บทที่ 423 โง่เกินไป

สีหน้าของลี่จุนถิงไม่สู้ดีนัก เขากังวลใจว่า หากเจียงหยุนเอ๋อได้กลิ่นของหญิงสาวอื่นบนตัวเขา ไม่รู้จะถูกลงโทษหรือเปล่า

เมื่อเห็นสีหน้าของลี่จุนถิงที่หมองหม่น เคธี่ก็เอ่ยพูดไปว่า :“โอเคๆ คุณอย่าโกรธไปเลยนะค่ะ ฉันจะพาคุณไปพบพ่อเดี๋ยวนี้”

หลังจากที่พูดจบเคธี่ก็กะจะไปดึงแขนของลี่จุนถิงอีก แต่ลี่จุนถิงจงใจเบี่ยงตัวหลบออก เคธี่กระทืบเท้า แล้วพูดอย่างไม่พอใจไปว่า:“ใจร้าย”

พอพูดจบก็เดินนำหน้าไป

แล้วก็มีลี่จุนถิงที่เดินตามมา

“คุณพ่อ” เคธี่โบกมือไปให้กับพ่อตัวเอง

เมื่อพ่อของเคธี่ที่กำลังคุยกับคนอื่นอยู่พอเห็นเคธี่ ก็เดินมาหาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“เคธี่ เป็นยังไงบ้างอยู่ที่นี่สนุกไหม ?” พ่อของเคธี่เอ่ยถามอย่างรักใคร่

เคธี่เดินไปแล้วมือคล้องไปยังแขนของคนเป็นพ่อ ตอบกลับไปด้วยเสียงที่ออดอ้อนว่า :“ดีมากค่ะ”

ในเวลานี้เอง พ่อของเคธี่ก็สังเกตเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเคธี่ ด้วยสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อ เขาสำรวจมอง แล้วหรี่ตาลง เอ่ยถามไปว่า:“คุณคนนี้คือ?”

เมื่อพูดถึงลี่จุนถิง รอยยิ้มบนใบหน้าของเคธี่ก็แทบจะซ่อนมันเอาไว้ไม่มิด ทำให้พ่อของเธอมองออกทันทีว่าลูกสาวตัวเองนั้นคิดยังไง

“พ่อค่ะ คนนี้เขาเป็นน้องชายของจุนซิน ชื่อลี่จุนถิงค่ะ”

“อ๋อ ? เหรอ?”คำตอบของพ่อเคธี่เย็นชาเล็กน้อย

แม้ว่าลี่จุนถิงเองจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเคธี่ แต่เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้เขาต้องละทิ้งโอกาสที่จะได้พูดคุยเกี่ยวกับโครงการนี้ไปได้

หลังจากได้อธิบายถึงความตั้งใจของการมาพบกับพ่อของเคธี่แล้ว พ่อของเคธี่ก็ขมวดคิ้วแทบจะทันที และอดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องการที่จะหลอกใช้เคธี่เพื่อให้ได้เข้าถึงตัวเขาเพราะโครงการนี้หรือไม่

แต่หลังจากได้พูดคุยกันไปเล็กน้อย เขาก็หลงเหลือเพียงความชื่นชมในตัวของลี่จุนถิงเท่านั้น

จากการสนทนาของเขากับลี่จุนถิง เขารับรู้ได้ถึงความสามารถที่มีในตัวของลี่จุนถิง แล้วก็ยังเคยได้ยินชื่อเสียงของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมาบ้างพอสมควร ลี่จุนถิงมีความเก่งกาจแค่ไหนก็พอจะนึกภาพออก

พ่อของเคธี่พึงพอใจกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งนี้กับลี่จุนถิง แต่ในงานเลี้ยงแบบนี้ ก็มีหลายคนที่คอยจะหาโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องของธุรกิจ และสักพักพ่อของเคธี่ก็ถูกตามตัวออกไป

ก่อนไปนั้น เขาก็เอ่ยกับลี่จุนถิงว่า:“พองานเลี้ยงเลิกแล้ว เราค่อยมาคุยกันต่อ”

ลี่จุนถิงพยักหน้ารับทันที :“ได้ครับ”

พ่อของเคธี่เดินจากไป ลี่จุนถิงยืนอยู่ที่เดินสักพัก และกำลังจะหาที่นั่งเพื่อนั่งรอ แต่กลับถูกเคธี่ดึงแขนเสื้อเอาไว้

แทบไม่ต้องคิด ลี่จุนถิงสลัดแขนออกทันที แล้วจ้องมองไปที่ เคธี่ด้วยสายตาตำหนิ

เมื่อมองไปยังดวงตาของลี่จุนถิง เคธี่ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า :“ฉันช่วยคุณขนาดนี้ จะไม่พูดขอบคุณสักคำเลยเชียวเหรอ?”

ลี่จุนถิงชำเลืองมองเธอไปแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า:“ต่อให้ไม่มีคุณ ผมก็จะหาวิธีเพื่อให้ได้เจอกับเขาได้อยู่ดี”

เคธี่รู้สึกจุกกับคำพูดของลี่จุนถิงแต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรกลับไปได้

มันเป็นเรื่องจริง ตามสถานะและความสามารถของลี่จุนถิงแล้ว อยากจะพบกับพ่อเธอก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร มันเป็นวิธีการที่โง่เพียงแค่เพราะต้องการที่จะเข้าถึงตัวชายหนุ่ม

ยังไงเสีย เคธี่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจกับกิริยาท่าทางที่เฉยเมยของลี่จุนถิงแบบนี้อยู่ดี เธอเบะปากแล้วพูดไปว่า :“ไม่ว่ายังไง มันก็ทุ่นแรงคุณไปได้บ้างนั่นแหละ?”

ลี่จุนถิงไม่ได้ต้องการจะรับน้ำใจนี้ไว้ เขาเดินผ่านหน้าหญิงสาวไปเพื่อหาที่นั่งรอ

เคธี่เองที่อยากจะเดินตามแล้วพูดคุยกับเขาอีกสักสองสามคำ แต่ก็เห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม ราวกับมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยปรึกษากับลี่จุนถิง

ในตอนนี้เอง เคธี่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปกวน ได้แต่นั่งลงยังบริเวณข้างๆ แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ลี่จุนถิงตลอด

หลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้ว พ่อของเคธี่ก็เดินมาหาลี่จุนถิงตามที่ได้นัดแนะกันเอาไว้ก่อนหน้าเพื่อดื่มด้วยกันเล็กน้อย พ่อของเคธี่ก็เป็นคนมากความสามารถคนหนึ่ง ลี่จุนถิงเองก็ชื่นชมในตัวเขาอยู่มาก เขาทั้งสองคนต่างพากันดื่มไปคุยไป และก็คุยกันถูกคอเป็นอย่างดี

เพราะทั้งสองคนต่างก็ชื่นชอบในมุมมองของกันและกัน จนผ่านไปสักพักใหญ่ๆลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้มองดูเวลา โดยไม่รู้ตัวก็ดื่มกับพ่อของเคธี่ไปมากโขแล้ว เวลานี้ตัวเองก็มีสภาพที่มึนเมาพอสมควร

หลังจากการได้พูดคุยกันในครั้งนี้พ่อของเคธี่เองก็รู้สึกพอใจในตัวลี่จุนถิงเป็นอย่างมาก และไม่น่าแปลกใจทำไมลูกสาวตัวเองถึงได้สนใจในตัวชายหนุ่ม

ขณะที่ลี่จุนถิงลุกยืนขึ้นนั้น ร่างกายซวนเซยืนไม่นิ่ง เคธี่ที่อยู่ข้างๆรีบเข้ามาพยุงเอาไว้ทันที ยังถามด้วยความเป็นห่วงไปว่า :“จุนถิง คุณโอเคไหม?”

แม้สติของลี่จุนถิงจะเริ่มเลือนราง แต่ก็ยังพอรู้สึกตัวว่าคนข้างกายเขานั้นเป็นใคร ยังคงมีท่าทีที่เย็นชาเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไร”

เขาขยับตัวให้หลุดจากมือของเคธี่ แล้วกำลังจะออกไปด้านนอกด้วยตัวเอง สายตาของพ่อเคธี่มองสลับไปมาระหว่างลูกสาวกับชายหนุ่ม จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วพูดกับเคธี่ไปว่า:“เคธี่ พ่อว่าลูกไปส่งจุนถิงเขาเถอะ”

ประโยคนี้ช่างถูกใจเคธี่นัก เธอรีบพยักหน้ารับทันที แล้วพูดว่า:“ได้ค่ะ”

ลี่จุนถิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วปฏิเสธออกไปทันทีว่า :“ไม่เป็นไรครับ ผมให้คนขับรถมารับดีกว่า”

“เฮ้ย จะทำให้มันยุ่งยากทำไมละ ? เมื่อกี้เคธี่เองก็ไม่ได้ดื่ม ไม่เป็นไรหรอก ”พ่อของเคธี่ยังคงยืนยันหนักแน่น

ลี่จุนถิงเงียบและไม่ได้พูดอะไรต่อเคธี่ก็ถือว่าเขายอมรับข้อเสนอแล้ว เลยพยุงลี่จุนถิงไปขึ้นรถ

บนรถ ลี่จุนถิงที่นั่งอยู่เบาะหลังกำลังหลับพักสายตาอยู่ ไม่แม้แต่จะคุยกับเคธี่เลยสักคำ

แม้ว่าเคธี่นั้นอยากที่จะคุยกับลี่จุนถิงอยู่ไม่น้อย แต่เห็นสภาพที่เหนื่อยล้าของเขาแบบนี้แล้วก็ไม่อยากจะรบกวน อีกอย่าง ตอนนี้ได้อยู่กับเขาเพียงลำพัง มันก็มากพอสำหรับเธอแล้ว

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงบ้านของลี่จุนถิงแล้วเคธี่เองก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย

รู้แบบนี้คงจะขับให้ช้ากว่านี้…… เธอบ่นพึมพำในใจเงียบ ๆ

แต่แล้ว ลี่จุนถิงที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังก็ลืมตาขึ้น มองไปยังนอกหน้าต่างที่มีวิวทิวทัศน์ที่คุ้นตา เขาเอ่ยพูดเสียงเบาว่า:“ขอบคุณครับ คุณส่งผมลงตรงนี้ก็พอ”

เขาเปิดประตูรถ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายเสียการทรงตัว เคธี่รีบลงจากรถมาเพื่อช่วยประคองเอาไว้ เอ่ยพูดเสียงเบาไปว่า:“ดูคุณสิ ดื่มไปซะขนาดนั้น ให้ฉันช่วยพยุงคุณเข้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวล้มลงระหว่างทางจะทำยังไง ?”

ลี่จุนถิงไม่ได้พูดอะไร รู้สึกเพียงปวดหัวและวิงเวียน ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะผลักเคธี่ออกไป