บทที่424 มันเปลี่ยนไปแล้ว
“จุนถิง คุณระวังด้วย ” เคธี่พยุงร่างของลี่จุนถิงอย่างระมัดระวัง ตลอดทางก็ถูกไถเบียดเสียดไปกับร่างของชายหนุ่ม ให้ยังคงรู้สึกตัวเองนั้นมีตัวตน
ลี่จุนถิงสัมผัสได้ถึงผิวหนังที่เสียดสีกันไปมา เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พยายามที่จะถอยให้ห่างจากเคธี่ แต่ ณ ขณะนั้นตัวเขาเองกลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ
“คุณไม่ต้องใกล้ผมขนาดนี้ก็ได้ ”ลี่จุนถิงเอ่ยพูดด้วยความรำคาญ
ลี่จุนถิงที่ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ หากเป็นคนอื่น เคธี่คงเดินหนีไปอย่างรังเกียจนานแล้ว แต่คนตรงหน้าคือลี่จุนถิง ทุกอย่างจึงแตกต่างออกไป
เธอไม่เพียงไม่เดินหนี กลับอดไม่ได้ที่จะเข้าหาชายหนุ่มให้มากขึ้นไปอีก ยิ่งใกล้ยิ่งดี
พอถึงประตูหน้าบ้าน ฝีเท้าของเคธี่ก็หยุดนิ่ง ลังเลไปชั่วครู่แล้วจึงได้กดออดที่ประตูหน้าบ้าน จากนั้นใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอย่างสุภาพออกมา
คนที่มาเปิดประตูคือเจียงหยุนเอ๋อ
เธอรอลี่จุนถิงที่บ้านอยู่นานแล้วในใจรู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย แต่ก็ตอบไม่ได้ว่ากังวลเรื่องอะไร
พอได้ยินเสียงออดประตูดังขึ้น คนรับใช้ในบ้านยังไม่ทันได้สังเกต ก็เห็นเพียงเจียงหยุนเอ๋อที่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้ว เดินตรงไปยังประตู แล้วเปิดประตู
เห็นลี่จุนถิงกับเคธี่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เจียงหยุนเอ๋อก็ตกตะลึง
ไม่มีเหตุผลอื่นใด ท่าทีของ เคธี่กับลี่จุนถิงนั้นค่อนข้างที่จะสนิทแนบแน่นกันมาก เจียงหยุนเอ๋อที่มองอยู่ก็พลันรู้สึกบาดตา
ตลอดเวลาที่อยู่กับลี่จุนถิงมานั้น นอกจากส้งหวั่นหวั่นแล้ว ข้างกายของลี่จุนถิงเองก็แทบจะไม่มีผู้หญิงที่ไหนเลย และเจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่เคยรู้สึกระแวงสงสัยอะไร ถึงแม้ว่าลี่จุนถิงจะเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมมากก็ตาม
เพราะเธอรู้ว่า ผู้หญิงเหล่านั้น ไม่ใช่สเปคในแบบที่ลี่จุนถิงชอบ
แต่พอเห็นเคธี่กับลี่จุนถิงที่สนิทแนบแน่นกันแบบนี้ ภายในใจของเจียงหยุนเอ๋อเองก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา
เพราะ ลี่จุนถิงเองไม่เคยให้หญิงสาวคนไหนได้เข้าใกล้เขามาก่อน หรือเป็นเพราะ……ความสัมพันธ์ของเขากับเคธี่มันเกินเลยไปมากกว่านั้นแล้ว ?
ความรู้สึกแบบนั้นกระตุกเพียงวูบเดียวในใจของเจียงหยุนเอ๋อแล้วหายไป เขาบอกกับตัวเองว่า อย่าเก็บมันมาใส่ใจ
เจียงหยุนเอ๋อที่ยังยืนงงไม่ได้สติ ก็ได้ยินเสียงของเคธี่ดังขึ้นมา
“คุณหนูเจียง งานเลี้ยงในวันนี้ จุนถิงดื่มหนักไปหน่อย มันเป็นทางผ่านพอดีฉันเลยอาสาพาเขามาส่งค่ะ” เคธี่พูดด้วยรอยยิ้ม ฟังดูเหมือนเธอกำลังอธิบายกับเจียงหยุนเอ๋ออยู่ แต่หลังจากพูดจบประโยคแล้ว กลับยิ่งทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก
ลี่จุนถิงถึงขั้นดื่มจนเมาต่อหน้าผู้หญิงคนอื่น ? ระหว่างพวกเขา……มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จุดประสงค์ของ เคธี่ก็คือจงใจที่จะทำให้เจียงหยุนเอ๋อระแวงสงสัยในตัวลี่จุนถิง ในตอนนี้เอง ลี่จุนถิงที่สะลึมสะลือก็ลืมตาขึ้นมา เห็นเจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่ตรงหน้า เขาก็สะบัดแขนจนหลุดจากมือของเคธี่ แล้วเดินตรงเข้าไปหาเจียงหยุนเอ๋อ
“หยุนเอ๋อ”
การแสดงออกของลี่จุนถิงทำให้เจียงหยุนเอ๋อเบาใจขึ้นมาได้บ้าง อารมณ์ของเธอในตอนนี้ก็ดูจะดีขึ้น บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏ
“จุนถิง คุณกลับมาแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อจับไปที่มือของลี่จุนถิง ลี่จุนถิงที่ยังคงมีอาการมึนเมาก็ปล่อยให้เธอพยุงร่างแล้วตามไปโดยดี สีหน้าของเคธี่ก็ดูแย่ขึ้นมาทันทีแต่สักพัก ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นมาแทน
เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองอ่อนแอเด็ดขาด
“คุณเคธี่ค่ะขอบคุณมากนะคะที่มาส่งสามีของฉัน วันนี้ก็ดึกมาแล้ว คงไม่สะดวกที่จะเชิญเข้ามาในบ้าน ครั้งหน้าหากมีโอกาส ขอเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นการตอบแทนนะคะ ”
เจียงหยุนเอ๋อเอ่ยกล่าวอย่างสุภาพ
เคธี่ยิ้มรับ จากนั้นเอ่ยคำลากับเจียงหยุนเอ๋อแล้วจากไป
ขณะที่กำลังหันหลังกลับนั้น รอยยิ้มก่อนหน้าที่เคยมีของ เคธี่ก็ได้อันตรธานหายไปแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะอวดอะไรกับเธองั้นเหรอ ?
ปากก็พร่ำเรียกแต่“สามี”ไม่ส่องกระจกเอาเสียเลย ว่าตัวเองมีอะไรที่คู่ควรกับลี่จุนถิงบ้าง ?
ยังไงเคธี่ก็มองไม่ออกอยู่ดี
เพียงแค่ คิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเคธี่ก็ปรากฏรอยยิ้มของความสำเร็จขึ้นมา
เจียงหยุนเอ๋อผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ไม่มีอำนาจอะไร จะเอาอะไรมาสู้กับเธอ ?
เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างเคธี่ไม่เคยกลัวกับสิ่งใดๆ เพราะฉะนั้นแล้ว การต่อสู้กับเจียงหยุนเอ๋อครั้งนี้ เธอก็ไม่กลัวว่าตัวเองจะแพ้เหมือนกัน
เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะเธอรู้สึกว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะแพ้มันเอาเสียเลย
พอส่งเคธี่กลับไปแล้วเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังจะพยุงร่างของลี่จุนถิงไปยังห้องนอน ในจังหวะที่ก้มศีรษะลงมานั้น สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมาทันที
บนเสื้อของลี่จุนถิง มีรอยลิปสติกที่ชัดเจนบนนั้น
เธอที่เพิ่งจะเจอกับเคธี่ มองแวบเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่ารอยลิปสติกนี้เป็นของเคธี่แน่นอน
ขณะเดียวกันเจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกสับสนวุ่นวายในใจขึ้นมาทันที ลี่จุนถิงถูกหญิงสาวพยุงร่างและยังคงเดินซวนเซไปมา ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าแววตาของเธอแต่อย่างใดเพียงแต่พึมพำชื่อของเจียงหยุนเอ๋อตลอดทางเท่านั้น
เจียงหยุนเอ๋อในใจสับสนเธอมองไปยังลี่จุนถิงแวบหนึ่งเธอรู้สึกมองไม่เห็นถึงความจริงใจของเขา
พูดกันตามตรง เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าเธอไม่ควรสงสัยในความรู้สึกของลี่จุนถิงที่มีต่อเธอเลย เพราะยังไงทั้งคู่ก็ผ่านเรื่องราวต่างๆด้วยกันมามาก
เธอที่เคยผ่านเรื่องราวร้ายๆมามากมายขนาดนี้ หากลี่จุนถิงไม่ได้จริงใจกับเธอจริงๆ ก็คงไม่มีจำเป็นที่จะต้องมาช่วยเธออยู่ทุกครั้งแบบนี้
แต่ว่าตอนนี้……ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ?
เจียงหยุนเอ๋อเองก็เริ่มที่จะไม่แน่ใจมันขึ้นมา
เธอควรที่จะมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้ แต่แล้วทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ ? เธออดที่จะสงสัยไม่ได้ สงสัยในความรักที่ลี่จุนถิงมีต่อเธอ เธอยังสงสัยว่าเธอเองนั้นคู่ควรกับลี่จุนถิงจริงๆแล้วหรือ
คำพูดเหล่านั้นของคนนอกเป็นไปได้ยังไงที่เจียงหยุนเอ๋อจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
จากสถานะของตัวเธอเองแล้วนั้น คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าลี่จุนถิงนั้นชอบเธอไปได้ยังไง แม้กระทั่งตัวเจียงหยุนเอ๋อเองก็เคยตกอยู่ในห้วงความคิดนี้มาก่อน และยากนักที่จะหาทางออกเจอ
และหลังจากนั้น พฤติกรรมต่างๆของลี่จุนถิงก็ได้บอกกับเจียงหยุนเอ๋อ ว่าเขาจริงใจกับเธอ เจียงหยุนเอ๋อถึงได้คลายความหวาดระแวงลง และตัดสินใจที่จะปฏิบัติต่อลี่จุนถิงด้วยความจริงใจ
แล้วตอนนี้ละ ?
เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเผชิญหน้ากับลี่จุนถิงด้วยอารมณ์แบบไหน
เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอไม่รู้ตัวว่าได้เดินมาถึงหน้าบันไดแล้ว และเธอกำลังจะสะดุดเข้ากับมัน พี่สะใภ้เฉินก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แล้วร้องห้ามเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้
“คุณผู้หญิง ระวังด้วยค่ะ ข้างหน้าคือบันได ”
เจียงหยุนเอ๋อได้สติขึ้นมาทันที มองไปยังบันไดตรงหน้าในใจก็ยังคงมีความหวาดกลัวที่หลงเหลืออยู่
หากไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้เฉินร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน ตัวเธอเองคงได้เดินชนมันเข้าไปแล้วแน่ๆ
หากเธอสะดุดหกล้มไปคงไม่เป็นอะไรมากประเด็นคือ……ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่