บทที่ 347 ข้าไม่เข้าวังหรอก

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 347 ข้าไม่เข้าวังหรอก

“ยังไม่เคยมีผู้หญิงคุมการสอบจริงๆ แต่เจ้ามีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง แต่งโคลงกลอนบทร้องเขียนอักษรล้วนยอดเยี่ยมมาก ถึงขึ้นเหนือกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ดังนั้นฝ่าบาทถึงได้มีข้อเสนอนี้” จวินหย่วนโยวอธิบาย

หยุนถิงได้ยินซื่อจื่อแสดงความคิดเกี่ยวกับตนเองเช่นนี้ จู่ๆก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมาเล็กน้อย บทกวีเหล่านั้นก็เป็นเพียงบทกวีถังบทกวีซ่ง หากจะพูดถึงความยิ่งใหญ่นั่นก็เป็นความยิ่งใหญ่ของคนโบราณ

“ซื่อจื่อ เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าควรจะรับปากไหม?” หยุนถิงถาม

“ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าว่าต้องการหรือไม่ก็พอ ไม่ว่าเจ้าตัดสินใจจะทำอะไร ข้าล้วนสนับสนุนทั้งนั้น” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ

นางชอบก็ไปทำ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผู้หญิงของเขาไม่จำเป็นต้องพิจารณามากมายขนาดนั้น มีความสุขก็พอ

“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ลองดูแล้วกัน ข้ายังไม่เคยเห็นสนามสอบของยุคโบราณมาก่อนเลย” หยุนถิงกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ได้”

“แล้วข้าต้องเตรียมอะไรบ้าง?”

“ไม่ต้อง ถึงเวลาเจ้าคอยดูเอาไว้ก็พอ สนามสอบมีมากมาย ผู้คุมสอบก็ไม่ได้มีแค่เจ้าคนเดียว สนามสอบหนึ่งแห่งก็มีผู้คุมสอบสามคนแล้ว เจ้าก็คอยดูไม่ให้ทุกคนโกงการสอบก็พอ” จวินหย่วนโยวอธิบาย

“ข้าเข้าใจแล้ว”

“ซื่อจื่อ ฮูหยิน ข้าเก่งกาจมากจริงๆ!” หน้าประตู รั่วจิ่งเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น

หยุนถิงหันหน้ามองไปทางเขา“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ฮูหยินท่านคือผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงของข้าจริงๆ ไทเก็กที่ท่านสอนข้ายอดเยี่ยมมากจริงๆ ดูเหมือนอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง เมื่อครู่นี้ข้าถึงกับสู้จนหลงซื่อถอยไปตั้งหลายก้าว ทำไมข้าถึงได้เก่งกาจขนาดนี้เนี่ย” รั่วจิ่งอดที่จะกล่าวอย่างได้ใจไม่ได้

หลงซื่อที่อยู่หน้าประตูเต็มไปด้วยความหดหู่และคับข้องใจ“นั่นเพราะข้าประมาทเกินไปต่างหาก”

“ถ้าอย่างไรมาสู้กันอีกครั้งดีไหม เราจะได้พิสูจน์กันต่อหน้าฮูหยินด้วย” รั่วจิ่งเสนอแนะ

“ก็เอาสิ” หลงซื่อจู่โจ่มเข้ามาทันที

รั่วจิ่งดูเหมือนจะหลบออกไปอย่างตามใจชอบ สกัดกั้นหมัดของหลงซื่อเอาไว้ คลายแรงกำลังในการจู่โจมของเขา จากนั้นก็ตบเข้าไปหนึ่งฝ่ามือ

ครั้งนี้ หลงซื่อถอยหลังไปหลายก้าว แถมยังชนเข้ากับโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“นี่มันเป็นไม่ได้ เส้นเอ็นของเจ้าขาดหมดแล้วแท้ๆ ถึงแม้จะฝึกไท่เก๊กก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเก่งกาจเช่นนี้นี่นา?” หลงซื่อรู้สึกงุนงง

“นั่นเป็นเพราะสำหรับรั่วจิ่งแล้ว ไท่เก๊กคือโอกาสเดียวที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ มีแต่ตัดสินใจสู้ตายเพื่อให้ได้รับชัยชนะเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลังที่มี แต่เจ้ามีวรยุทธมีกำลังภายใน ถึงแม้จะฝึกไท่เก๊กก็เพียงแค่ฆ่าเวลา หรือไม่ก็เห็นทุกคนฝึกถึงได้ฝึกเท่านั้น จิตใจแห่งการฝึกแตกต่างกัน ผลลัพธ์ของการฝึกย่อมแตกต่างกันไปอยู่แล้ว” หยุนถิงอธิบายอย่างราบเรียบ

หลงซื่อเต็มไปด้วยความละอายใจ“ฮูหยินสั่งสอนถูกต้องแล้ว ต่อไปข้าก็จะทำเหมือนกับรั่วจิ่ง” กล่าวจบ ก็ไปฝึกไท่เก๊กในลานโดยตรง

รั่วจิ่งซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง“ฮูหยินขอบคุณท่านมาก”

“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ซื่อจื่อกับข้าต้องการเจ้า ดังนั้นจงฝึกฝนให้ดี” หยุนถิงปลอบประโลม

“ขอรับ”

รั่วจิ่งออกไปแล้ว จวินหย่วนโยวก็ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งเช่นกัน“หยุนถิง ขอบคุณที่เจ้าสอนไท่เก๊กให้รั่วจิ่ง หากเขาหมดอาลัยตายอยากไปตลอด ข้าคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต”

“ซื่อจื่อ ระหว่างท่านกับข้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ นี่คือสิ่งที่ท่านพูดนะ”

“ตกลง”

ในนาทีนี้ จวินหย่วนโยวรู้สึกขอบคุณหยุนถิงอย่างยิ่ง นางช่างเป็นดาวนำโชคของตัวเองจริงๆ

……………

ทางนี้ พ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้นเปลี่ยนตัวตนและรูปลักษณ์อย่างต่อเนื่องตลอดทาง มุ่งหน้าไปยังแคว้นเป่ยลี่ พ่อลูกสองคนสลับกันเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน ด้วยความกลัวว่าคนของแคว้นต้าเยียนจะไล่ตามทัน ดังนั้นเวลาภายในเจ็ดแปดวันก็เดินทางไปถึงแคว้นเป่ยลี่แล้ว

ฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่กำลังเล่นซ่อนแอบกับบรรดาสนมในอุทยาน“สนมรักทั้งหลาย พวกเจ้าต้องซ่อนตัวให้ดีนะ หากถูกข้าจับตัวได้ข้าจะให้รางวัลนางด้วยความจูจุ๊บ”

“ฝ่าบาทรีบมาสิ รีบมาเร็วๆ—–” บรรดาสนมวิ่งไปรอบๆทันที

ไม่ไกลออกไป องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามา“ฝ่าบาท ซ่างกวนเจิ้นแห่งแคว้นต้าเยียนและลูกสาวของเขาขอเข้าเฝ้า”

ฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่ถอดแถบผ้าลงมาจากใบหน้า“ตอนนี้เขาเป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของแล้ว มาหาข้าทำไม?”

สายลับของแคว้นเป่ยลี่ที่อยู่ในแคว้นต้าเยียนส่งข่าวกลับมานานแล้ว เขาไม่มีประโยชน์อะไรที่จะใช้ได้แล้ว ฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่ไม่ได้อยากจะพบเขา

“ทูลฝ่าบาท ซ่างกวนเฉิงเซี่ยงกล่าวเพียงว่าหวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลืมเรื่องที่โอบล้อมโจมตีแคว้นต้าเยียนเมื่อสามปีก่อน เห็นแก่มิตรภาพที่เคยมี พบกับเขาสักครั้ง!” องครักษ์กล่าวด้วยความเคารพนบนอบ

ฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธจัด โกรธจนสีหน้าดำมืดไปหมด“ซ่างกวนเจิ้นที่สมควรตายนี่ถึงกับกล้าข่มขู่ข้า น่าชิงชังนัก”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินมาว่าคุณหนูซ่างกวนเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน พรสวรรค์อันน่าทึ่ง มีคนไม่น้อยที่ชื่นชมในรูปลักษณ์ของนาง” นางสนมคนหนึ่งถือโอกาสกล่าวขึ้นมา

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาทั้งคู่ของฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่เป็นประกายขึ้นมาทันที“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้พวกเขาพ่อลูกไปพบข้าที่ตำหนักด้านข้างแล้วกัน!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ไปดำเนินการทันที

“พวกเจ้าเล่นกันเองเถอะ ข้ายังมีธุระที่ต้องไปจัดการ!” ฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่ตรัสจบ ก็หันหน้าจากไปเลย

ใบหน้าของนางสนมคนอื่นๆเต็มไปด้วยความไม่พอใจทันที จ้องมองไปทางซินผินด้วยความโกรธ“เจ้าเป็นหมูงั้นหรือ ถึงกับหาสาวงามให้ฝ่าบาท คือปรารถนาให้ตัวเองไม่เป็นที่ชื่นชอบเร็วหน่อยหรือ?”

ซินผินไม่รีบร้อน“ถึงแม้ข้าจะไม่พูด หากฝ่าบาททรงเห็นซ่างกวนหรู ก็มีความคิดเช่นกัน หากกังวลว่าตัวเองจะไม่เป็นที่ชื่นชอบ เช่นนั้นก็หาวิธีให้ได้รับความโปรดปรานสิ” กล่าวจบ ก็หันหลังจากไป

“ก็ไม่รู้ว่านางภูมิใจอะไรนักหนา หากซ่างกวนหรูเข้าวังจริงๆ ข้าว่าคนที่โชคร้ายเป็นคนแรกก็คือนางนี่แหละ” นางสนมคนอื่นๆกล่าวด้วยความโกรธเคืองและเสียดสีเย้ยหยัน

ทางด้านนี้ พ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้นถูกพาไปที่ตำหนักด้านข้าง ทันทีที่เห็นฝ่าบาทแห่งแคว้นเป่ยลี่ ก็ทำความเคารพด้วยความเคารพนบนอบทันที

“คำนับฝ่าบาท ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ยินดีพบข้า!” ซ่างกวนเจิ้นทำความเคารพด้วยความเคารพนบนอบ

“คำนับฝ่าบาท” ซ่างกวนหรูก็ทำความเคารพตามเช่นกัน

“ลุกขึ้นเถอะ ซ่างกวนเฉิงเซี่ยงอย่าพูดเช่นนั้นเลย ตอนนั้นเจ้าร่วมต่อสู้กับข้าในตอนนั้น มิตรภาพนี้ข้าจดจำเอาไว้ในใจตลอด เกรงใจแล้ว” ฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่ตรัสอย่างราบเรียบ ดวงตากลับเหลือบมองไปทางซ่างกวนหรูที่อยู่ด้านข้าง

หน้าตางดงาม โครงหน้าประณีตโดดเด่น ผิวขาวราวกับไข่ที่ปอกเปลือกออก ผิวเนียนนุ่มน่าทะนุถนอม สวมชุดกระโปรงปลายแขนยาวสีแดงกุหลาบขับเน้นรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งอรชรอ้อนแอ้นของนาง ลักษณะบุคลิกของคนทั้งคนดูสูงส่งสง่างาม หลุดพ้นจากเรื่องทางโลก

สมกับที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าเยียน ไม่เลวจริงๆ ดีกว่าพวกสนมอายุมากในวังหลังของเขามากนัก

ซ่างกวนหรูรู้สึกได้ถึงความเร่าร้อน เปลือยเปล่าในสายตาของฮ่องเต้ รู้สึกอึดอัดอย่างมาก รีบก้มหน้าลงทันที ถอยไปอยู่ด้านหลังของท่านพ่อโดยสัญชาตญาณ

ซ่างกวนเจิ้นเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขารู้ดีว่าสายตาของฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่สื่อถึงอะไร

“ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก บัดนี้ข้าลงเอยในสภาพเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถดูแลฝ่าบาทอยู่แล้ว หากฝ่าบาทไม่รังเกียจ ก็ให้ลูกสาวของข้าเข้าวังมาปรนนิบัติ กระหม่อมจะขอบคุณอย่างมาก!” ซ่างกวนเจิ้นเสนอแนะ

คนทั้งคนของซ่างกวนหรูตะลึงงันไป นางคิดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อจะยกนางให้กับฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยลี่

สี่แคว้นต่างก็รู้กันดีว่าฮ่องเต้แคว้นเป่ยลี่เจ้าชู้ฝักใฝ่ในกาม ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์อายุสี่สิบกว่าแล้ว อายุไล่เลี่ยกับท่านพ่อ อ้วนอย่างกับหมู เต็มไปด้วยไขมัน สายตาจ้องมองดูนางอย่างกรุ้มกริ่มเจ้าชู้ ไม่มีปิดบังหรือซ่อนเร้นเลยแม้แต่น้อย

ฮ่องเต้ที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ ให้ตายอย่างไรซ่างกวนหรูก็ไม่อยากติดตาม

“ท่านพ่อ ข้าจะไม่เข้าวังหรอกนะ!”