อพาร์ทเม้นท์อวิ๋นซู
ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนอนยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง ภายใต้แสงนีออนที่ส่องประกายแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันเหลือล้นของเธอ
ข้างๆของเธอคือผู้ชายที่ดูธรรมดาที่มีเครา เขาคุกเข่าอยู่ข้างๆตัวเธอและจ้องมองมาที่เธอตลอดเวลา
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ชายคนนั้นมีโซ่คล้องอยู่ที่คอและมีเชือกจูงอยู่กับมือของหญิงสาวคนนั้น และเธอกำลังสูบบุหรี่
“อวิ๋นเอ่อร์ อวิ๋นเอ่อร์ รีบๆให้ผมกอดคุณสักที…”ชายคนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้นและบิดตัวด้วยความเจ็บปวด
หลีซืออวิ๋นหันศีรษะของเธอมา เธอเหลือบมองเขาด้วยความรังเกียจ และพูดด้วยความโกรธว่า: “หุบปาก!”
เฉินเจี๋ยทำได้แค่หุบปากอย่างเชื่อฟัง เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่สายตาของเขามองเห็นแค่ร่างของผู้หญิงตรงหน้าที่สง่างาม
ตอนที่เขาพบหน้าหลีซืออวิ๋นครั้งแรก เขาก็ตกหลุมรักหลีซืออวิ๋นในทันที แต่ที่น่าเสียดายคือตัวตนของหลีซืออวิ๋นและเขาไม่สามารถกินเนื้อหงส์ได้
ดังนั้นเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาจึงใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในมือเพื่อนัดหลีซืออวิ๋นมาเจอกันตามลำพัง และหลีซืออวิ๋นก็มาร์คโลเคชั่นเป็นที่นี่ และที่นี่คืออสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของหลีซืออวิ๋น
เฉินเจี๋ยใช้ข้อมูลของเฟิงหานชวนและเฉินฮวนฮวนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับหลีซืออวิ๋น แต่น่าเสียดายที่ทั้งๆพวกเขาทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันแล้ว แต่เขาไม่ได้สามารถแตะต้องหลีซืออวิ๋นได้อย่างแท้จริง
เขาเก็บไว้และไม่ได้เปิดเผยมันทั้งหมด ดังนั้นวันนี้หลีซืออวิ๋นจึงนัดเขามาอีกครั้ง และเป็นเธอที่เป็นคนที่นัดเขามา
“เฉินเจี๋ย คุณควรบอกเรื่องนี้กับฉันให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษฉันแล้วกัน!”หลีซืออวิ๋นดึงเชือกอย่างรุนแรง
เฉินเจี๋ยรู้สึกหายใจไม่ออกและไออยู่หลายครั้ง เขาอ้อนวอนขอความเมตตาครั้งแล้วครั้งเล่า: “เจ้าหญิง ไว้ชีวิต ไว้ชีวิตผมด้วย!”
เดิมที่เขาไม่ต้องการเล่นเรื่องแบบนี้ เขาต้องการเป็นคนที่ควบคุมเธอ แต่หลีซือวิ๋นพูดคำเดียวว่าไม่เห็นด้วยและให้เขาคุกเข่าลง แถมยังใช้ปลอกคอสุนัขใส่รอบคอของเขา
“ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ?”ดวงตาของหลีซืออวิ๋นนั้นดูดุร้าย ดูไม่มีความอ่อนโยนและดูไม่มีคุณธรรม
ในสายตาของเฉินเจี๋ยเห็นเพียงแค่ขาที่เรียวยาวของหญิงสาว เขากลืนน้ำลายและพูดว่า: “เฉินเจี๋ย คราวที่แล้วพวกเรายังเล่นกันไม่จบเหรอ? จะดีกว่านี้ถ้า….”
“เหอะ เฉินเจี๋ย คุณคิดว่าฉันจะให้คนอย่างคุณแตะต้องได้เหรอ?”หลีซืออวิ๋นพูดอย่างโหดร้าย เธอยกเท้าขึ้นมาแล้วเหยียบไปที่หลังของผู้ชายคนนั้นด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ
“โอ๊ย…” เฉินเจี๋ยร้องด้วยความเจ็บปวด
“อยากสู้กับฉันเหรอ? ครั้งที่แล้วคุณก็ต่อรองกับฉัน และถ้าฉันต้องมาเสียเวลาอีก ฉันจะทำให้คุณหายไปจากโลกนี้”หลีซืออวิ๋นก้มลงและพูดข้างๆหูของเฉินเจี๋ย
เฉินเจี๋ยเหงื่อออกตกและส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่กล้ากับหลีซืออวิ๋นอีก ตอนแรกเขาคิดว่าครั้งล่าสุดหลีซืออวิ๋นจะยอมง่ายๆ คิดว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่หลอกได้ง่าย แต่ไม่คิดเลยว่าเธอนั้นยากที่จะหลอก
เขาเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ แต่ถูกหงส์กระชวกแทงเกือบตาย
เมื่อเห็นร่างที่สั่นเทาของเฉินเจี๋ย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาถูกเธอหลอกเข้าแล้ว หลีซืออวิ๋นยกริมฝีปากขึ้นอย่างมีชัย เผยให้เห็นถึงการเยาะเย้ยถากถาง
หลีซืออวิ๋นดูเหมือนจะสังเกตเห็นสิ่งที่เฉินเจี๋ยกำลังมองอยู่ หลีซืออวิ๋นรู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่เธอก็รู้สึกภูมิใจมาก เธอหัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน แล้วฉันจะทำให้คุณพอใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลีซืออวิ๋นดวงตาของเฉินเจี๋ยก็สว่างขึ้นทันที และเขาก็รีบพูดว่า: “ผมพบมันแล้ว ผมมันพบแล้ว!”
“สรุปแล้วคุณไปเจออะไรมา?”อารมณ์ของหลีซืออวิ๋นเริ่มตึงเครียด และด้วยเหตุนี้เธอจึงตั้งตารออย่างหวาดกลัว
เธอรอที่จะที่โจมตีเฉินฮวนฮวน แต่เธอเองก็กลัวว่าผลลัพธ์จะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
“เรื่องนี้มันซับซ้อนมาก สำหรับคนฉลาดอย่างผม ผมต้องแยกแยะและเคลียร์สมองของผมก่อน คุณค่อยๆฟังผมพูดนะ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก ผม…”
ก่อนที่เฉินเจี๋ยจะพูดจบ หลีซืออวิ๋นก็คว้าปลอกคอของเขาและคว้ามันขึ้นมาด้วยความโกรธ ตอนนี้เฉินเจี๋ยอยู่ต่ำกว่าหลีซืออวิ๋นเล็กน้อย
บวกกับความกลัวของเขา เขางอหลังของเขาและอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: “อวิ๋นเอ่อร์ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่คุณ คุณให้ผมนั่งบนโซฟาแล้วค่อยๆพูดกันได้ไหม? ผมไม่อยากคุกเข่าบนพื้น…”
“ไสหัวไป!”หลีซืออวิ๋นกำลังเดือดดาล
เฉินเจี๋ยคลานขึ้นไปบนโซฟา จากนั้นเขาก็ค่อยรู้สึกหายใจออก และจากนั้นก็เริ่มปลดเข็มขัดของเขา…
“คุณทำอะไร?”ดวงตาของหลีซืออวิ๋นเบิกกว้าง
“ผมอยากผ่อนคลาย ผ่อนคลายๆ เสื้อผ้าของผมมันหนักเกินไป”เฉินเจี๋ยพูดไปและถอดเสื้อผ้าไป เสื้อผ้าและกางเกงทั้งหมดของเขาถูกโยนลงบนพื้น
หลีซืออวิ๋นมองเขาด้วยความรังเกียจ แต่เธอก็ไม่ได้โกรธและพูดอย่างเฉยเมยว่า: “ตอนนี้ พูดได้หรือยัง?”
เมื่อถูกหลีซืออวิ๋นจับจ้องเช่นนี้ เฉินเจี๋ยก็รู้สึกตื่นเต้นมากและเริ่มพูด: “ผมบอกกับคุณเมื่อสองสามวันก่อนว่าเฉินฮวนฮวนและหลิวตงรุ่ยมีอะไรกันใช่ไหม?”
“ก็นะ แต่คุณไม่มีหลักฐาน ฉันไม่สามารถมั่นใจกับคำพูดของคุณได้ แล้วถ้าไม่มีล่ะ?”หลีซืออวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อยและวิเคราะห์: “หานชวนทำให้หลิวตงรุ่ยไปต่างประเทศ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าหลิวตงรุ่ยจะต้องมีอะไรกันกับเฉินฮวนฮวน”
“ที่จริง….เป็นความจริงที่หลิวตงรุ่ยและเฉินฮวนฮวนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน มันเป็นความเข้าใจผิด แต่เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดจากเฟิงหานชวน”เฉินเจี๋ยกล่าว
“หมายความว่ายังไง?”หลีซืออวิ๋นงงงวยและรู้สึกสับสน และไม่เข้าใจสิ่งที่เฉินเจี๋ยพูด
“อวิ๋นเอ่อร์ ผมบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนมาก ถึงต้องค่อยๆอธิบาย”เฉินเจี๋ยหัวเราะสองครั้ง
เธอมองเขาอย่างรังเกียจ หลีซืออวิ๋นรู้สึกคลื่นไส้และพยายามระงับอาการคลื่นไส้ของเธอ เธอกัดฟันแล้วพูดว่า: “อย่าเรียกฉันว่าอวิ๋นเอ่อร์ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ!”
“ขอโทษนะ คุณหลี หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ธรรมดา ดังนั้นผมจึงอยากเรียกชื่อเล่นคุณ”เฉินเจี๋ยพูดอย่างไร้ยางอาย
ใบหน้าของหลีซืออวิ๋นนั้นน่าขยะแขยงและเธออยากจะบีบคอเฉินเจี๋ยให้ตายเสียตรงนี้แต่เธอก็ไม่ได้ทำ แต่เธอจงใจปลดสายเดี่ยวออกและถกชุดนอนขึ้นมาครึ่งหนึ่งต่อหน้าเฉินเจี๋ย
สายตาของเฉินเจี๋ยเหมือนถูกดึงดูด
“รีบพูดให้จบ แล้วรีบทำ”หลีซืออวิ๋นมัดผมของเธออีกครั้งและพูดอย่างเบื่อหน่ายด้วยใบหน้าที่มีเสน่ห์
เธอชอบรูปลักษณ์ของสุนัขที่ยอมจำนนต่อเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถดึงดูดเฟิงหานชวนได้อยู่ดี
“พูด พูด ผมจะพูดแล้ว!”เฉินเจี๋ยหมดความอดทนและรีบพูดขึ้นว่า: “เฉินฮวนฮวนมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อหลิวเยว่เออร์ ซึ่งเธอเพิ่งออกจากคุกเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยและกลับบ้านเกิดของเธอไปแล้ว”
“ฉันรู้”หลีซืออวิ๋นเคยพบหลิ่วเยว่เอ่อร์มาก่อนแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้อะไร
ในสายตาของเธอ หลิ่วเยว่เอ่ร์เป็นเพียงผู้หญิงที่ขายร่างของเธอเพื่อเงิน
“เธอถูกเฟิงหานชวนปิดปาก แน่นอนว่าไม่พบสิ่งใดในตัวเธอ แต่…”เฉินเจี๋ยยิ้มแปลกๆและพูดว่า: “ผมมีเทคนิคลับ ผมสะกดจิตเธอ”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”หลีซืออวิ๋นไม่อยากจะเชื่อ
ว่ากันว่าเฉินเจี๋ยมีความสามารถพิเศษ เขาจึงสามารถทำธุรกิจนักสืบลับได้ดี เขามีรายได้สูงมากตั้งแต่อายุยังน้อยและเขารู้วิธีรักษาความลับเพื่อให้นายจ้างสบายใจได้
แต่เธอไม่คิดว่าเฉินเจี๋ยจะสะกดจิตเป็น