ตอนที่ 432 เปิดโรงงานขนม

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 432 เปิดโรงงานขนม

ตอนที่ 432 เปิดโรงงานขนม

“พรวด!”

สวี่หลิงอวิ๋นเกือบจะพ่นน้ำใส่อีกฝ่าย!

“ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?! คุณกำลังบอกให้ฉันขโมยแผนที่ของทหารเหรอคะ? คุณคิดว่าแผนที่ทหารเป็นของฉันหรือไง? ถึงอยากจะขโมยอะไรก็ได้น่ะ?!” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวอย่างเหลืออด “คุณคาดหวังจากฉันสูงเกินไปไหมคะ?!”

“ไม่หรอกครับ คุณประเมินความสามารถของตัวเองต่ำไปต่างหาก!” อวี้ซินพูด “ถึงจอมพลเอเดนจะเป็นจอมพลคนแรก แต่อำนาจทั้งหมดยังอยู่ในมือกลุ่มราชวงศ์ เราจึงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือบางอย่าง”

“ตอนนี้จักรพรรดิเองก็อายุมากแล้ว องค์ชายทั้งสามก็เที่ยงธรรมและเติบโตขึ้นทุกวัน พวกเขาล้วนเป็นผู้แย่งชิงบัลลังก์ที่แข็งแกร่ง และเราสามารถลงมือได้จากตรงนี้ ”

“เข้าใจล่ะ พวกคุณอยากจะสร้างความบาดหมางสินะ!” สวี่หลิงอวิ๋นเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะคะ? อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันใช้กลยุทธ์สาวงาม ถึงฉันจะสวยแต่ฉันก็มีแฟนแล้วนะคะ!”

อวี้ซินเหลือบมองเธอเงียบ ๆ เธอสวยมากแม้ว่าจะอยู่ในร่างเอลฟ์ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะใช้กลยุทธ์สาวงามอะไรนั่น

“แค่ก ๆ! คุณกำลังเข้าใจผมผิด!” อวี้ซินพูด “ตอนนี้จอมพลเอเดนกำลังสนับสนุนองค์ชายรองอยู่ ถ้าเปรียบเทียบกับองค์ชายองค์อื่นแล้ว ฝ่าบาทค่อนข้างอ่อนโยนและเปิดกว้าง เขามีจิตใจเมตตาต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ และแอบสนับสนุนจอมพลเอเดนอีกด้วย”

“อีกหนึ่งเดือนจะมีการประชุมรัฐสภา และหัวข้อในการประชุมรัฐสภาครั้งนี้คือประเด็นการยกเลิกค้ามนุษย์ให้เป็นสัตว์เลี้ยง”

“การประชุมในครั้งนี้มีความสำคัญต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก เราจะต้องผลักดันคะแนนเสียงในครั้งนี้ให้ผ่านวาระให้ได้”

“ผ่านวาระ?” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “การผลักดันมันก็ดีหรอกนะคะ แต่ต่อให้คะแนนเสียงจะผ่านมติ หรือกฎหมายข้อบัญญัติจะถูกประกาศออกมา แต่การกระทำเบื้องหลังก็ไม่ได้ลดลงหรอกค่ะ ฉันว่าเราเองก็รู้ดีว่ายังมีพวกเส้นสายอยู่ข้างหลังอีกมาก”

“ผมรู้ครับ แต่ด้วยแรงสนับสนุนของกฎหมาย ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเราสามารถทำได้” อวี้ซินพูด “แค่ตอนนี้เราจะต้องบรรลุข้อตกลงกับทางราชวงศ์และเหล่าชนชั้นสูงกันก่อน ทวีความขัดแย้งของพวกเขาให้ได้”

“ตราบใดที่พวกเขาขัดแย้งและต่อสู้กัน เราก็จะมีโอกาสเพิ่มขึ้น!”

อวี้ซินพูดต่อ “ถ้าเป็นแบบนี้ คุณจะยอมร่วมมือกับพวกเราไหมครับ?”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า เธอเป็นมนุษย์ ถึงแม้ว่าเธอจะออกมาจากต้นไม้แห่งชีวิต แต่พวกเขาก็ล้วนมีศัตรูคนเดียวกันและตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน

“ต่อไปเราต้องการให้คุณทำหนึ่งสิ่ง” อวี้ซินยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้สวี่หลิงอวิ๋น “รายชื่อที่อยู่บนกระดาษแผ่นนี้เป็นคนขององค์ชายใหญ่ ต่อจากนี้ไปคุณจะต้องปฏิเสธบุคคลที่มีรายชื่อบนกระดาษแผ่นนี้ อย่างที่บอกเหตุผลไป คุณแค่ทำสีหน้าลำบากใจไปแล้วกัน”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเธอรับรู้

ตอนนี้ไม่พูดอะไรเลยน่าจะมีประโยชน์มากกว่า บางสิ่งไม่จำเป็นต้องพูด แค่ให้ผู้คนได้คิดก็พอ

จอมพลเอเดนรออยู่ข้างนอกพร้อมกับแผ่นเต้าหู้หม่าล่าและหมั่นโถวในมือ เขากำลังแทะอย่างเมามัน

ด้านหน้าเขามีขนมวางอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน สองขาไขว้เข้าหากันอย่างสบายใจเฉิบ ชื่นชอบสถานที่แห่งนี้เสียจริง หากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะย้ายสำนักงานมาอยู่ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอด

เมื่อไม่นานมานี้ชายชราทั้งหลายแวะเวียนกันมาสร้างความลำบากใจให้เขาทุกวัน วันนี้โทรมาหา พรุ่งนี้ก็คงจะโทรมาหาอีก น่ารำคาญชะมัดยาก

องค์ชายรองกับพวกชายชราชอบเข้ามาเยี่ยมเยียนที่นี่เป็นการส่วนตัว แต่หลังจากได้กินครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ติดใจกันมาก จนตอนนี้โต๊ะทั้งหมดได้กลายเป็นที่นั่งพิเศษของเขา

เมื่อไหร่ก็ตามที่คนอื่นเข้ามากินก็มักจะพาผู้คนเข้ามาด้วย แต่เขากลับมีความสุขกับการกินคนเดียวมากกว่า เพราะต่อให้กินไม่หมดก็แอบห่อกลับบ้านได้

องค์ชายไหนจะเป็นเหมือนเขาบ้าง เก็บแม้แต่ของเหลือกลับบ้าน?!

เพราะฉะนั้นฝ่าบาทองค์นี้ถึงได้เป็นทางเลือกที่แตกต่างออกไป!

เมื่อไม่นานมานี้จอมพลเอเดนใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย องค์ชายรองให้ความไว้วางใจต่อเขามากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ศัตรูเก่าแก่ก็ก้มหัวให้เขา และนั่นทำให้เขาพึงพอใจมาก

เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักเขาพุ่งขึ้นมาเยอะ!

เมื่ออวี้ซินกับสวี่หลิงอวิ๋นเดินออกมา จอมพลก็กินขนมไปจนหมดโต๊ะแล้ว

เขาโพล่งขึ้นทันทีที่เห็นสวี่หลงอวิ๋นออกมา “ขนมที่คุณทำอร่อยมากเลยครับ ไม่คิดจะเปิดโรงงานอะไรบ้างเหรอ? เรามาทำร่วมกันไหมครับ?”

เขามองเห็นผลประโยชน์มหาศาล โรงงานขนมสามารถทำเงินได้มากกว่าร้านอาหาร!

“ใกล้จะได้เปิดแล้วล่ะค่ะ ชิงเย่กำลังเตรียมการอยู่” สวี่หลิงอวิ๋นตอบ เมื่อวานนี้ชิงเย่บอกว่าได้เลือกโรงงานและอุปกรณ์ทั้งหลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเริ่มกระบวนการการผลิต

การผลิตจะกลายเป็นเรื่องง่ายต่อเมื่อแขนกลจำนวนนับไม่ถ้วนได้บรรจุของลงในอุปกรณ์เครื่องจักรกล

สวี่หลิงอวิ๋นมอบเงินจำนวนมากกว่าครึ่งให้แก่เขา และรอคอยที่จะเปิดการขายเท่านั้น!

สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้คือที่นี่มีระบบซอฟต์แวร์การถ่ายทอดสดเช่นกัน สวี่หลิงอวิ๋นเปิดระบบซอฟต์แวร์และเริ่มถ่ายทอดสดทุกวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่มื้ออาหารเริ่มขึ้น กล้องจากระบบซอฟต์แวร์จะถ่ายทอดสดฝูงชนที่กินอาหารอยู่ด้านล่าง

ไม่ว่าจะเป็นขนมชั้นเยี่ยม หรืออาหารที่ชายชราพวกนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกอย่างล้วนทำให้ชาวเน็ตตั้งตารอ

[อันนั้นคืออะไร? อาหารแตกต่างออกไปจากทุกครั้งเลยแฮะ! เราจะต้องต่อคิวไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?]

[ต่อคิว? อย่างน้อยที่คุณต้องมีก็คือเงิน คุณมีเงินไหมล่ะ? เริ่มต้นขั้นต่ำสามร้อยเหรียญทองอินทนิล คุณมีไหม?]

[เชี่ย เงินเดือนผมสิบเหรียญจักรกรินก็ถือว่าเป็นมาตรฐานของที่นี่แล้วนะ ถ้าเกิดเริ่มต้นที่สามร้อยเหรียญทองอินทนิลจริง ๆ ไม่รู้ว่าผมจะได้กินอาหารพวกนั้นเมื่อไหร่?]

[อย่าคิดมากนักเลย แค่คุณได้มองดูคนพวกนี้กินอาหาร ก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ]

[มัวไปจองโต๊ะอาหารสามสิบโต๊ะก็คงไม่ทันกินหรอก พวกคุณลองพิจารณาอาหารมวลชนดูสิ อาจจะพอมีโอกาสได้ต่อคิว]

อาหารมวลชนคืออาหารมื้อเช้าดั้งเดิม เนื่องจากนักกินทั้งหลายมารวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น โรงแรมไห่เว่ยจึงมีลูกค้าจนล้น ดังนั้นเมื่อสวี่หลิงอวิ๋นถูกลูกค้าที่ดื้อรั้นทั้งสองกลุ่มต่อต้านอย่างรุนแรง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะปล่อยลูกค้าไป

ถึงอย่างนั้นจนกระทั่งเที่ยงคืน หลังจากผ่านไปสิบสองชั่วโมงก็ยังมีลูกค้าจำนวนมากกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้รับการจัดอันดับคิว

ดังนั้นหากลูกค้าคนไหนต้องการกินอาหาร ก็จะต้องต่อคิวอย่างน้อยล่วงหน้าถึงสองวัน

แต่ที่ไหนมีคน ที่นั่นย่อมมีผลประโยชน์ ตอนนี้มีผู้คนเข้ามารับจ้างต่อคิวให้กันโดยเฉพาะ เพียงแค่เหรียญทองอินทนิลหนึ่งเหรียญก็สามารถช่วยให้คุณเข้าคิวได้!

สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นผู้เปิดทางให้คนเหล่านี้หากินจนร่ำรวย

ระหว่างดำเนินการอยู่นี้ สวี่หลิงอวิ๋นก็ได้เปิดโรงงานขนมเป็นที่เรียบร้อย!

ทุกการถ่ายทอดสดจะแสดงให้เห็นว่ามีขนมที่แตกต่างกันวางอยู่บนโต๊ะอาหารมวลชนเสมอ ขนมแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือคำชมจากลูกค้าผู้ได้ลิ้มลองของว่าง

นอกจากนี้ยังมีลูกค้าหัวธุรกิจจำนวนมากที่นำขนมไปขายตามอินเทอร์เน็ต และขายออกไปในราคาสูง

ผู้คนที่โพสต์ภาพดังกล่าวได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว และยังได้นำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง จนทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายรู้สึกเจ็บปวดใจ