บทที่ 517 สว่างไสว
บทที่ 517 สว่างไสว
ขณะที่พวกเขากำลังวุ่นวายอยู่กับฉู่ตง หลิวฮุ่ยก็เดินขึ้นไปทำการทดสอบพรสวรรค์ของตัวเองบ้าง ! ท่ามกลางสายตาของทุกคนนั้น พวกเขาก็ได้เห็นเสาค้ำฟ้าที่เปล่งแสงออกมา ! และเมื่อลำแสงสิ้นสุดลง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจดังเฮือก
ไม่ใช่อะไรอื่น เพราะหลิวฮุ่ยก็มีพรสวรรค์ขั้น 8 เหมือนกัน พอเห็นฉากนี้หัวหน้าบ้านต่างก็วิ่งกันเข้ามา ! อย่างไรก็ตามที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ หลิงฮุ่ยก็พูดแบบเดียวกันกับที่ฉู่ตงพูดก่อนหน้านี้ไม่มีผิด !
ถึงตอนนี้หัวหน้าบ้านต่างก็เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว ! พวกผู้อาวุโสเองก็ตาสว่างเช่นเดียวกัน ! อย่างคำที่ว่ามังกรหามังกร เสือหาเสือ* ผู้มีพรสวรรค์ทั้ง 2 คนต่างก็เป็นเพื่อนกับคนคนนั้น ! ดังนั้นตอนนี้ทุกคนเริ่มจะลุ้นว่า ฉู่เหินจะมีพรสวรรค์แบบไหนกัน!
*หมายถึง คบเพื่อนที่มีอะไรคล้ายกับตัวเอง
โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคคนนี้ เขารู้สึกราวกับได้พบเจอกับฉากสำคัญ ๆ ฉากหนึ่งเขาแล้ว ในใจของเขามีเสียงหนึ่งกระซิบบอก ไม่ว่ายังไงก็ต้องรักษาชีวิตของฉู่เหินให้ได้ ! ไม่ต้องกล่าวถึงพรสวรรค์ของฉู่เหินเลย แต่ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไง เพียงแค่อาศัยเพื่อนของเขา 2 คนก็คุ้มที่จะเสี่ยงแล้ว !
ขณะที่ทุกคนความคิดตีกันเป็นพันเรื่องอยู่นั้น ฉู่เหินก้าวขึ้นมาช้า ๆ ! ตอนนี้เขาไม่ได้คิดเรื่องอะไรนอกจากบททดสอบอีกแล้ว ! และก็ไม่ต้องให้คนอื่นแนะนำอีกต่อไป เพราะพวกเขาต่างก็รู้จักฉู่เหินกันหมดแล้ว !
“นายก็คือฉู่เหินสินะ” หัวหน้าพรรควายุอัสนีที่มายืนข้าง ๆ เขาเปิดปากพูดขึ้น และเมื่อพูดจบ ทุกคนก็หันหน้าไปมองฉู่เหิน ราวกับรอการยืนยัน !
ได้ยินดังนั้นฉู่เหินก็พยักหน้าอย่างจนใจ แสดงออกว่าตัวเองเนี่ยแหละคือฉู่เหิน ! เพียงแต่ว่าครั้งนี้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังโอ้อวดตัวเองนิด ๆ มันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไร !
พอเห็นฉู่เหินพยักหน้า ดวงตาทุกคู่ก็หันมามองที่เขากันหมด ! พวกเขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้นอกจากจะหล่อแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่พิเศษตรงไหน ! ซึ่งถ้าฉู่เหินรู้ว่าพวกเขาคิดว่าตัวเองหน้าตาหล่อเหลาล่ะก็ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง !
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปข้างหน้าช้า ๆ ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงพลังของตัวเองที่ถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งพลังพิเศษบางอย่างในร่างกายของเขาถูกดูดเข้าไปแล้วเช่นกัน !
ซึ่งเมื่อชายหนุ่มสังเกตดี ๆ เขาก็พบว่าพลังที่ถูกดูดออกไปก็คือพลังธาตุของตัวเอง และสสารพิเศษบางอย่าง ซึ่งสสารพวกนี้นั้นเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเข้าไปอยู่ในตัวเขาได้ยังไง !
ฉู่เหินคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นสสารที่คนพวกนี้เรียกว่าพรสวรรค์ก็เป็นได้ ทว่าเขาจะมีพรสวรรค์อะไรนั้น กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลย ! อย่างไรก็ตามฉู่เหินก็รู้สึกราวกับหัวใจกำลังดิ่งลงเหว่ เพราะเขาพบว่าหลังจากศิลาหินดูดพลังพิเศษนี้ไป มันก็ไม่เกิดปฏิกิริยาอะไรขึ้นเลย !
ไม่เพียงฉู่เหินที่รู้สึกแบบนี้ กระทั่งพวกผู้อาวุโสก็รู้สึกแบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ! ตอนนี้ในใจพวกเขารู้สึกผิดหวังมาก เวลาที่ใช้ทดสอบกับศิลาหินผ่านมานานขนาดนี้แล้ว กลับไม่มีแสงสว่างอะไรเลย นั่นก็หมายความว่าคน ๆ นี้ไม่มีพรสวรรค์ที่จะฝึกฝนน่ะสิ !
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่แววตาของหัวหน้าพรรควายุอัสนีเองก็ยังเต็มไปด้วยความผิดหวัง ! เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่อาจจะเป็นไม้ตายจะไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ ! แต่ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ จูเก๋อโยวหมิงที่หลับตาอยู่แต่เดิมนั้นกลับลืมตาขึ้นมาแล้ว !
จูเก๋อโยวหมิงลืมตาขึ้นมามองเสาค้ำฟ้าอย่างวิเคราะห์ ! เพราะจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากเสาค้ำฟ้า ! พลังงานนี้มันเหมือนกำลังก่อตัวขึ้น ราวกับสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา ! เพราะแบบนี้เขาถึงมองมันด้วยความรู้สึกผิดปกติ
เมื่อเห็นฉากนี้ฉู่เหินก็เตรียมจะถอนใจแล้ว ขณะที่กำลังปล่อยมือจากศิลาหิน ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อดึงมือทั้งสองขึ้นมากลับไม่ขยับเลยสักนิด ! ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกถึงพลังที่ถูกดูดออกไปอีกครั้งและมากกว่าเดิม ! ฉู่เหินแปลกใจ ไม่คิดว่าการทดสอบจะยังสามารถดำเนินต่อไปได้อีก !
และก็เป็นตอนนี้เองที่เริ่มเห็นแสงสว่างจากเสาค้ำฟ้า ซึ่งเจ้าแสงสว่างที่ว่านี่ก็ไม่เหมือนกับผู้เข้าทดสอบคนอื่น ๆ ! เพราะของคนอื่นเพียงแค่เปล่งแสงสลัว ๆ เท่านั้น แต่แสงของฉู่เหินกลับสว่างไสวมาก !
ทั่วทั้งท้องฟ้าตอนนี้มีเพียงแสงสว่างนี่ที่จ้าไปหมด ! แสงอื่นไม่อาจมาบดบังได้เลย ! สถานการณ์นี้ทำให้ทุกคนมองด้วยสายตาคาดหวังนิด ๆ
เพียงพริบตาเดียวเสาค้ำฟ้าก็เปล่งแสงถึงขั้น 9 ไปแล้ว ! เมื่อเห็นแบบนั้นพวกเขาก็แทนที่จะลืมหายวิธีหายใจ ก่อนที่จะอดสงสัยไม่ได้ !
ตอนนี้ไม่ว่าจะโง่ยังไงก็สามารถรู้ได้เลยว่าฉู่เหินนั้นมีพรสวรรค์มากแค่ไหน เพราะแค่เริ่มก็พุ่งสูงขึ้นไปถึงขั้น 9 แล้ว !
ต้องเข้าใจว่าพรรควายุอัสนีของพวกเขา พรสวรรค์ที่สูงที่สุดก็คือขั้น 9 ! แต่ฉู่เหินเพิ่งเริ่มต้นทดสอบก็อยู่ขั้น 9 แล้ว เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของคนคนนี้สูงเทียมฟ้าแค่ไหน !
การที่เสาค้ำฟ้าเปล่งแสงสว่าง 9 ขั้นก็หมายความว่ามีพรสวรรค์ขั้น 9 ! แต่ถ้าแสงนี้เปลี่ยนเป็นสีม่วง มันก็จะกลายเป็นเทพโลหิตแล้ว เพียงแต่พรสวรรค์แบบนี้นั้น มันไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน !
ซึ่งพรสวรรค์นี้นั้นก็ปรากฏแค่ในนิทานเรื่องเล่าเท่านั้น ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น แต่ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนชิงก็ไม่เคยเห็น ! สำหรับที่ขั้นเหนือกว่าเทพโลหิตนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เสาค้ำฟ้าจะสามารถทำการทดสอบได้แล้ว ! ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ พวกเขาก็พบว่าเสาค้ำฟ้าได้เปล่งแสงออกมาไม่มีท่าทีจะหยุด
เพียงชั่วพริบตาเดียว เสาค้ำฟ้าที่เปล่งแสงออกมา 9 ขั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นสีม่วง เมื่อเป็นเช่นนั้น เหล่ายอดฝีมือทุกคนต่างก็พากันสูดหายใจเข้าดังเฮือก ! และก็เป็นหัวหน้าพรรควายุอัสนีที่สายตาแสดงออกถึงความดีใจ !
หลายปีมาแล้ว ที่พรรคของพวกเขาไม่ได้ปรากฏเด็กอัจฉริยะเลยสักคน แต่มาตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าอนาคตอันรุ่งโรจน์ของพรรคน่าจะอยู่ไม่ไกลมือ ! เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ใครก็ตามที่พูดว่าจะทำร้ายฉู่เหิน หัวหน้าพรรควายุอัสนีคนนี้นี่แหละที่จะไปเอาชีวิตมันแทน !
แต่แม้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีม่วงแล้ว ทว่ามันก็เหมือนจะยังไม่จบ เพราะแสงสีม่วงนั้นได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จนเหนือกว่าเสาค้ำฟ้าไปอีกเท่าตัว ก่อนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง !
จากเดิมที่มันเป็นแสงสีม่วง มาตอนนี้ก็ได้ถูกแสงสีทองห่อหุ้มไว้ภายในเวลาสั้น ๆ ! เมื่อเห็นฉากนี้หัวหน้าพรรคก็หายใจแรง “เทพโลหิต เทพโลหิต!” เขาอดที่จะตะโกนก้องในใจไม่ได้ ! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาพรรควายุอัสนีจะปรากฏอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะแบบนี้ได้ !
แต่หลังจากที่แสงสว่างปรากฏขึ้น เสาค้ำฟ้าก็เกิดรอยร้าว! ฉากนี้ทำให้หัวหน้าพรรคตกตะลึง ! ดูแล้วเสาค้ำฟ้าคงไม่สามารถบอกความสามารถของอีกฝ่ายได้หมด เนื่องจากดูก็รู้แล้วว่าพรสวรรค์ของชายหนุ่มนั้นมากกว่าเทพโลหิตขึ้นไปอีก !
สายตาของหัวหน้าพรรคจ้องมองเสาค้ำฟ้าที่กำลังจะระเบิดไม่วางตา เพราะถ้าเสาค้ำฟ้าระเบิดล่ะก็ อาศัยพลังวรยุทธของฉู่เหิน เขาต้องตายแน่อย่างไม่ต้องสงสัยถ้าโดนเข้าไป ! พอคิดถึงจุดนี้ได้ หัวหน้าพรรคก็หายตัว เตรียมจะเข้าไปช่วยฉู่เหินออกมา เขาไม่ยอมให้เด็กอัจฉริยะคนนี้ถูกฆ่าที่นี่แน่ !
แม้ว่าหัวหน้าพรรควายุอัสนีจะเคลื่อนที่เร็วมากแล้ว แต่ก็มีเงาสายหนึ่งที่เร็วกว่าเขา ซึ่งคนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือจูเก๋อโยวหมิง !
จูเก๋อโยวหมิงนั้นสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลได้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้ อีกทั้งพอเห็นว่าอีกฝ่ายถึงขั้นเทพโลหิตแล้วก็ยังไม่ถึงจุดสูงสุด จูเก๋อโยวหมิงก็คาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น !