บทที่ 324-2 คืบหน้า (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 324 คืบหน้า (2)

กู้เจียวเดินผ่านลานด้านหน้าเรือนเข้าไปยังห้องโถง จังหวะที่นางกำลังจะเดินไปห้องฝั่งตะวันตก ก็เหลือบไปเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดแง้มไว้ ภายในจุดตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่ง เซียวลิ่วหลังกำลังอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้นใต้แสงไฟนั้น

ปกติแล้วประตูห้องหนังสือไม่เคยเปิดแง้มไว้ ยิ่งยามที่เซียวลิ่วหลังอ่านหนังสืออยู่ยิ่งแล้วใหญ่

แต่ยามนี้ทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่วงกบไปจนถึงธรณีประตูราวกับกำลังร่ำร้องออกมาอย่างไร้เสียงว่า ‘รีบเข้ามา รีบเข้ามา รีบเข้ามา’

กู้เจียวก็เดินเข้าไปตามคาด

ห้องหนังสือยังคงสะอาดเรียบร้อยเหมือนเช่นเคย ตำแหน่งตรงข้ามกับประตูใหญ่คือโต๊ะหนังสือของเซียวลิ่วหลัง ทว่าช่วงนี้เสี่ยวจิ้งคงมักจะมาใช้โต๊ะด้วยบ่อยๆ บนโต๊ะจึงถูกหนังสือตำราและอุปกรณ์การเขียนของเสี่ยวจิ้งคงแย่งพื้นที่ไปกว่าครึ่ง

ส่วนอาณาเขตอีกครึ่งหนึ่งที่เป็นของเซียวลิ่วหลังนั้น มีกล่องบุผ้าไหมฝีมือประณีตวางตั้งอยู่ในตำแหน่งสะดุดตา

เก้าอี้ของเซียวลิ่วหลังหันหน้าชนประตู เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นราวกำลังจมดิ่งอยู่ในมหาสมุทรแห่งวิชาคำนวณ

ตั้งแต่เขาได้ตำราวิชาคณิตศาสตร์ชั้นสูงจากแคว้นเยียน ทุกคืนเขาจะหาเวลาวิเคราะห์โจทย์ กู้เจียวเห็นจนชินตาแล้ว

แต่ก็ยังรู้ว่ามีบางอย่างแปลกไป

บรรยากาศพิลึกชอบกล

ฝั่งตรงข้ามของเขามีเก้าอี้ตั้งอยู่

คล้ายกับว่ากำลังรอให้คนมานั่ง

กู้เจียวเดินมาหยุดอยู่หน้าเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วนั่งลง “ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าเข้าวัง”

เซียวลิ่วหลังตอบเสียงขรึม “ใช่ ไปเยี่ยมท่านย่าน่ะ”

เจ้ากล่องนั้นก็วางได้ตำแหน่งเสียเหลือเกิน กู้เจียวยื่นมือออกไปก็ถึงแล้ว นางเคาะเจ้ากล่องใบนั้น “ท่านย่าให้มาหรือ”

“อืม” เซียวลิ่วหลังพยักหน้าใบหน้าเคร่งขรึม

เจ้าจะเปิดดูก็ได้

สายตาเขาบอกอย่างไร้เสียง

คราวนี้ไม่ใช่การโอ้อวด แต่เป็นการแบ่งปัน แบ่งปันสิ่งที่ตนได้รับและความสุขใจ

ระหว่างทางกลับเขาคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรู้สึกเช่นนี้คืออะไร เอาเป็นว่า…อยากเล่าเรื่องราวให้นางฟัง

“ข้าขอดูหน่อย” นางเอ่ย

เซียวลิ่วหลังผงกหัวหน้านิ่ง

กู้เจียวเปิดกล่องบุผ้าไหมนั้น

นางมองสิ่งของที่อยู่ในกล่อง แต่เซียวลิ่วหลังกลับจ้องมองนาง

นั่นทำให้เขาหวนนึกถึงตอนเป็นเด็ก ยามเรียงความของเขาได้รับคำชมจากอาจารย์ เขาจะถือเรียงความวิ่งไปที่จวนองค์หญิง อยากจะบอกให้องค์หญิงซิ่นหยางรู้จนแทบทนไม่ไหว

ยามองค์หญิงซิ่นหยางอ่านเรียงความของเขาและความเห็นของอาจารย์ เขารู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่า

เหมือนกับตอนนี้

เพราะอะไรน่ะหรือ

ใส่ใจกระมัง

“เยอะกว่าที่ข้าคิดไว้อีกนะเนี่ย” กู้เจียวนึกว่าท่านย่าชดเชยของขวัญที่ไม่เคยได้มอบให้เพียงเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมากมายถึงเพียงนี้ มิน่าล่ะเสี่ยวจิ้งคงถึงได้อิจฉาปานนั้น

แต่ที่มอบของให้ครั้งนี้ คงมีเหตุผลอื่นด้วยกระมัง

ท่านย่ากับเขามีเรื่องเข้าใจผิดกันไม่ใช่หรือ

ดูท่าทางยามนี้เรื่องเข้าใจผิดนั้นคงคลี่คลายแล้วสินะ

กู้เจียวมุมปากยกยิ้ม หันไปมองเขาพลางเอ่ย “ท่านย่ารักเจ้ามาก”

มุมปากคว่ำของเซียวลิ่วหลังยกยิ้มขึ้นเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ให้เจ้า”

“อันไหนให้ข้า” กู้เจียวมองของราคาแพงในกล่องพลางถาม

“ให้เจ้าทั้งหมด” เซียวลิ่วหลังตอบ

กู้เจียวตาเบิกโพลง “เยอะมากเลยนะ”

เซียวลิ่วหลังเห็นความประหลาดในแววตาของนาง มุมปากก็คว่ำลงอีกครั้ง ก่อนจะหยิบถุงเงินในอกแล้วยื่นให้นาง “แล้วก็ค่าใช้จ่ายในบ้านของเดือนนี้”

ว้าว นางกลายเป็นเศรษฐีแล้วสินะเนี่ย!

กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ มองถุงเงินก่อนจะมองของในกล่อง วินาทีนั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เซียวลิ่วหลังจ้องลึกมองไปที่นาง ใบหน้าตกตะลึงอ้าปากเผยอนั้น เรียกสายตาเขา ดึงดูดให้เขาขยับเขาไปใกล้อย่างไม่รู้ตัว

เขามองดวงแก้มที่ค่อยๆ ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้า หัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมา

ราวกับโลกทั้งใบเงียบสงัด มีเพียงเสียงหัวใจเขาที่เต้นดังเหมือนกลองรัว

“ท่านพี่! ท่านอยู่ที่นี่เองหรือ!”

กู้เสี่ยวซุ่นวิ่งพรวดเข้ามา

คงเป็นเพราะเปิดประตูทิ้งไว้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวลิ่วหลังจะจูบพี่สาวของเขาในตอนนี้

แน่นอนอยู่แล้วว่าเซียวลิ่วหลังนั้นว่องไวพอ เขายังไม่ทันได้จูบก็นั่งพรวดลงที่เก้าอี้ดังเดิม ถอยห่างจากกู้เจียวหนึ่งหมื่นแปดพันลี้!

กู้เสี่ยวซุ่นเกาหัวแก้เก้อ ‘ข้าเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนไม่เห็นอะไรเลย!’

ช่างเถิด!

เรื่องสำคัญจะรอไม่ได้

“พี่เขย” เขาทักทายเซียวลิ่วหลัง

เซียวลิ่วหลังสายตาคับแค้นใจ

กู้เสี่ยวซุ่น “…”

กู้เสี่ยวซุ่นมาเพื่อขอให้กู้เจียวช่วยซ่อมมีดของตนเอง เขามีมีดเล่มหนึ่งที่ด้ามจับหลุด แต่เขาต่อเองไม่เป็น

“ได้ ข้าจะไปดูให้” กู้เจียวพยักหน้า วางเงินรายเดือนไว้ในกล่องแล้วหอบกล่องออกไปจากห้องหนังสือพร้อมกับกู้เสี่ยวซุ่น

เซียวลิ่วหลังเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง

เขาเศร้าเล็กน้อย

แต่ไม่รู้ว่าเศร้าเรื่องอะไร

กลางดึก คนทั้งบ้านต่างหลับใหล เซียวลิ่วหลังขยี้ดวงตาที่บวมเป่งก่อนจะพับหนังสือลงแล้วเก็บกลับเข้าชั้น ตั้งใจว่าจะไปนอนแล้ว

เขาเดินมาถึงห้องโถง ก็พบเงาของใครคนหนึ่งกำลังนั่งตากลมอยู่บนชิงช้าที่เพิ่งสร้างใหม่หน้าลานบ้าน

บนโครงชิงช้าจุดธูปไล่ยุงที่กู้เจียวผสมขึ้นเอง

พอเห็นเซียวลิ่วหลังเดินออกมา เงาร่างเล็กบนชิงช้าก็หยุดลงในทันใด นางลงจากชิงช้าแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวลิ่วหลัง “เจ้าทำงานเสร็จแล้วหรือ”

เซียวลิ่วหลังมองนางงุนงง “เจ้ายังไม่นอนอีกรึ” เขาชะงักไปก่อนเอ่ยถาม “รอข้าหรือ”

“อืม” กู้เจียวพยักหน้า ดวงตากลมโตสุกใสราวกับสายน้ำกำลังมองมาที่เขา

เขาเคยเห็นว่าดวงตาคู่นี้เย็นชากับผู้คนมากมาย แต่ยามนี้กลับว่าง่ายแสนใสซื่อ นัยน์ตาของนางสะท้อนแสงเทียนจากระเบียง ทั้งยังสะท้อนท่าทางตกตะลึงของเขาด้วย

“เจ้า…” เขาอ้าปากเผยอ ระยะห่างระหว่างทั้งสองนั้นค่อนข้างใกล้ หัวใจของเขาเต้นถี่รัวขึ้นมาอีกครั้ง

กู้เจียวเขย่งปลายเท้า

ตัวสูงขึ้นแล้วสินะ

ต้องเขย่งปลายเท้าถึงจะเอื้อมถึง

เซียวลิ่วหลังเห็นใบหน้าของนางที่เข้ามาใกล้ตัวเองอย่างกะทันหัน แววตาก็ไหววูบ หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกมานอกอก เขากุมอกไว้ พยายามสงบนิ่ง “เจ้า…”

กู้เจียวเขย่งเท้าค้างท่านั้นไว้ ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาแสนเชื่อฟัง “เมื่อครู่อยากทำเช่นนี้ไม่ใช่หรือ”

อยาก…อะไร

เลือดลมของเซียวลิ่วหลังพลุ่งพล่านไปถึงกลางกระหม่อม

เขาไม่ใช่คนโง่ มีหรือจะไม่เข้าใจที่นางพูด

นางจับได้แล้ว…นางจับได้ได้อย่างไร แถมยังแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีพิรุธให้กู้เสี่ยวซุ่นได้เห็นแม้แต่นิด

กู้เจียวเอียงศีรษะน้อย “ถ้าไม่อยาก ข้าไปล่ะ”

นางพูดจบก็วางส้นเท้าที่เขย่งลง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องฝั่งตะวันออก

ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวออกไป ก็ถูกเซียวลิ่วหลังคว้าข้อมือเอาไว้

ฝ่ามือของเขาร้อนผ่าว แฝงไปด้วยแรงที่ไม่อาจขัดขืน ก่อนจะรั้งนางมาอยู่ตรงหน้าตนเอง มือข้าหนึ่งกุมข้อมือของนางไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็โอบรวบเอวบางของนาง

ลมหายใจของเขาไม่เป็นจังหวะ

เขายกมือขึ้นปิดดวงตาของนาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาอย่างอ่อนโยน

แสงจันทร์รำไรส่องแสงนวลไปทั่วทั้งห้อง

ยามฟ้าใกล้สาง เสี่ยวจิ้งคงก็ตื่นขึ้นมาเหมือนเช่นเคย สิ่งแรกที่เขาทำคือการแกะผ้าพันแผลบนหัวออก จากนั้นก็ไปที่กระจกสำริดเพื่อดูดวงหน้าน้อยของตัวเองที่ความจริงแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “จุ๊บจุ๊บของข้างอกแล้ว!”

เขาวิ่งตึงตังออกมาไปที่ลานท้ายเรือน ก่อนจะตักน้ำครึ่งกระบวยขึ้นมาวางไว้บนเก้าอี้หิน ใช้นิ้วมือวักน้ำขึ้นมาพรมเบาๆ บนใบหน้าของตัวเอง

“ล้างหน้าหรือ จิ้งคง” แม่นมฝางถามด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวจิ้งคงทำท่าครุ่นคิดพลางเอ่ย “ข้าไม่ได้ล้างหน้า ข้ากำลังรดน้ำให้จุ๊บจุ๊บ!”

แม่นมฝางหัวเราะท้องแข็ง

เซียวลิ่วหลังเดินออกมาจากครัว ในมือถือน้ำอ่างหนึ่ง เขาวางอ่างน้ำลงบนโต๊ะหิน ก่อนจะวักน้ำสาดใบหน้าตัวเองจนเปียกชุ่มยันริมฝีปาก

เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยเสียงเย้ยหยัน “เจ้าก็มาล้างหน้าหรือ”

เซียวลิ่วหลังยักคิ้วหลิ่วตาพลางเอ่ย “เปล่า ข้ามารดน้ำ”

เสี่ยวจิ้งคง “…!!”