ตอนที่ 399 จอมยุทธหญิงได้โปรดช่วยชีวิต

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 399 จอมยุทธหญิงได้โปรดช่วยชีวิต

ภายใต้ความโกลาหลก็มีพ่อค้าที่หลบเข้าไปซ่อนในบ้านไม่ทัน พวกเขาเห็นหลินเว่ยเว่ยกำลังซัดลูกศรไม้ไผ่อยู่ทางนี้ เด็กน้อยผู้สามารถคร่าชีวิตโจรตงหูได้ พวกเขาจึงพากันมองนางเสมือนมองดาวนำโชคและรีบพากันมาหลบทางนี้ทันที

ผ่านไปไม่นาน ด้านข้างและด้านหลังของหลินเว่ยเว่ยก็มีบรรดาพ่อค้ามารวมตัวกันสิบกว่าคนแล้ว พวกเขาเบียดแย่งที่กันไปมาเพื่ออยากจะยืนอยู่ใกล้ด้านหลังของหลินเว่ยเว่ยพอดี…เพราะคิดว่าตำแหน่งนี้ปลอดภัยที่สุด

หลังจากเบียดกันไปกันมาเจียงโม่หานที่คอยเหลาไม้ไผ่ก็เกือบโดนผลักออกไป หลินเว่ยเว่ยรีบดึงตัวเขากลับมาแล้วหันไปมองด้านหลังด้วยความโมโห ก่อนจะตะโกนว่า “ถ้ายังเบียดกันอีกก็อย่าโทษที่ข้าโยนออกไปแล้วกัน!”

คนส่วนใหญ่จึงทำตัวดีขึ้นทันที มีเพียงพ่อค้าไว้เคราแพะและมีดวงตาเจ้าเล่ห์คนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกว่าตำแหน่งของตนไม่ปลอดภัย เขาจึงออกแรงเบียดตัวเข้าไปข้างใน หลินเว่ยเว่ยเอื้อมมือไปจับปกคอเสื้อด้านหลังของเขาแล้วออกแรงโยนเขาออกไปไกลหลายสิบหมี่ ( เมตร ) บังเอิญว่าตกไปอยู่บนศพโจรตงหูที่ตายด้วยลูกศรไม้ไผ่ปักคอ สภาพศพคือนอนตายตาไม่หลับพอดี พ่อค้าเคราแพะจึงตกใจแล้วกรีดร้องขึ้นมา ต่อจากนั้นก็รีบตะเกียกตะกายคลานกลับมาทางเดิม

โจรตงหูคนหนึ่งเห็นเขาพอดีจึงรีบไล่ตามมาคว้าจับแขนเขาไว้ ก่อนจะหัวเราะอย่างชั่วร้ายและยกดาบในมือขึ้น

หลินเว่ยเว่ยซัดลูกศรออกไปแทงทะลุหน้าอกโจรชั่ว ดาบสันโค้งร่วงลงพื้น โจรโฉดก็ล้มลงนอนกองกับพื้นและสิ้นลมหายใจ ส่วนพ่อค้าเคราแพะตกใจจนหมดสติทันที

มีโจรตงหูสังเกตเห็นสถานการณ์ของฝั่งนี้ พวกมันเห็นสหายต้องตกตายด้วยลูกศรไม้ไผ่ธรรมดาดอกแล้วดอกเล่า เพียงแต่พวกมันคาดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่พริบตาเดียวพี่น้องทหารม้าก็ต้องจบชีวิตสิบกว่านายด้วยฝีมือเด็กสาวตัวผอมแห้งคนหนึ่ง

“ถาเอ่อร์ฮาน หวู่ลี่จู พวกเจ้าไปจัดการนางเด็กนั่น ! ” หัวหน้าโจรตงหูกัดฟันกรอดขณะออกคำสั่งด้วยภาษาตงหู

ทั้งสองดูจะสูงประมาณ 1.90 หมี่ โจรโฉดตงหูมีช่วงบ่ากว้าง คมดาบในมืออาบไปด้วยเลือดแดงฉานและกำลังเดินมาหาหลินเว่ยเว่ยด้วยรอยยิ้มแห่งความชั่วร้าย พวกพ่อค้าที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของหลินเว่ยเว่ยตกใจจนรีบวิ่งหนีไปคนละทิศละทางเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

หลินเว่ยเว่ยจับแท่งเหล็กขึ้นมาพร้อมสีหน้าเรียบนิ่ง หลินจื่อเหยียนก็กัดฟันแล้วรีบหยิบท่อนไม้ที่หามาจากไหนไม่รู้ขึ้นมาพลางจับจ้องไปยังโจรตงหูที่กำลังเดินเข้ามาทีละก้าว ผู้ที่นิ่งสุดยังเป็นเจียงโม่หานซึ่งลุกขึ้นยืนด้านหลังหลินเว่ยเว่ยอย่างเฉยเมย สายตาที่มองไปยังโจรโฉดทั้งสองนั้นเหมือนกำลังมองซากศพเดินได้ไม่มีผิด

โจรตงหูทั้งสองเห็นว่าทั้งสามคนนี้ไม่ยอมหนี ในใจจึงบังเกิดความสงสัย หรืออีกฝ่ายจะเป็นจอมยุทธที่พวกต้าเซี่ยเรียกกัน ? ก็ไม่เหมือน แต่เหมือนไก่ผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงเสียมากกว่า…หรือที่ไม่หนีเพราะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ?

โจรทั้งสองหันมาสบตากัน รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์พลางยกดาบขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างแล้วตวัดมันเข้าหาหลินเว่ยเว่ยที่อยู่ด้านหน้าสุด แม้นางมีส่วนสูง 1.70 หมี่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายร่างกำยำตัวสูง 1.90 หมี่ก็เป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ที่บอบบางคนหนึ่ง

ทว่าในร่างเล็กที่ดูผอมแห้งนี้กลับซุกซ่อนพละกำลังมหาศาลเอาไว้ ตอนที่โจรทั้งสองอยู่ห่างจากหลินเว่ยเว่ยได้ประมาณ 1 หมี่ ในที่สุดนางก็เริ่มแสดงฝีมือ แท่งเหล็กในมือปัดป้องดาบใหญ่ทั้งสองเล่มได้อย่างสบาย จากนั้นก็เคาะศีรษะโจรตงหูทั้งสองเบา ๆ สำหรับนาง ทว่าทำให้โจรเลือดอาบและกระเด็นออกไปไกลมาก

พวกพ่อค้าที่เพิ่งหนีไปได้ไม่ไกลพลันอ้าปากค้างทันที ยอดฝีมือ นี่ต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน ! จอมยุทธหญิง ได้โปรดช่วยชีวิตพวกเราด้วย !

ตอนที่หมินอ๋องซื่อจื่อพากองกำลังเสริมมาช่วยก็เห็นเด็กสาวในชุดสีเขียวเข้มกำลังใช้ซัดลูกศรไม้ไผ่ใส่ศัตรูด้วยความแม่นยำจากระยะไกลและลูกศรที่พุ่งออกไปล้วนปลิดชีพโจรตงหูได้ทุกดอก

ด้านหลังของนางมีพ่อค้าหลายสิบคนกำลังรวมตัวและกำหมัดส่งเสียงสนับสนุนนางอยู่ สีหน้าพวกพ่อค้าไม่ได้ดูหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยังดูตื่นเต้นและตั้งตารอ ยังมีพ่อค้าบางคนเหลาไม้ไผ่มาทำลูกศรให้นางด้วย ท่าทางของเด็กสาวคนนี้ก็ดูเหมือนบุตรีขุนนางชั้นสูงที่กำลังเล่นปาลูกดอกอยู่ ใบหน้าไร้ความรู้สึกไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือกังวลอันใด…เจอมนุษย์โอสถยังกล้าพุ่งเข้าใส่ แล้วจะกลัวโจรตงหูธรรมดาพวกนี้หรือ ?

หมินอ๋องซื่อจื่อพาทหารนับพันนายเข้ากวาดล้างทหารม้าตงหูที่เหลืออีกหลายร้อยนายราวกับแค่เอื้อมมือไปเด็ดบุปผา พวกที่เหลือรอดก็รีบหนีอย่างน่าอัปยศ หัวหน้ากองโจรวางแผนไว้ว่าพวกตนมีจำนานเกือบห้าร้อยและยังเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง สำหรับกองทหารรักษาการณ์เขตที่มีอยู่ไม่ถึงสองร้อยนายแล้วน่าจะจบศึกได้เร็ว จากนั้นได้รับชัยชนะและขนสินค้าไปก่อนที่กองกำลังเสริมจะมาถึง

ไฉนเลยจะคิดว่าในเมืองมีมารผจญอยู่ แค่ลูกศรไม้ไผ่ขนาดเล็กก็นำมาเป็นอาวุธได้ แถมยังคร่าชีวิตพวกพ้องของตนไปไม่น้อยแล้ว ช่วยทหารต้าเซี่ยกับพ่อค้าไว้ตั้งหลายสิบคน นางร่วมมือกับทหารรักษาการณ์จนทำให้พวกตนเสียเวลาแล้วกองกำลังเสริมก็มาถึง…

ทหารม้าตงหูสูญเสียเกือบ 500 นายแต่ทหารต้าเซี่ยได้รับบาดเจ็บแค่ประมาณ 100 นาย มีแต่เสียกับเสีย !

หรูเอ่อร์ฉาพูดกับลูกน้องข้างกายว่า “เจ้าจงนำข่าวที่เผ่าเถียต๋าสูญเสียทหารม้าร่วมสามถึงสี่ร้อยนายไปแจ้งแก่พี่ใหญ่ของข้า บอกให้เขาคว้าโอกาสนี้ยกทัพไปกำราบเผ่าเถียต๋า ! ”

ชนเผ่าในดินแดนตงหูใช้หลักเกณฑ์ปลาใหญ่กินปลาเล็กมาโดยตลอด ผู้นำของเผ่าเถียต๋าเป็นพวกเผด็จการและโปรดปรานการทำสงคราม อดีตก็อาศัยอำนาจของชนเผ่าใหญ่มารังแกชนเผ่าเล็ก ๆ รอบข้างที่อ่อนแอกว่าซึ่งเผ่าน่าถาของหรูเอ่อร์ฉาก็เคยโดนรังแก

หรูเอ่อร์ฉาสังเกตเห็นแล้วว่าคราวนี้กำลังพลที่เผ่าเถียต๋าเคลื่อนมาคือทหารม้าที่แกร่งที่สุด ศพนักรบที่เหลือทิ้งไว้เกือบสี่ร้อยร่างก็เท่ากับว่าสูญเสียกำลังทหารไปเกือบครึ่งหนึ่งของเผ่า ที่พวกต้าเซี่ยชอบพูดว่าสมควรจู่โจมยามศัตรูอ่อนแอที่สุดยังพอมีเหตุมีผลอยู่บ้าง

หากคราวนี้สามารถควบรวมเผ่าเถียต๋ามาได้ เผ่าน่าถาก็จะมีอาณาเขตทุ่งหญ้าเพิ่มอีกหลายร้อยลี้ สามารถเลี้ยงสัตว์ได้มากกว่าเดิม…และในอีกไม่กี่ปีเผ่าน่าถาก็คงสามารถขึ้นมาแทนที่เผ่าเถียต๋าและกลายเป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในตงหู

บนร่างกายของพี่หลี่มีบาดแผลหลายจุด หลังจากได้แพทย์ทหารช่วยพันแผลไว้อย่างง่าย ๆ แล้วเขาก็เดินกะเผลกเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเว่ยเว่ย “บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจทดแทนได้เพียงคำว่าขอบคุณ บุญคุณช่วยชีวิตของหลินกู่เหนียงนี้ พี่หลี่จะขอจดจำไว้ วันหน้าหากต้องการให้พี่หลี่ช่วยเหลือเรื่องใด แม้จะต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็จะช่วย ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบพูด “พี่หลี่เกรงใจเกินไปแล้ว บาดแผลของท่าน…”

“ไม่เป็นไร แค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ! ” ยังมีทหารอีกหลายนายเข้ามาขอบคุณหลินเว่ยเว่ย ในเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นความตายของนายทหารเหล่านี้ ขณะที่เห็นดาบของพวกโจรตงหูตวัดเข้ามาหมายเอาชีวิต พวกมันก็ต้องจบชีวิตด้วยลูกศรไม้ไผ่เสียก่อน ส่วนชีวิตของพวกตนล้วนได้กู่เหนียงน้อยคนนี้ช่วยไว้ !

หมินอ๋องซื่อจื่อบัญชาให้ทหารเก็บกวาดสนามรบและสั่งให้แพทย์ทหารช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตัวเขาก็เดินเข้ามาหาหลินเว่ยเว่ย หลังจากมองสำรวจตัวนางอย่างละเอียดแล้วเขาก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลินกู่เหนียงมักนำเรื่องประหลาดใจมาให้ข้าเสมอ ! หากหลินกู่เหนียงเป็นบุรุษ ข้าคงอยากให้เจ้ามาเป็นทหารรับใช้แผ่นดิน ได้รับการเชิดชูวีรกรรม…”

หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณใต้เท้าซื่อจื่อเจ้าค่ะ ข้าก็คิดว่าน่าเสียดายเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะกลับชาติมาเกิดใหม่ในเวลานี้ยังทันอยู่หรือเปล่า…”

หมินอ๋องซื่อจื่อยกยิ้มมุมปาก “หลินกู่เหนียงล้อเล่นแล้ว ! ”