จากนั้น ขนตาของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนก็สั่น จากนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นมา
มองเพดานที่คุ้นเคย โคมไฟระย้าที่คุ้นตา วารุณีก็ได้สติคืนมาทันที
เธอกลับมาแล้ว?
“ตื่นแล้วเหรอ?”ตอนที่วารุณีกำลังตกใจว่าตัวเองกลับมาได้อย่างไร ทันใดนั้นข้างหูก็มีเสียงของชายหนุ่มขึ้นมา
วารุณีหันหน้าไปทันที จากนั้นหน้าผากก็ชนคางของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเจ็บจนร้องออกมา
วารุณีรีบถามไปว่า:“นัทธี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
นัทธีกัดปลายลิ้น“ไม่เป็นไร”
แต่กัดโดนลิ้นไปทีหนึ่ง
วารุณีก็ยังไม่ค่อยวางใจ เอามือที่เขาวางไว้ที่ปากออกไป มองดูอย่างละเอียด แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ จึงโล่งอก
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันคิดไม่ถึงว่าคุณจะอยู่หลังฉัน”วารุณีพูดอย่างรู้สึกผิด
นัทธีลูบหน้าผากของเธอ“ไม่เป็นไร คุณล่ะ เจ็บหน้าผากไหม?”
“ไม่เจ็บ”วารุณีส่ายหน้าตอบไป
หน้าผากของเธอ แข็งกว่าคางเยอะ
“ไม่เจ็บก็ดี”นัทธีเอามือออก จากนั้นลุกขึ้น เปิดไฟในห้อง
เมื่อกี๊คือไฟขนาดเล็ก แสงไฟนั้นมีจำกัด วารุณีมองสภาพของนัทธี ก็ยังมองไม่ชัดเจนเท่าไหร่
ตอนนี้เปิดไฟดวงใหญ่แล้ว เธอจึงมองเห็นสภาพเขาชัดเจน
รอยคล้ำใต้เปลือกตาของเขา ใต้คางมีตอของหนวดเคราออกมา รวมทั้งแผ่นปลาสเตอร์ที่ติดบนใบหน้า ล้วนทำให้เธอตกตะลึง
เธอไม่เคยเห็นสภาพเขาดูน่าอนาถขนาดนี้มาก่อน
“นัทธี นี่คุณ……”วารุณียื่นมือออกไป อยากสัมผัสคางของเขา
นัทธีมองเจตนาของเธอออก จึงไม่ได้หลบ ปล่อยให้มือของเธอสัมผัสมา
วารุณีลูบโดนหนวดเคราที่เป็นตอของเขา ก็แทงมือเล็กน้อย
และสัมผัสที่แทงมือนี้ ก็ทำให้เธอเข้าใจ เธอมองสภาพของเขา เธอไม่ได้ตาฝาด แต่เป็นเรื่องจริง
เพื่อหาเธอเจอ เพื่อช่วยเธอออกมา เขาจึงทำให้ตัวเองดูมีสภาพอนาถได้ขนาดนี้
เวลานั้น ในใจของวารุณีก็รู้สึกเกิดอารมณ์ปะปนกันไปและเสียใจด้วย เบ้าตาค่อยๆแดงออกมา
ตอนที่เธออยู่ที่ใต้เขาแล้วหาทางออกไม่ได้นั้นไม่ร้องไห้ แต่ตอนนี้ เธอร้องไห้แล้ว
“นัทธี……”วารุณีถลาเข้าใส่อ้อมแขนนัทธีทันที กอดเขาแน่น“ขอโทษนะ ทำให้คุณเป็นห่วงอีกแล้ว”
นัทธีคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะเข้ามากอด ตัวก็แข็งไปทันที จากนั้นก็กอดตอบไปอย่างรัดแน่น“ไม่เป็นไร แค่คุณไม่เป็นไรก็พอแล้ว”
ในขณะที่วารุณีประทับใจนั้น ก็รู้สึกผิดกับเขาด้วย
ถ้าไม่ใช่เธอที่ถูกลักพาตัวไปบ่อยๆแบบนี้
เขาก็ไม่สามารถช่วยเธอ และเสี่ยงไปด้วยได้ทุกครั้ง
คิดไป วารุณีก็ขอโทษไปมาอีกครั้ง
นัทธีเห็นเธอไม่ยอมหยุดลง ทันใดนั้นจึงจับเธอไว้ หลังจากจ้องริมฝีปากซีดขาวสักพัก จึงก้มหน้าลงจูบ เอาคำขอโทษต่อจากนี้ของเธอ กล้ำกลืนกลับไปทั้งหมด
วารุณีตะลึงไปก่อน จากนั้นก็จูบกลับไปอย่างใจกว้าง
นัทธีรู้สึกถึงแรงในตัวเธอ ก็เลยเพิ่งแรงของตัวเองไป ทั้งสองคนไม่ยอมแพ้ต่อกัน เหมือนต่างจะช่วงชิงการคุมเกม
แต่สุดท้าย แรงของวารุณีก็สู้นัทธีไม่ได้ ถูกนัทธีครอบครองอำนาจในการเป็นผู้กระทำไป
นัทธีค่อยๆกดเธอลงไปที่เตียง
เธอก็โอบคอของชายหนุ่ม
การต่อสู้นัดนี้ จึงเริ่มขึ้นเช่นนี้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นานจนวารุณีเกือบจะหมดสติไป ในที่สุดชายหนุ่มที่อยู่บนตัวก็ถอยออกไป ลุกขึ้นมา
วารุณีในตอนนี้ หมดเรี่ยวแรงแล้ว นอนเหนื่อยล้าที่เตียงไม่ขยับ แม้แต่ตาก็ไม่อยากลืม ได้แต่ฟังชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ ให้คนเตรียมอาหารให้
นัทธีโทรหาป้าส้มเสร็จ ก็หันหน้ามองไปที่หญิงสาวบนเตียง
หญิงสาวเอาหน้าถูไถกับหมอน เหมือนจะอยากนอน
นัทธีตบไหล่เธอเบาๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน:“วารุณี อย่าเพิ่งนอน เดี๋ยวกินข้าวก่อนแล้วค่อยนอน”
“ฉันหมดแรง ลุกไม่ขึ้นแล้ว”ศีรษะของวารุณีขยับ พูดด้วยเสียงแหบแห้ง
นัทธีได้ยินจนลูกกระเดือกนั้นเคลื่อนไปมา สายตานั้นหม่นลง
ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นว่าตอนนี้เธอหมดเรี่ยวแรงจริงๆ เขาจะต้องดึงเธอทำต่อแน่
“งั้นผมอุ้มคุณขึ้นมาเอง”นัทธีวางโทรศัพท์ลง ก้มเอวอุ้มวารุณีขึ้นมา เดินไปที่ห้องน้ำ
วารุณีปล่อยให้เขาอาบน้ำสวมเสื้อผ้าให้ตัวเอง กระบวนการต่างๆก็ไม่ได้ลืมตาเลย
จนกระทั่งได้กลิ่นหอมของอาหาร ในที่สุดเธอจึงลืมตามา
“คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็ฟื้นมาแล้ว”ป้าส้มเห็นวารุณีตื่น ก็ดีใจสุดๆ
วารุณีพยักหน้าให้เธอ“ป้าส้ม ฉันต้องทำให้ป้าเป็นห่วงเลย”
ประโยคสั้นๆ ทำให้ป้าส้มเบ้าตาแดงทันที แล้วก็รีบยกผ้ากันเปื้อนมาเช็ด“ไม่ค่ะๆ คุณผู้หญิงปลอดภัยก็พอแล้ว”
“ขอบคุณค่ะป้าส้ม”วารุณีตอบกลับยิ้มๆ
ป้าส้มส่ายมือ“ไม่ต้องขอบคุณ คุณผู้หญิงต้องหิวแน่ รีบทานเถอะค่ะ”
เธอยื่นตะเกียบแยกไปให้วารุณีกับนัทธี
วารุณีรับมา กำลังจะจัดการ
นัทธีก็เอาซุปมาให้เธอ“คุณไม่ได้กินอะไรนานแล้ว กินซุปให้ชินก่อนดีกว่า”
“ใช่ๆๆ ทานซุปก่อน ดูสิความจำป้า ป้าลืมไปเลย”ป้าส้มตบหน้าผากตัวเอง
วารุณีรับถ้วยซุปที่ชายหนุ่มยื่นมา“โอเคป้าส้ม ไม่โทษป้าหรอก”
“คุณผู้หญิงช่างดีเสียจริง คุณผู้หญิงรีบทานเถอะค่ะ”ป้าส้มพูดเร่ง
วารุณีหิวแล้วจริงๆ ตั้งแต่ถูกจับตัวจนตอนนี้ กินผลไม้ป่าที่เปรี้ยวไปไม้กี่อัน อย่างอื่นก็ไม่ได้กินเลย แล้วยังออกกำลังกายกับนัทธีอีก หิวจนตัวอ่อนไปทั้งตัว
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่สนอย่างอื่น ได้แต่อยากกินให้อิ่มท้อง
นัทธีก็หิว เพราะว่าหาวารุณี จึงไม่มีอารมณ์กินอะไร
ดังนั้นความเร็วที่เขาทานข้าว เร็วกว่าปกติอย่างมาก แต่ท่าทางยังคงงดงาม ทำให้คนรู้สึกเพลินตา
ทานข้าวเสร็จ ป้าส้มก็ถือชามและตะเกียบออกไปจากห้องของพวกเขา ตอนไปถึงชั้นสอง ก็เจอนวิยา
นวิยามองชามและตะเกียบในมือป้าส้ม สายตานั้นสั่นคลอน“ป้าส้ม คุณวารุณีกับนัทธีตื่นหรือยัง?”
“คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงตื่นแล้ว เพิ่งทานข้าวเสร็จค่ะ”ป้าส้มตอบกลับ
นวิยาตบมือ“ดีมากเลยค่ะ”
“ใช่ คุณนวิยายังไม่นอนเหรอ?”ป้าส้มมองเธอ
นวิยาจัดผมปลอม ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม:“กำลังจะพักผ่อน”
“แบบนี้นี่เอง งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ลงไปก่อนนะคะ”พูดจบ ป้าส้มจึงลงไป
นวิยาเงยหน้ามองไปชั้นสาม รอยยิ้มที่ใบหน้าค่อยๆหุบลง แทนที่ด้วยความเยือกเย็นทั่วใบหน้า
เธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับวารุณีจากพิชิตแล้ว ถูกนิรุตติ์จับตัวไป และตกลงมาจากหน้าผาอีก อันตรายแบบนี้ยังไม่ตาย เทวดาช่วยไว้จริงๆ
นวิยาหรี่ตาลงมองไปที่ชั้นบน แล้วจึงกลับห้องของตัวเอง
วันถัดมา วารุณีก็ฟื้นคืนจิตวิญญาณแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่ายังมีบาดแผลที่ตัว ก็เหมือนว่าเรื่องที่ถูกลักพาตัว ไม่เคยเกิดขึ้น
นัทธีเป็นห่วงว่าเธอจะยังไม่หายจากอาการตกใจ เลยให้เธอพักอยู่บ้านสองวัน อย่าเพิ่งไปทำงานที่บริษัทชั่วคราว
วารุณีไม่อยากให้เขาโกรธ เลยตอบตกลงอย่างเชื่อฟัง
พอดีเลยสองวันนี้ เธอก็อยากพักสองวันจริงๆ จากนั้นก็จะได้เริ่มเตรียมการแข่งขันนานาชาติ
“วารุณี”นัทธีพาเด็กทั้งสองคนออกไปไม่นาน ปาจรีย์ก็มาดูวารุณี
เป็นนัทธีที่โทรมาเอง ให้เธอมาอยู่กับวารุณี เพื่อปัดเป่าความกลัวในใจของวารุณีไป
ดังนั้นหลังจากปาจรีย์วางสายเสร็จ ก็ขับรถมา
“วารุณี เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”ปาจรีย์ดึงวารุณีมามองซ้ายมองขวา เป็นห่วงสุดๆ
วารุณีตลกอย่างมาก“โอเคปาจรีย์ ฉันไม่เป็นไร”
“ยังเรียกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ ตกลงมาจากหน้าผา เธอไม่รู้เหรอว่า ตอนที่ฉันได้ยินผู้ช่วยมารุตพูดขึ้นมา สติแทบกระเจิง”ปาจรีย์พูดไป เบ้าตาก็ชื้น จะเห็นว่าตกใจกลัวอย่างมาก