บทที่ 322-2 ความจริงเปิดเผย (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 322 ความจริงเปิดเผย (2)

“ปล่อยมือเรา! หรือเจ้าจะให้เราเรียกฮั่วจี้จิ่วมาที่ตำหนักบรรทมของไทเฮา ตามเราไปที่ห้องทรงอักษร!”

“พ่ะย่ะค่ะ” เซียวลิ่วหลังจึงคลายมือออก

จี้จิ่วอาวุโสถูกเรียกตัวเข้าวังหลวง

ฮ่องเต้ไม่ปล่อยโอกาสให้เขากับเซียวลิ่วหลังได้ตระเตรียมการ สั่งคนให้พาตัวเซียวลิ่วหลังออกไปทันที หลังจากนั้นก็เริ่มไต่สวนถึงความสัมพันธ์ของหัวหน้าจางและจี้จิ่วอาวุโส

ฮ่องเต้เองก็ไม่ได้บอกเรื่องที่หัวหน้าจางตายไปแล้วให้จี้จิ่วอาวุโสรู้

แต่จี้จิ่วอาวุโสเป็นใครกัน

เขาย่อมเดาออกอยู่แล้ว

หากคนทั่วไปถูกซักถามเรื่องความสัมพันธ์กับข้าหลวงสตรีในวังหลวง ย่อมหาวิถีทางแก้ตัวให้บริสุทธิ์ เพราะดูหมิ่นข้าหลวงสตรีในมีโทษหนัก ทว่าจี้จิ่วอาวุโสกลับสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

เขาเล่าเรื่องในอดีตออกไปอย่างไม่ลังเล เป็นเรื่องของเขากับหัวหน้าจางที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้ ระหว่างพวกเขามีของแทนใจอยู่ชิ้นหนึ่ง เมื่อคืนวานเขาวานให้คนนำของต่างหน้านั้นคืนให้แก่นาง บ่งบอกว่าต้องการตัดความสัมพันธ์ระหว่างกัน

หากที่จี้จิ่วอาวุโสพูดเป็นความจริง เช่นนั้นแล้วก็แปลว่าจางซิ่วฆ่าตัวตายเพราะความรัก

ฮ่องเต้หรี่ตาด้วยความสงสัย “เหตุใดถึงต้องตัดขาดกัน เพราะไทเฮาหรือ”

“กระหม่อมมิบังอาจ! เพราะกระหม่อม… กระหม่อมคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว…” จี้จิ่วอาวุโสเริ่มเล่นละครตีบทโศก น้ำหูน้ำตาไหลพราก งัดทุกวิถีทางออกมาใช้ “…ถ้าฝ่าบาทไม่เชื่อ จะเรียกหมอเทวดาน้อยมาก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เพราะนางเป็นคนตรวจพบโรคร้ายแรงนี้เอง”

เมื่อออกมาจากห้องทรงอักษร จี้จิ่วอาวุโสก็พบกับเซียวลิ่วหลังที่รออยู่ตั้งนานแล้ว

“ขอโทษด้วยขอรับ ท่านอาจารย์จึงพลอยลำบากไปด้วยเลย” เซียวลิ่วหลังเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

จี้จิ่วอาวุโสทอดถอนใจ “ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบเอง”

“แต่ชื่อเสียงของอาจารย์…”

จี้จิ่วอาวุโสโบกมือไปมา “เดิมทีข้าก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรอยู่แล้ว แม้ข้ากับนางจะไม่ได้เป็นอย่างที่ทูลฝ่าบาทไป แต่สุดท้ายแล้ว…ก็เป็นข้าเองที่ทำผิดต่อนาง นาง…เป็นน้องสาวของภรรยาข้า”

น้องสาวต่างแม่ที่ถูกรับเลี้ยงไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งตั้งแต่ยังเล็ก สองพี่น้องเพิ่งจะได้พบกันเมื่อยามเติบใหญ่

ก่อนที่ภรรยาจะลากโลกนี้ไป นางกุมมือของเขาไว้ บอกกับเขาว่าไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ช่วยดูแลจางซิ่ว น้องสาวเพียงคนเดียวของนางด้วย

จางซิ่วอยากแต่งงานกับเขา แต่เขาไม่ยอมสู่ขอนาง สุดท้ายด้วยความโกรธนางจึงเข้าวัง

เขากับจวงจิ่นเซ่อห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แต่เพื่อไม่ให้จางซิ่วเข้ามาพัวพัน เขาจึงปกปิดความสัมพันธ์ของทั้งสอง ไม่อยากนั้นคนที่ถูกขับไล่ออกจากวังคงไม่มีเพียงแค่เขาคนเดียว แต่อาจจะมีจางซิ่ว น้องสาวของภรรยาด้วย

นั่นเป็นเพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนสั่งเนรเทศพวกเขาทั้งตระกูล

“ยามนางสามารถออกจากวังได้เมื่ออายุยี่สิบห้าปี นางเคยมาหาข้าครั้งหนึ่ง ถามอีกข้าว่าจะสู่ขอนางหรือไม่ ข้าบอกว่าข้าจะดูแลนางไปชั่วชีวิต เหมือนนางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า หลังจากนั้นนางก็ปาแท่นฝนหมึกของข้า ต่อมานางเสียใจเป็นอย่างมาก จึงชดใช้ด้วยอันใหม่ คืออันที่ข้าวานให้เจ้าเอาไปคืนนั่นแล ตอนที่นางมอบให้ข้า ข้าจับไว้ไม่มั่น ไม่ทันระวังจึงตกพื้นแล้วบิ่นไปนิดหน่อย… นางยังหัวเราะแล้วพูดว่าเช่นนี้ก็นับว่าเสมอกันแล้ว”

จี้จิ่วอาวุโสพูดถึงเพียงเท่านั้นแล้วถอนหายใจ “ช่างเถิด เรื่องผ่านไปแล้วอย่าได้พูดถึงอีกเลย นางไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะความรักแน่นอน การตายของนางมีเงื่อนงำ ข้าขออนุญาตฝ่าบาทแล้ว ขอไปส่งนางเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าเองก็ไปกับข้าสิ”

เซียวลิ่วหลัง “ขอรับ”

จี้จิ่วอาวุโสและเซียวลิ่วหลังไปยังสำนักข้าหลวงสตรี

ในรัชสมัยก่อนหน้า หากคนในวังปลิดชีวิตเองนั้นมีโทษไปถึงคนในครอบครัว แต่ในรัชสมัยนี้ได้ยกเลิกกฎนั้นไปแล้ว แต่ห้ามไม่นำศพไปฝังดินอย่างสงบ แต่จะถูกทิ้งไว้กลางป่าเขา

จี้จิ่วอาวุยื่นเงินถุงหนึ่งให้กับเว่ยกงกง

เว่ยกงกงยุดยื้อปฏิเสธอยู่นานแต่ก็ไม่สำเร็จ “ข้าเก็บกวาดพอสมควรแล้ว ประเดี๋ยวศพจะถูกส่งไปที่สุสานนอกประตูตะวันตก พวกท่านส่งคนไปรอที่นั่นก็พอแล้ว”

“ขอบคุณเว่ยกงกงยิ่งนัก” จี้จิ่วอาวุโสเอ่ยขอบคุณ

เซียวลิ่วหลังเป็นคนชันสูตรศพจางซิ่วด้วยตนเอง พบว่านางผูกคอตายจริงๆ ทั้งยังไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือขัดขืน

หลังจากนั้นเซียวลิ่วหลังก็พบบางสิ่งเข้า เขาจึงชะงักไป

“เป็นอะไรไปรึ” จี้จิ่วอาวุโสเดินเข้ามาถาม

เซียวลิ่วหลังไม่ตอบ แต่ยกข้อมือข้างซ้ายของจางซิ่วขึ้นมา บนนั้นมีไฝหนึ่งเม็ด

จี้จิ่วอาวุโสแข็งทื่อไปทั้งตัว “เป็นไปได้อย่างไร…”

นั่นสินะ

เป็นจางซิ่วไปได้อย่างไร

รายละเอียดที่ถูกมองข้ามไปเมื่อหลายคืนก่อนแวบขึ้นมาในหัวของเซียวลิ่วหลังเรื่อยๆ

ตอนที่จางซิ่วพบเขาครั้งแรกก็ตกใจจนแทบล้มทั้งยืน เขานึกว่านางคงเหมือนฉินกงกงและคนอื่นๆ ที่ตกใจยามได้เห็นหน้าเขา แต่พอมาคิดดูให้ดีแล้ว ดูเหมือนว่าตัวเขากับจางซิ่วจะไม่เคยพบกันมาก่อน

นางจะรู้จักเขาได้อย่างไร

ต่อให้รู้จัก ปฏิกิริยาของนางก็ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้

ยามที่เขาบอกนางว่าตัวเองกำลังสืบหาตัวข้าหลวงที่มีไฝบนข้อมือ นางก็รู้แล้วว่าเรื่องในอดีตได้ถูกเปิดโปงแล้ว

ทว่านางนั้นไม่รู้ว่าเซียวลิ่วหลังเป็นคนสืบ แต่คิดว่าคนที่ตามสืบหาความจริงนั้นคือจี้จิ่วอาวุโส พี่เขยของนาง

จี้จิ่วอาวุโสเป็นอาจารย์ของเซียวเหิง การที่เขาจะสืบหาสาเหตุการตายของเซียวเหิงย่อมเป็นเรื่องที่ฟังขึ้นอยู่แล้ว

ที่นางเดินจากไปอย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง วินาทีนั้นนางคงตัดสินใจปลิดชีพตัวเองแล้ว

ใช้ความตายชดใช้ความผิดที่กระทำไว้กับพี่เขยและลูกศิษย์ของเขา ใช้ความตายหลบเลี่ยงการสาวตัวไปยังผู้ที่บงการอยู่หลังม่าน

ในตอนนั้นนางรู้สึกเช่นไรยามที่ใส่ร้ายจวงจิ่นเซ่อ รู้สึกอย่างไรมีพบว่าเซียวเหิงน้อยที่ตนทำร้ายนั้นเคยเป็นลูกศิษย์คนสำคัญของพี่เขยยามอยู่ในราชสำนัก

จี้จิ่วอาวุโสรู้สึกจุกที่ลำคอ “ล้วนแต่เพราะทำเพื่อข้า…”

จางซิ่วใส่ร้ายจวงจิ่นเซ่อก็เพราะจวงจิ่นเซ่อไม่ลงรอยกับเขา จนทำให้เขาต้องถูกเนรเทศ จนทำให้เขาเกือบตาย

แต่ใครจะไปคาดคิดกันว่าสุดท้ายแล้วเขาและจวงจิ่นเซ่อนั้นไม่ได้กลายเป็นศัตรูกัน แต่จางซิ่วกลับสังเวยชีพของตนเองอย่างสูญเปล่า

เว่ยกงกงตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จแล้ว พวกเขาจึงเก็บของที่จางซิ่วทิ้งเอาไว้ได้

ของที่จางซิ่วทิ้งเอาไว้นั้นแสบเรียบง่าย มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและกล่องเครื่องประดับ ภายในนั้นมีเครื่องหัวที่เก่าจนไม่รู้จะเก่าอย่างไร ชั้นภายในกล่องยังมีตั๋วเงินอีกหลายสิบใบซ่อนอยู่ ล้วนแต่เป็นตั๋วเงินที่สลักชื่อของจี้จิ่วอาวุโส

แล้วก็มีแท่นฝนหมึกที่เซียวลิ่วหลังนำมาคืนให้นางเมื่อคืนวาน

ขอบตาของจี้จิ่วอาวุโสแดงก่ำ

“อาจารย์” เซียวลิ่วหลังเอ่ยเรียกเขาเสียงแผ่วเบา

“ข้าไม่เป็นไร” จี้จิ่วอาวุโสปาดน้ำตา เก็บของที่จางซิ่วเหลือไว้ในดูต่างหน้าอย่างทะนุถนอม บรรจุลงในห่อผ้าอย่างดี ขณะที่เดินออกไปฝีเท้าของเขาก็ซวนเซ

เซียวลิ่วหลังพยุงเขาไว้

น้ำเสียงของจี้จิ่วอาวุโสสั่นเครือ “ข้า…ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ”

เพล้ง!

แท่นฝนหมึกร่วงตกลงมาจากห่อผ้า กระแทกลงกับพื้น

จี้จิ่วอาวุโสถลาตัวเข้าไปเก็บ

เซียวลิ่วหลังเอ่ย “ข้าเอง”

เขาก้าวเข้าเก็บแท่นฝนหมึกขึ้นมาก่อน “ข้าถือให้”

จี้จิ่วอาวุโสอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ในใจของเขาสับสน ในหัวมีแต่ความวุ่นวาย เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนทำให้จางซิ่วต้องตาย ทั้งยังรู้สึกว่าตัวเองต่างหากที่เป็นคนทำร้ายเซียวเหิง

เขาเอ่ยเสียงสะอื้น “เจ้า…เจ้าต้องโทษข้า…เจ้าต้องโทษข้า…เป็นเพราะข้า…นางทำไปก็เพราะข้า…”

เซียวลิ่วหลังถอนหายใจ “หากไม่ใช่นางก็มีคนอื่นอยู่ดี คนที่ควรแค้นที่สุดคือคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ท่านอาจารย์อย่าได้โทษตัวเองเลย เรื่องในอดีตไม่เกี่ยวกับท่าน เรื่องเมื่อคืนก็ไม่เกี่ยวเช่นกัน”

ในเมื่อเขาเป็นคนต้องการสืบเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสืบมาถึงจุดนี้อยู่ดี

จี้จิ่วอาวุโสตีสนิทกับจางซิ่วขนาดนี้เพื่อเขาเป็นเพียงแค่การเร่งกระบวนการ แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์

จุดจบของจางซิ่วได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่นางทำร้ายเด็กผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งแล้ว

เขายกโทษให้นางได้ แต่สวรรค์นั้นไม่ยอม

จี้จิ่วอาวุโสออกไปเก็บศพของจางซิ่ว แต่เซียวลิ่วหลังไม่ได้ตามไป แค่ยกโทษให้นางก็นับว่าเขาเมตตานางมากโขแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือพิธีศพของนางก็ได้

เซียวลิ่วหลังกลับไปยังตำหนักเหรินโซ่ว

จวงไทเฮายังคงอ่านบัญชีที่ราชครูจวงเสนออยู่ในห้องหนังสือ บัญชีนั้นต้องผ่านตานางก่อนรอบหนึ่ง หลังจากนั้นถึงจะส่งให้เหล่าขุนนางเพื่อกราบทูลฮ่องเต้ในการประชุมราชสำนักยามเช้า

ฉินกงกงยืนอยู่ข้างกัน พอเห็นเซียวลิ่วหลังแววตาของเขาก็เป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยกับจวงไทเฮา “น้ำชาเย็นแล้ว กระหม่อมจะไปต้มชาร้อนมาอีกสักหนึ่งกาพ่ะย่ะค่ะ”

จวงไทเฮาเหลือบตามองเซียวลิ่วหลัง “หึ”

ฉินกงกงยิ้มพลางถอยออกไป ทั้งยังพานางกำนัลที่เหลือออกไปด้วย