ภรรยา……
สายตานิรุตติ์ตะลึง จากนั้นส่ายหน้า“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นคุณใกล้ชิดกันขนาดนั้น คิดว่าเป็นภรรยาเสียอีก”หญิงวัยกลางคนพูดอย่างเขินอาย
นิรุตติ์มองใบหน้าเล็กๆที่ขาวซีดของวารุณี แววตานั้นมีความอ่อนโยน“พี่สาว รบกวนพี่ดูแลเธอด้วย ผมต้องออกไปก่อน ไม่อาจอยู่กับเธอได้ เดี๋ยวเธอจะมีคนมารับเธอ”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”หญิงวัยกลางคนพยักหน้า
สองคนนี้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย เธอต้องดูแลเธออย่างดี
“งั้นพี่สาว พี่เรียกคนไปส่งผมที่เมืองก่อนเถอะ พอถึงเมืองแล้ว ผมจะโอนเงินให้พวกคุณ”นิรุตติ์พูด
หญิงวัยกลางคนตอบรับไปมา จากนั้นจึงเรียกคนมา
ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าถัดมา นิรุตติ์ไปถึงเมือง พอโอนเงินให้สามีของหญิงวัยกลางคนแล้ว ก็แล้วซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ โทรเบอร์หนึ่งออกไป
แป๊บเดียวก็รับสาย“ใครครับ?”
“มารุต ผมเอง”นิรุตติ์ละสายตาลงตอบไป
เขารู้ว่าโทรศัพท์ของนัทธี ตั้งค่าให้เบอร์แปลกโทรติดต่อไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่โทรหามารุต
ดีที่มารุตกดรับ
มารุตได้ยินเสียงของนิรุตติ์ ก็ตะลึงงัน“ผู้อำนวยการนิรุตติ์!”
นัทธีที่เดินอยู่หน้าสุดได้ยินสามคำนี้ หยุดฝีเท้าลงทันที หันกลับเดินเข้าไป แย่งโทรศัพท์ไป“วารุณีอยู่ไหน?”
“แกนี่เป็นห่วงเธอจริงๆนะ”นิรุตติ์คืนกลับสู่สภาพเจ้าเล่ห์เหมือนอย่างปกติ หัวเราะออกมา“ทำไมแกต้องถามด้วยว่าเธออยู่ไหน ทำไมแกไม่คิดล่ะว่า เธอตายแล้ว”
“เธอยังไม่ตาย!”นัทธีกำโทรศัพท์แน่น พูดเสียงเย็นชา:“ฉันหาถ้ำที่พวกแกเคยเข้าไปเจอ ก็มองเห็นรอยเท้าที่พวกแกออกไป เธอยังมีชีวิตอยู่”
ความตกใจแวบผ่านสายตานิรุตติ์
คิดไม่ถึงว่านัทธีจะหาสถานที่ที่เขากับวารุณีอยู่ได้ไวขนาดนี้
ดีที่เขาแยกกับวารุณีไปก่อน ไม่งั้นตอนนี้เขาจะต้องถูกจับแน่
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”นิรุตติ์หัวเราะอีกครั้ง“แกพูดถูก เธอไม่ตายจริงๆ”
“เธออยู่ที่ไหน?!”นัทธีถามไปอีกรอบ
นิรุตติ์หัวเราะเหอะๆ“แกวางใจเถอะ เธอดีมาก เธออยู่ในบ้านชาวนาหลังหนึ่ง เดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ไปให้แก โอเค ฉันวางสายก่อนนะ”
พูดจบ นิรุตติ์ก็ให้บอดี้การ์ดที่จ้างใหม่หยิบโทรศัพท์ออกไปจากหูตัวเอง จากนั้นสายก็หลุดไป แล้วจึงให้บอดี้การ์ดส่งที่อยู่ของวารุณีไป
ทำพวกนี้เสร็จ นิรุตติ์ก็นั่งรถเข็น ให้บอดี้การ์ดเข็นไปที่สถานีรถ
ส่วนอีกด้าน นัทธีมองที่อยู่บนโทรศัพท์ สายตานั้นหม่นลง
มารุตยืนอยู่ข้างเขา“ประธาน นิรุตติ์คงไม่โทรมาเฉพาะ เพื่อบอกที่อยู่ของคุณผู้หญิงให้คุณหรอกนะ?”
นัทธีพยักหน้า
มารุตดันแว่นอย่างตะลึง“นี่ไม่เหมาะสมกับสไตล์เขาเลย เขาลักพาตัวคุณผู้หญิงไป แล้วยังจี้คุณผู้หญิงกระโดดหน้าผา ตอนนี้กลับส่งตำแหน่งของคุณผู้หญิงมาให้คุณ คงไม่ได้วางกับดักใช่ไหม?”
“ไม่ว่าจะกับดักหรือไม่ ผมจะไปดู”นัทธีเอาโทรศัพท์คืนเขา
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะช่วยวารุณีออกมา
มารุตรู้ว่าตัวเองโน้มน้าวนัทธีไม่ได้ และก็ไม่คิดจะโน้มน้าว จึงได้แต่ให้คนของทีมค้นหาและช่วยเหลือเตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวจะคว้าโอกาสจับกุมนิรุตติ์แล้วช่วยเหลือวารุณี
กลุ่มคนรีบไปสถานที่ที่นิรุตติ์บอก
แป๊บเดียว ก็มาถึงที่นั่น
หญิงวัยกลางคนมองเห็นกลุ่มคน ก็กลัวเล็กน้อย แต่ก็ยังเข้าไปถามอย่างกล้าหาญว่า“พวกคุณคือคนที่มาหาคุณวารุณีเหรอ?”
“คุณผู้หญิงอยู่นี่จริงเหรอ?”มารุตตกใจ
นัทธีกำฝ่ามือขึ้นมา“เธอล่ะครับ?”
“อยู่ในห้อง”หญิงวัยกลางคนชี้ไปในห้อง
นัทธีไม่สนใจว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ ก็เดินไปในห้องโดยตรง
มารุตเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา รีบตามไป
เข้ามาในห้อง นัทธีก็เห็นวารุณีนอนอยู่ในโซฟาเก่าๆตัวหนึ่ง ที่ตัวห่มผ้าบางๆไว้ กำลังหลับตาไม่ได้สติ
นัทธีก้าวเท้ายาว มาตรงหน้าโซฟา แล้วอุ้มหญิงสาวที่โซฟาขึ้นมาทันที เอาหน้าแนบไปที่หน้าอกของเธอ ได้ยินเสียงหัวใจที่มาจากช่วงอกเธอแล้ว ร่างที่เกร็งของเขาก็คลายลง
จากนั้นเอาหน้าซุกลงไปที่คอของเธอ โอบร่างของเธอมาไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ
ตัวของวารุณีพิงไปในอ้อมแขนของเขา ไม่ขยับ แต่ตัวของนัทธี กลับสั่นเล็กน้อย
มารุตรู้สึกถึงความกลัวจากตัวเขา ในใจนั้นตกใจ
ทันใดนั้นประธานก็กลัวว่าคุณผู้หญิงอยู่ตรงหน้าเขาจริงไหม
จะเห็นว่าความรักนี้ ลึกซึ้งแค่ไหน!
“คุณผู้หญิงเป็นไงบ้าง?”มารุตไม่รบกวนการพบกันอีกครั้งของนัทธีกับวารุณี หันกลับไปถามหญิงวัยกลางคนที่ตามเข้ามา
หญิงวัยกลางคนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“วางใจเถอะ เธอไม่เป็นไร ฉันเรียกหมอมาตรวจเธอแล้ว เธอหกล้มและฟกช้ำเล็กน้อย อย่างอื่นไม่มีปัญหา”
“ทำไมคุณผู้หญิงถึงหมดสติไป?”
“เธอหมดแรงด้วยความหิว หมอฉีดยาบำรุงให้เธอแล้ว พอฟื้นมาก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง งั้นก็ดี”มารุตโล่งอก
นัทธีจูบหน้าผากของวารุณี วางเธอกลับไปบนโซฟาเบาๆ ยืนขึ้นมา มองหญิงวัยกลางคนด้วยสายตาคมกริบ“นิรุตติ์ล่ะ?”
“อ๋า?”หญิงวัยกลางคนงงเล็กน้อย
มารุตอธิบายด้วยรอยยิ้ม“ก็ผู้ชายคนนั้นที่มาส่งคุณผู้หญิงน่ะครับ”
“อ้อ คุณหมายถึงเขาเหรอ”หญิงวัยกลางคนตบศีรษะ“เขาไม่ได้มาส่งคุณวารุณี แต่คุณวารุณีเป็นคนส่งเขามา มือและเท้าของเขาหัก เจ็บหนัก คุณวารุณีเป็นคนมาส่งเขา แล้วจึงหมดแรงหมดสติไป”
“นิ รุตติ์!”นัทธีกัดฟันพูดชื่อนี้ออกมา ในแววตานั้นมีความอาฆาตรุนแรง
หญิงวัยกลางคนตกใจกลัวเขา จนตัวสั่น
คุณผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไมท่าทางนั้นดูน่ากลัวแบบนี้?
“งั้นเขาตอนนี้ล่ะ?”มารุตถามไปอีกครั้ง
หญิงวัยกลางคนตอบไปอย่ามีสติ“เขาไปแล้ว เขาให้ครอบครัวพวกเรามาสามแสน ให้พวกเราดูแลคุณวารุณี แล้วไปส่งเขาในเมือง”
“ประธาน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องมาหา เลยหนีไปก่อน”มารุตมองไปที่นัทธี
นัทธีเยือกเย็นไปหมดทั้งตัว“เขาหนีไม่ได้หรอก ผมจะจับเขามาให้ได้”
แค้นนี้ เขาไม่ปล่อยนิรุตติ์ไปแน่
มารุตมองวารุณีแวบหนึ่ง ก็ถอนหายใจ“แต่ที่ทำให้ผมตกใจคือ จู่ๆเขาก็ปล่อยคุณผู้หญิงไป และยังให้คนดูแลคุณผู้หญิงดีๆอีก เขาคิดอะไรกันแน่?”
และพี่สาวเมื่อกี๊ก็บอกว่า มือและเท้าของนิรุตติ์หัก แต่คุณผู้หญิงยังอยู่ดี
สำหรับตรงนี้แล้ว เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
ถึงแม้ในใจจะสงสัยพวกนี้ แต่มารุตกลับไม่พูดออกมา
ยังไงตอนนี้เขาก็หนีไปแล้ว พูดออกมาแล้วก็ไม่มีความหมาย ไม่แน่ว่ารอคุณผู้หญิงฟื้นมาแล้ว จะรู้ทุกอย่างก็ได้
“ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไร เขาตายแน่”นัทธีพูดอย่างเย็นชา
จากนั้น เขาก็ส่ายหัวที่มึนเล็กน้อย“คุณเรียกเฮลิคอปเตอร์มาเดี๋ยวนี้ กลับจังหวัดจันทร์”
“เข้าใจแล้วครับ”มารุตพยักหน้า แล้วออกไปโทรศัพท์ทันที
ประมาณหนึ่งชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์ก็มาถึง
นัทธีอุ้มวารุณีขึ้นเครื่องบิน กลับจังหวัดจันทร์
ป้าส้มได้รับการเตือนของมารุตแล้ว แจ้งว่าช่วยวารุณีกลับมาได้แล้ว ก็พาเด็กทั้งสองคนมารอที่หน้าคฤหาสน์อย่างดีใจ
มองเห็นเครื่องบินลงจอดที่ประตู เด็กทั้งสองคนก็ปล่อยมือของป้าส้ม วิ่งไปตรงหน้าเฮลิคอปเตอร์“หม่ามี๊!”
นัทธีอุ้มวารุณีลงมา เด็กทั้งสองคนไม่ได้ถลาเข้าไปอย่างเป็นเด็กดี แต่ยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน เขย่งปลายเท้ามองไป อยากดูวารุณี“พ่อ หม่ามี๊เป็นไงบ้าง?”
เด็กสองคนถามอย่างรีบร้อน