เท่ากับว่าชายคนนี้ได้ถูกทำลายพลังวรยุทธไปจนหมดสิ้น

ตู๊ม!

เฉินเหลียงชูได้ตกลงใส่หลังคาก่อนที่จะกลิ่นลงไปบนพื้น ตัวเขามองไปที่ใบหน้าของลู่โจวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ในเวลาเดียวกันบี่เอี๊ยนก็เกือบที่จะกวาดล้างผู้ฝึกยุทธทั้งหมดได้แล้ว

ทั่วทั้งหมู่บ้านเงียบสงบอีกครั้ง

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองในขณะที่มองไปยังเฉินเหลียงชูที่อยู่บนพื้น “ข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้วแท้ๆ …แต่ถึงแบบนั้นเจ้ากลับไม่คิดรับไว้”

สีหน้าของเฉินเหลียงชูมีแต่ความสิ้นหวัง ตัวเขาพยายามฝืนทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้ามาจากสำนักลั่วอย่างงั้นสินะ?”

หยวนเอ๋อตอบออกมาซะก่อน “ถุ้ย! ไม่มีทางที่จะเป็นสำนักลั่วเส็งเคร็งนั่นแน่”

เฉินเหลียงชูนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น “ข้าจะทำ ข้าจะทำตามที่เจ้าพูด”