ตอนที่ 398 ตัวล้างผลาญครอบครัว

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 398 ตัวล้างผลาญครอบครัว

พี่หลี่ขมวดคิ้ว “ชาวตงหู ? ” หลังจากต้องต่อสู้กับชาวตงหูบ่อยครั้งและมองเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่ทั้งสองคนสวมใส่ พี่หลี่ก็มองออกว่าเป็นคนของอีกฟากฝั่งจึงรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาทันที

ขณะจ้องมองแกะย่าง หรูเอ่อร์ฉาก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วหยิบไข่มุกน้ำจืดเม็ดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมาพลางถามด้วยภาษาต้าเซี่ยสำเนียงแปร่ง ๆ “นี่แลกเนื้อย่างของพวกจ้าวได้สักซองซามชั่งไหม?”

ไข่มุกธรรมชาติเม็ดอ้วนกลมขนาดไม่เล็กสามารถแลกกับเนื้อย่างสองสามชั่งถือว่าได้กำไรมากโข หลินเว่ยเว่ยรับไข่มุกไว้แล้วแล่เนื้อประมาณสองสามชั่ง ก่อนจะยื่นให้เจ้าโง่ทั้งสองคน

“อื่อ อร่อย ! เครื่องปลุงของพวกจ้าวแลกหรือไม่ ? ” หรูเอ่อร์ฉามองไปยังซอสเนื้อย่างที่หลินเว่ยเว่ยใส่ไว้ในหม้อใบเล็ก เนื้อย่างนี้ลำบากต่อการขนไปให้พวกพี่น้องชิม แต่หากเอาซอสเนื้อย่างกลับไปได้ก็ถือว่าไม่เลว

ต้าเซี่ยมีของดีทุกอย่างจริง ๆ แต่กลับส่งเจ้าพวกเทพสังหารเหล่านี้มาเฝ้าไว้ จะปล้นก็ปล้นไม่ได้จึงได้แต่ใช้ของพิเศษในชนเผ่ามาแลกกับของที่ต้องการ !

“ไม่แลก ! ” เดิมทีหลินเว่ยเว่ยก็เอาซอสสูตรลับมาด้วยไม่มากอยู่แล้ว เมื่อครู่ยังรับปากจะแบ่งให้พวกพี่หลี่แล้วด้วย ในมือนางจึงเหลืออยู่ไม่เท่าไร

หรูเอ่อร์ฉาหยิบสร้อยข้อมือไข่มุกออกมาหนึ่งเส้น “ใช้จ้าวนี่แลกเครื่องปลุงขวดเล็กของพวกจ้าว…”

“ตกลง ! ” หลินเว่ยเว่ยคว้าสร้อยข้อมือมาส่องมองกับแสงแดดอย่างระมัดระวัง ในสมัยนี้คงยังไม่มีการสร้างไข่มุกปลอมใช่หรือไม่ ? สร้อยข้อมือไข่มุกนี้อย่างไรก็มีมูลค่า 100 ตำลึงขึ้นไป ฮึฮึ ตัวล้างผลาญครอบครัวชัด ๆ…

หรูเอ่อร์ฉาและลูกน้องกินเนื้อย่างสองสามชั่งจนหมดแล้วจึงลูบปากที่มันเยิ้มของพวกตน จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมขวดซอสเนื้อย่างด้วยความพึงพอใจ

พวกพี่หลี่ก็กินจนพุงกาง แกะอ้วนครึ่งตัวเข้าไปอยู่ในกระเพาะพวกเขาแล้ว พี่หลี่จึงหยิบพวงเงินออกมาหนึ่งพวงแต่ถูกหลินเว่ยเว่ยดันกลับไป นางชี้ไปที่ไข่มุกในมือแล้วฉีกยิ้มยิงฟัน “พี่หลี่ แกะย่างตัวนี้มีคนจ่ายแล้ว พวกเราไม่เพียงไม่ขาดทุนแต่ยังได้กำไรอย่างงาม ! แล้วข้าจะกล้ารับเงินจากพี่หลี่อีกได้อย่างไร ? ”

พี่หลี่เก็บพวงเงินกลับพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นพี่หลี่ต้องขอบใจเจ้าแล้ว พรุ่งนี้ตลาดเปิดวันแรกและเป็นวันที่คึกคักที่สุด พวกเจ้าเดินเล่นเสร็จก็รีบกลับ ไม่อย่างนั้นได้ติดอยู่ในความโกลาหลแน่”

“ได้ ขอบคุณที่พี่หลี่ตักเตือน ! ” หลินเว่ยเว่ยโบกมือให้กองทหารลาดตระเวน

หลินจื่อเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “ที่นี่ไม่ได้มีปราสาทราชวังอะไร หากมีชาวตงหูมาปล้นสะดมจริง ๆ ก็ไม่เท่ากับเข้ามาในแดนไร้มนุษย์และกลับไปมือเปล่าหรอกหรือ ? เราจะได้รับอันตรายหรือเปล่า ? ”

“กลัวอะไรเล่า ? พรุ่งนี้ต้องมีทหารลาดตระเวนมากกว่าเดิมแน่ แม้จะมีชาวตงหูมาปล้นก็ไม่ได้อะไรกลับไปหรอก ถ้าความปลอดภัยขั้นพื้นฐานยังรักษาไม่ได้ ตลาดการค้าข้ามเขตแดนก็คงจบเห่ ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าน้องชายกังวลมากเกินไป

ทว่าพอวันรุ่งขึ้นมาเยือน นางก็โดนตบหน้า เฮ้ ! ทหารม้าตงหูมารวมตัวกันร่วมหลายร้อยนาย แม้จะแต่งกายเป็นชาวตงหูธรรมดา แต่ลักษณะมือถือดาบสันโค้ง ใต้หว่างขามีอาชาเช่นนี้ก็ชัดเจนมาก ยังมีชาวชนเผ่าธรรมดากลุ่มใดกล้าควบม้าหลายร้อยตัวมาปล้นสะดมที่ชายแดน ? แค่มองก็รู้ว่าเป็นทหาร แต่ไม่รู้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวของทหารตงหูโดยพลการหรือเป็นบัญชาจากเชื้อพระวงศ์ตงหูกันแน่ !

นายทหารตำแหน่งเล็ก ๆ อย่างพี่หลี่ วันนี้มีอย่างน้อยสิบกว่ากองในเขตอวี้อัน พวกเขาเดินไปมาในตัวเมืองทำให้พวกพ่อค้าที่มาร่วมค้าขายในตลาดการค้าข้ามเขตแดนรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ทว่าเมื่อเผชิญกับทหารม้าตงหูที่มีจำนวนมากกว่า ในเมืองจึงเกิดความโกลาหลขึ้นมา

พี่หลี่พาพวกพี่น้องไปหยุดทหารม้าตงหูที่ปล้นสะดมและเข่นฆ่าผู้คนราวกับหมาป่าหิวโหย ในขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดังลั่น “จุดพลุสัญญาณ ! เรียกกำลังสนับสนุน ! ”

พลุสัญญาณพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ขณะเดียวกันเสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและเสียงปะทะกันของอาวุธภายในตัวเมืองก็ผสานจนกลายเป็นเสียงเดียวกัน

ข้างแผงขายหนังสัตว์ หลินเว่ยเว่ยที่กำลังจะเลือกเตียวผี ( ขนมิงค์ ) ชั้นดีให้มารดาและนางเฝิงก็รีบวางขนสัตว์ในมือลง จากนั้นหยิบท่อนไม้ขนาดเท่าข้อมือขึ้นมาแล้วรีบพาบัณฑิตน้อยกับน้องชายไปยังบ้านหินที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

เจ้าของบ้านปิดประตูไว้อย่างแน่นหนา ไม่ว่าใครเรียกก็ไม่ยอมเปิด…ใครจะไปรู้ว่าจังหวะที่เปิดประตูออกมาช่วยผู้คน โจรตงหูจะบุกเข้ามาสังหารหรือไม่ ?

หลินเว่ยเว่ยพิงกายไว้กับกำแพงหินแล้วปกป้องบัณฑิตที่อ่อนแอทั้งสองไว้ด้านหลัง โจรตงหูดุร้ายมาก ไม่เพียงปล้นชิงสินค้าของชาวต้าเซี่ย แม้แต่ชาวตงหูด้วยกันเองก็ไม่เว้น

นางเห็นคนโง่ทั้งสองที่ยอมแลกไข่มุกกับแกะย่างเมื่อวาน เพื่อปกป้องสินค้าของตนแล้ว พวกเขาดึงดาบเอว ( ดาบสั้นประเภทหนึ่ง ) ออกมา จากนั้นเริ่มต่อสู้กับโจรตงหู แต่ไม่น่าแปลกใจที่ทหารม้าตงหูจะลงมือกับพวกเขาเพราะสินค้าเต็มไปด้วยสิ่งล้ำค่า อย่างเช่น โสม เขากวางและเตียวผี ล่อตาล่อใจมากเกินไป !

โจรตงหู 4-5 คนล้อมสองคนเอาไว้ แม้ทั้งสองจะกล้าหาญแต่สุดท้ายก็ค่อย ๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

หลินเว่ยเว่ยหันไปมองอีกทาง พี่หลี่เอาชนะทหารม้าตงหูได้นายหนึ่ง แต่ขณะที่เข้าไปช่วยสหายร่วมรบ เขากลับโดนโจรตงหูอีกคนลอบโจมตีจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น โจรตงหูผู้นั้นยกดาบขึ้นสูงแล้วฟันลงมาเพื่อหมายจะเอาชีวิตพี่หลี่

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นเอง เสียง ‘ฉึก’ ก็ดังขึ้น เลือดหลายหยดกระเด็นโดนใบหน้าพี่หลี่ซึ่งหลับตารอรับคมดาบอยู่นานแต่มันก็ฟันไม่โดนเขาสักที เขาจึงลืมตาขึ้นแล้วมองหาโจรตงหูที่ง้างดาบจะฟันจนพบว่าอีกฝ่ายถูกแทงด้วยท่อนไม้หนาเท่านิ้วมือและล้มลงกับพื้นพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง

พี่หลี่ไม่ทันได้มองว่าใครช่วยตนไว้ เขาต้องทนความเจ็บปวดบริเวณไหล่แล้วเก็บอาวุธขึ้นมา จากนั้นก็กัดฟันพุ่งเข้าหาโจรตงหูคนอื่น

หลินเว่ยเว่ยหยิบดาบขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็เริ่มลงมือเหลาเสาไม้ไผ่จากข้างกำแพงให้มีขนาดยาวประมาณ 1 หมี่ (เมตร) เหลาปลายให้คมแล้วทำท่าพุ่งแหลน จากนั้นซัดมันออกไป นึกถึงชาติก่อนฝีมือพุ่งแหลนของนางแทบจะไม่มีใครเทียบได้ ฝีมือในเวลานี้จึงไม่ต่างกันมากนัก

ลูกศรไม้ไผ่ที่พุ่งออกไปได้ทะลุผ่านร่างของโจรตงหูคนหนึ่ง สามารถช่วยชีวิตนายทหารได้อีกหนึ่งนาย บัณฑิตทั้งสองที่อยู่ด้านหลังก็เป็นคนในครอบครัวที่จำเป็นต้องให้นางปกป้อง แต่จะให้นางทนเห็นพวกโจรโฉดชาวตงหูเข่นฆ่าผู้คนอย่างหน้าตาเฉย นางทำไม่ได้

ลูกศรไม้ไผ่ถูกซัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ชีวิตของโจรตงหูก็จบสิ้นลงเช่นกัน แม้แต่พวกโจรที่ล้อมชาวตงหูสองคนนั้นไว้ก็โดนลูกศรที่พุ่งออกไปซัดตายถึงสามคน

เจียงโม่หานมองแผ่นหลังอันน่าเกรงขามของเด็กน้อย สีหน้าของนางเคร่งขรึม มือกำลูกศรไม้ไผ่ไว้แน่น…ถ้าไม่มีเขากับหลินจื่อเหยียนให้ปกป้อง นางคงพุ่งเข้าสู่สนามรบแล้วเริ่มต่อสู้กับโจรตงหูอย่างสนุกสนานไปแล้วกระมัง ?

เขาหยิบดาบขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ แล้วช่วยเหลาไม้ไผ่ให้นาง นี่ก็ถือเป็นการยอมรับและสนับสนุนนางอย่างหนึ่ง…ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ถ้าอยากช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์มากกว่านี้ก็ตามใจนางเถิด !

ถ้านางเป็นเหมือนตัวเขาที่เลือดเย็นไม่แยแสชีวิตผู้อื่น เขาก็คงไม่รู้สึกประทับใจในตัวนาง แต่เพราะจิตใจที่ดีงามและความอบอุ่นของนางจึงทำให้น้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจของเขาเริ่มหลอมละลาย เริ่มรู้สึกรักคนอื่นเป็น…