บทที่ 290 ฉันไม่โทษคุณหรอก

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

สีหน้าเฉินซินโหรวเปลี่ยนไป แล้วไม่พูดอะไรอีก

เธอในเมื่อก่อน ไม่แยแสที่จะคุยกับหลี่ซูฉิน ยิ่งไม่มีทางมาดูแลเธอตอนออกจากโรงพยาบาล

แต่ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิม ตระกูลเฉินล้มละลายแล้ว ตอนนี้มีแต่หนี้ ชีวิตก็ยากลำบากกว่าคนทั่วๆไป นอกจากกอดขาแฟนอย่างเยี่ยจิ่งเฉิน เธอไม่มีวิธีอื่นเลย

เพราะฉะนั้น เธอจึงต้องสนใจหลี่ซูฉิน

เพราะแบบนี้ อะไรที่หลี่ซูฉินเคยได้รับจากเธอ ตอนนี้จึงย้อนกลับมาที่ตัวเอง

ในใจเฉินซินโหรวไม่โอเคมาก บวกกับเยี่ยจิ่งเฉินเป็นลูกนอกสมรส ถึงตระกูลเยี่ยจะร่ำรวยแค่ไหน แต่เยี่ยจิ่งเฉินไม่มีอำนาจอะไรเลย จึงช่วยตระกูลเฉินไม่ได้

เฉินซินโหรวใจร้อนจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

เมื่อกี้เห็นเฉินฮวนฮวนมีชีวิตที่ดี ได้ใส่ของแบรนด์เนม ยังมีสามีที่มีอำนาจอย่างเฟิงหานชวนอีก เฉินซินโหรวจึงหงุดหงิดมาก

เดี๋ยวนะ!

อยู่ๆเธอก็คิดเรื่องบางอย่างได้ ที่นี่คือโรงพยาบาล เฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนมาโรงพยาบาลทำไม?

ดูพวกเขาก็ไม่เหมือนคนป่วย ถ้าไม่ใช่มาเยี่ยมคนป่วย งั้นก็คือ……

“เฉินซินโหรว เธอยังจะยืนอยู่ทำไม? รีบไปขนของขึ้นรถสิ!” ตอนที่เธอกำลังเหม่อ เสียงด่าทอของหลี่ซูฉินจึงดังขึ้น

เฉินซินโหรวแอบกัดฟันแน่น หยิบกระเป๋าเดินทางขึ้น แล้วเดินไปข้างหน้า

เยี่ยจิ่งเฉินอยากตามไปด้วย แต่หลี่ซูฉินดึงเขาไว้ แล้วพูดข้างหูเขาว่า “อีกวันสองวัน ลูกก็หาโอกาสทิ้งมันไปซะ ตอนนี้มันเป็นแค่ตัวถ่วง!”

“แม่ แม่กำลังพูดอะไรครับ?” เยี่ยจิ่งเฉินขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “ตอนนี้ตระกูลเฉินเป็นแบบนี้ ถ้าทิ้งซินโหรวไป ก็จะเป็นคนทรยศสิครับ?”

ไม่พูดไม่ได้เลยว่า กับเฉินซินโหรว เยี่ยจิ่งเฉินยังมีความรู้สึกกับเธอ เฉินซินโหรวเข้ากับเขาได้ดี แล้วชอบเอาอกเอาใจเขา ไม่งั้นตอนนั้นเขาคงไม่คบกับเธอหรอก

เรื่องของตระกูลเฉิน ทำให้เขาปวดหัวจริงๆ แต่เฉินซินโหรวตัวติดเขามาก เขาหาข้ออ้างอะไรไม่ได้เลย

“อาเฉิน ลูกต้องคิดดีๆ ถึงลูกจะเป็นลูกนอกสมรส แต่ยังไงก็เป็นคนตระกูลเยี่ย ถ้าทิ้งเฉินซินโหรวไป ลูกทั้งเก่งทั้งหล่อขนาดนี้ อีกหน่อยต้องมีคุณหนูคนอื่นมาจีบลูกแน่นอน” หลี่ซูฉินเอาแต่ยุยงเยี่ยจิ่งเฉิน

คุณหนูคนอื่น……เยี่ยจิ่งเฉินส่ายหน้าทันที

เขาจะไม่เคยคิดได้ยังไงว่าจะหาคุณหนูที่รวยๆ หรือว่าเทียบกับตระกูลเยี่ยได้ ยังไงก็ต้องเป็นตระกูลร่ำรวยอยู่แล้ว

ตระกูลเฉิน เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ต่อหน้าตระกูลเยี่ย ก็เหมือนเป็นแค่นิ้วก้อย

แต่ว่า เขาเจอคุณหนูมาไม่น้อย หน้าตาก็งั้นๆ แถมยังเคยมีคุณหนูตระกูลหวังแอบตามจีบเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นหุ่นหรือหน้าตา เหมือนแม่หมูชัดๆ

ไม่ว่าจะเป็นเฉินฮวนฮวน หรือว่าเฉินซินโหรว ต่างก็มีข้อดี แล้วหุ่นของเฉินซินโหรวดีเยี่ยม แล้วความสามารถด้านนั้นก็โอเคด้วย

แน่นอน เขาไม่เคยเห็นหุ่นของเฉินฮวนฮวน แต่เห็นเธอผอมบางขนาดนั้น หุ่นคงสู้เฉินซินโหรวไม่ได้

เพราะแบบนี้ ตอนนั้นเขาเลยหลงใหลกับเฉินซินโหรว

“แม่ ไว้ค่อยคุยกันครับ รอดูสถานการณ์ไปก่อน” เยี่ยจิ่งเฉินพูดขอไปที แล้วถือกระเป๋าเดินไป

เฉินซินโหรวยืนอยู่หลังรถ ก้มหน้าไว้ แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น

……

สุสานชุนเทียน

เฉินฮวนฮวนคุกเข่าโค้งให้คุณแม่กับคุณยายหน้าสุสาน

พอแน่ใจความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวนแล้ว เธอก็ไปฝึกอบรมเลย กลับมาได้ไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องต่างๆมากมาย ยังไม่ทันพาเฟิงหานชวนมาเจอ”ผู้ใหญ่”เลย

ตอนนี้ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ประตูหน้าสุสานปิดแล้ว เพราะเฟิงหานชวนใช้อำนาจ จึงทำให้สุสานเปิดเพื่อพวกเขาได้

ตอนบ่ายเฉินฮวนฮวนเพิ่งมา กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ พอเห็นรูปถ่ายหน้าสุสานของคุณยายกับคุณแม่ น้ำตาก็เอาแต่ไหลออกมา

“คุณยายคะ คุณแม่คะ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหนู ชื่อเฟิงหานชวน เป็นสามีหนูค่ะ หนูแต่งงานแล้ว เรื่องนี้ซับซ้อนมาก ค่อยๆฟังหนูเล่านะคะ……”

เฉินฮวนฮวนเล่าไปนานมาก เฟิงหานชวนก็ตั้งใจฟังไปนานมาก ไม่พูดแทรกอะไรเลย

“อาหาน คุณให้ฉันพาคุณมาเจอผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? คุณรีบทักทายคุณยายกับคุณแม่ฉันสิ!” เฟิงหานชวนนิ่งเหมือนขอนไม้ เฉินฮวนฮวนจึงเช็ดน้ำตา แล้วดึงเขามาหน้าสุสาน

เฟิงหานชวนเกร็งเล็กน้อย เหมือนกำลังเจอแม่ยายจริงๆ เขาโค้งอย่างมีมารยาท แล้วทักทายว่า “คุณยาย คุณแม่ สวัสดีครับ”

“คุณยายกับคุณแม่อย่าใส่ใจเลยนะคะ ปกติเขาพูดน้อยอยู่แล้ว แต่เขาดีกับหนูมากๆ คุณยายคุณแม่ไว้ใจได้นะคะ” เฉินฮวนฮวนอธิบายเพิ่ม

เฟิงหานชวนได้ยินว่าเธอพูดแทนตัวเอง มุมปากจึงยิ้มขึ้น แล้วมองเธอที่เอาแต่คุยกับอากาศ

เดิมทีเขาไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับพวกนี้ แต่ตอนนี้ เขาเหมือนรู้สึกว่า ท่านทั้งสองคนที่จากไปแล้ว กำลังยืนมองพวกเขาอย่างอิ่มเอมใจอยู่

เฉินฮวนฮวนพูดไปเยอะมาก ทั้งๆที่เป็นเรื่องดี แต่กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม เฟิงหานชวนรีบช่วยเธอเช็ดน้ำตา ไม่รู้ว่าควรปลอบใจเธอยังไง

เขารู้ เวลาแบบนี้ คำปลอบใจไม่มีประโยชน์ เขาจึงคอยอยู่ข้างเธอเงียบๆ

จนกระทั่งเฉินฮวนฮวนสงบสติแล้ว เธอค่อยจับแขนเสื้อเขาไว้ แล้วพูดว่า “ดึกมากแล้ว ฉันอยากให้คุณยายกับคุณแม่พักผ่อน เราก็กลับไปพักผ่อนกันเถอะ”

“ได้” เฟิงหานชวนจูบหน้าผากเธอ แล้วช่วยเธอจัดผมที่ยุ่งเหยิง

จากนั้น เขาก็ยื่นมือไปกอดเอวเธอ มองสุสานตรงหน้า แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “คุณยายครับ คุณแม่ครับ ผมพาฮวนฮวนกลับไปก่อนนะครับ คุณยายคุณแม่ไว้ใจเถอะครับ ผมจะดูแลเธอดีๆ ดูแลลูกดีๆ”

“ใช่สิ ยังมีลูก อื้อ ลูกของเรา” เฉินฮวนฮวนมองเฟิงหานชวน แล้วยิ้มทั้งน้ำตา

รอยยิ้มนั้น ไม่ใช่เยาะเย้ย แต่ยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ ยิ้มจากใจจริง

เฟิงหานชวนฟังออก เฉินฮวนฮวนคิดว่าลูกในท้องคือลูกของเธอกับเขาจริงๆ

ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเขา เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

“อยู่ต่อหน้าคุณยายกับคุณแม่ ผมขอสาบานอีกครั้ง อีกหน่อยจะไม่ดุคุณอีก ไม่งั้นผมจะโดนฟ้า……”

เฟิงหานชวนยังสาบานไม่จบ ก็โดนเฉินฮวนฮวนใช้มือปิดปากไว้ก่อน เธอส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉันไม่โทษคุณหรอก นิสัยของคุณ แค่ดูก็รู้ว่าติดมาตั้งแต่เกิด”

……

พอพวกเขาไปจากสุสานแล้ว มีรถลีมูซีนลินคอล์นสีดำ ค่อยๆแล่นมาจอดที่หน้าประตูสุสาน

จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดหลายคนลงมา คอยคุมกันผู้ชายตรงกลาง แล้วเดินไปที่หน้าสุสานของซูหมิงจูกับซูอวิ้น

มือเขาจับไม้เท้าไว้ แล้วสั่นเล็กน้อย สีหน้าก็มีความตกใจ

“มาสายไป ผมมาสายไป……”

เสียงที่สั่นเครือนั้น แฝงไปด้วยความเสียใจ