ตอนที่ 278 ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ดูทีสิว่ามีผู้ใดอยู่ที่นั่น (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 278 ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ดูทีสิว่ามีผู้ใดอยู่ที่นั่น (2)

ที่นี่มีห้าปรมาจารย์ที่อยู่ในระดับเดียวกับผู้บำเพ็ญเหวินจิงจริงๆ…

ปรมาจารย์เซียนจินธรรมดาเฉกเช่น นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่ว เจ้าสำนักตู้เซียนมากกว่าสองหรือสามร้อยคนที่นี่และส่วนใหญ่จะดุร้ายและเต็มไปด้วยกรรมมาก!

นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีปรมาจารย์ที่ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมาตรงๆ ตัวอย่างเช่น นักพรตเต๋าสี่คนที่มีรูปร่างสูง เตี้ย อ้วนและผอม ซึ่งถือสมบัติเฉียนคุน และนำกองกำลังชั้นยอดมาหลายแสนคน…

บัดนี้ ศึกวังผลึกแก้วกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

ในสำนักบำเพ็ญประจิม ชายชราผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืดส่งเสียงตะโกนใส่วังผลึกแก้วอย่างเย็นชา และเสียงนั้นก็แผ่กระจายออกไปใต้ทะเลหลายพันลี้

“สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ใด เผ่ามังกรกดขี่ข่มเหงและรังแกเผ่าทะเลมานาน และวันนี้ เผ่าทะเลก็ต้องการแสวงหาความยุติธรรมจากเผ่ามังกร”

ทันใดนั้น เสียงมังกรคำรามก็ดังขึ้น ตอบรับเขาอย่างชัดเจน

มังกรครามหลายร้อยตัวต่างพากันบินออกมาจากวังผลึกแก้ว แต่ละตัวแล้วนแผ่กลิ่นอายลมปราณของตนออกมาแล้วเข้าประจัญบานกับอีกฝ่ายในทันที

ที่ด้านหน้าของกลุ่มมังกรครามนั้น มีชายชราที่ดูสูงวัยมากจำนวนสิบเอ็ดคน พวกเขาทั้งหมด ล้วนแผ่พุ่งอักขระเต๋าซึ่งเหมือนทะเลที่แตกต่างกันไปในขณะมีที่กลิ่นอายลมปราณเหมือนภูเขา

ทั้งสวรรค์และปฐพีล้วนโศกศัลย์!

นี่คือ ปรมาจารย์แห่งสงครามในยุคโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยทำลายโลกบรรพกาลด้วยมือของเขาเอง!

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วขณะที่มองดูอยู่ข้างๆ…

ไม่เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามจะมีปรมาจารย์จำนวนมากเกินกว่าที่เขาคาดไว้ แต่ยังอาจกล่าวได้ว่า ฝ่ายเผ่ามังกรยังซ่อนเร้นความสามารถของพวกเขาเอาไว้อีกด้วย

แน่นอนว่า มันไม่ง่ายที่จะรับมือพวกเขาเลย

เมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน ต่างก็ไม่เอ่ยวาจาใดแม้สักคำ!

มังกรครามหลายร้อยตัวบินวนเวียนไปรอบๆ แล้วพุ่งเข้าใส่กองทัพศัตรูในขณะที่ด้านหลังของพวกเขามีกองทหารหลายหมื่นคนที่รับผิดชอบในการป้องกันวังผลึกแก้ว

ปรมาจารย์จากทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจกันอย่างมาก พวกเขารีบออกจากสถานที่ที่กองทัพกำลังกำลังรบพุ่งกันอยู่ ในพื้นที่ทะเลรอบๆ วังผลึกแก้ว วันนี้ พวกเขาได้เริ่มเปิด ‘การต่อสู้ขั้นสูง’ ขึ้นแล้ว!

หลี่ฉางโซ่วไม่อาจเข้าร่วมในการต่อสู้นั้นได้ เขาทำในสิ่งที่เขาทำได้เท่านั้น

บัดนี้ กองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าได้เข้าประจำที่แล้ว

กองกำลังเสริมของศาลสวรรค์ปรากฏขึ้นเหนือวังมังกรทะเลบูรพาแล้ว และพร้อมจะเข้าสู่สนามรบได้ทุกเมื่อ

ในขณะนี้ ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนซ่อนอยู่ในวังมังกรทะเลบูรพา ในอีกครึ่งชั่วยามข้างหน้าก็จะรู้ว่า เหตุการณ์เรื่องนี้จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยหรือไม่!

ทว่าก่อนหน้านั้น…

“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านใช้กระจกตรวจจับปรมาจารย์ของฝ่ายคู่ต่อสู้ได้หรือไม่ขอรับ? เป็นสตรีที่แข็งแกร่งยิ่ง ร่างหลักของนางคือยุง ซึ่งเมื่อแปลงร่างแล้ว นางก็ดูมีเสน่ห์เย้ายวนมาก”

“ให้ข้าหาดู… นี่?”

บัดนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่กระจกผลึกแก้ว

ในกระจกนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิง ซึ่งอยู่ในชุดสีแดง แผ่ไอสีดำออกมารอบร่างอย่างต่อเนื่อง และเขาก็มองทะลุผ่านเห็นภาพรอบกายนางที่ถูกบดบังเอาไว้ทั้งหมด

นางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย และชี้นิ้วไปที่หน้าผากของมังกรครามตัวยาวร้อยจั้ง มังกรครามทรุดตัวลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แล้วกลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา…

“หือ…”

ผู้บำเพ็ญเหวินจิงส่งเสียงขึ้นจมูกเบาๆ ใบหน้างดงามของเขานางแดงก่ำเล็กน้อย เผยความรู้สึกพึงพอใจออกมา เขาเหลือบมองเพียงแวบเดียว ก็รู้ทันทีว่านางพอใจ ในขณะที่ไอสีดำรอบกายของนางหนาขึ้นเล็กน้อย

นางแย้มยิ้มมีเสน่ห์โดยไม่รู้ว่าในเวลานี้ การปลอมตัวของนางทั้งหมดล้วนถูกมองทะลุผ่านแล้ว สีหน้าท่าทางของนาง ล้วนอยู่ในสายตาของปรมาจารย์เต๋าผู้ครองหยางบริสุทธิ์ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม อย่างละเอียดสมบูรณ์

ในขณะนั้น แม้เปลวเพลิงที่รุนแรงของผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะแข็งแกร่ง แต่นางก็จงใจถ่วงเวลาให้ล่าช้าและไม่รีบร้อนจะเข่นฆ่ามังกร

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “นางคือ ผู้ที่โจมตีสำนักตู้เซียน”

“ใช่ ใช่ แต่บัดนี้ นางเป็น… หนึ่งในพวกเราแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างรู้สึกผิด

“โอ้?” ดวงตาของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เปล่งประกายพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก พลังแห่งสามดาวมงคลยังไม่พอใจ เจ้ายังหลอกแม้แต่สัตว์ดุร้ายที่ยากจะปราบให้เชื่องเช่นนั้นได้ในขณะที่ความแข็งแกร่งของเจ้าก็ยังอ่อนด้อยกว่านางมากนัก”

เอ่อ ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่?

ท่านเองนั่นแหละที่อยากจะเป็นคู่หมายดูใจกับนางในอนาคต ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านปรมาจารย์ไทชิงเป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้เองนะ แล้วเกี่ยวอันใดกับศิษย์น้อยเช่นข้าเล่า?

ว่าแต่ที่กล่าวว่า พลังแห่งสามดาวมงคลนั้นคืออันใดกัน?

ขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะชี้แจง จู่ๆ ก็ใจสั่นสะท้านขึ้นกะทันหัน จากนั้นก็ก็รีบกล่าวทันทีว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ขอไปจัดการเรื่องอื่นก่อนนะขอรับ”

“ไปเถิด” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เสวียนตูโบกมือแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงที่นี่ หากเผ่ามังกรต้านไม่อยู่ ข้าจะปกป้องพวกเขาเอง”

“ขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว แล้วเพ่งจิตไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ร่องน้ำลึกซึ่งห่างออกไปหลายแสนลี้

บัดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นี้ก็กลายร่างเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ของปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้วารีเร้นกายแล้วรีบพุ่งไปที่ร่องน้ำลึกที่ก้นทะเลในทันที

ร่องน้ำลึกที่ก้นทะเลนั้นลึกมาก แต่มีความผันผวนเป็นระลอกจากทักษะการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่ด้านล่าง

ทันทีที่เขาใช้การหลบหนี พุ่งไปได้ไกลหลายร้อยจั้ง ก็มีคลื่น “โลหิต” พุ่งมาจากด้านหน้า และในกระแสโลหิตนั้น ก็มีเศษซากของเผ่ามังกรปะปนมาด้วย

หลี่ฉางโซ่วหลีกเลี่ยง “กระแสโลหิตและหลบหนีไปจนสุดทาง เศษซากร่างของเหล่ามังกรแท้ที่หลงเหลืออยู่ ยังปรากฏให้เห็นอยู่ด้านล่างเขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรอยบาดแผลบนซากร่างเหล่านี้ดูแบนราบมาก

เมื่อครู่ก่อนนี้ ร่างอันแข็งแกร่งของมังกรแท้เหล่านี้ ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้…

ใต้ร่องลึกนี้มีตราประทับมังกรแท้แห่งดวงตาทะเลบูรพา! เมื่อมองดูจากลักษณะนี้ ย่อมรู้ว่า จักจั่นสีทองหกปีกได้พุ่งเข้าไปยังส่วนลึกอย่างไร้อุปสรรคขัดขวางใดๆ ซึ่งนั่น เกินกว่าที่หลี่ฉางโซ่วคาดคิดเอาไว้จริงๆ

สัตว์ร้ายตัวนี้ยังเป็นปรมาจารย์ในระดับเดียวกับผู้บำเพ็ญเหวินจิงหรือไม่?

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าของหลี่ฉางโซ่วเพียงอยากถ่วงเวลาอีกฝ่ายเอาไว้ชั่วคราวเพื่อรอจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงเท่านั้น

เมื่ออีกฝ่ายมาถึงดินแดนของดวงตาแห่งท้องทะเลแล้ว ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก…

หนทางที่ง่ายที่สุดคือ การทำลายผนึกของดวงตาแห่งท้องทะเล และสร้างมลพิษให้ทะเลบูรพาทั้งหมดจนกระทั่งหลังจากศึกสู้แล้ว เผ่ามังกรก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ชีวิตของพวกเขาเองเพื่อเติมเต็มดวงตาแห่งท้องทะเลอีกครั้ง…

เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว ก็มีโอกาสน้อยนักที่อีกฝ่ายจะทำเช่นนั้น

หากทำลายดวงตาแห่งท้องทะเล ก็อาจจะไปกระตุ้นสายฟ้าเทพสวรรค์ม่วงในทันที และนั่นจะเกิดกรรมใหญ่หลวงเกินไปจริงๆ

ยิ่งกว่านั้น สำนักบำเพ็ญประจิมน่าจะมุ่งมั่นปราบเผ่ามังกรโดยไม่ลดทอนความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรลงมากนัก

หลี่ฉางโซ่วเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะใช้เศษซากที่เหลือของ ‘มังกรถมทะเล’ ที่นี่เพื่อทำเอะอะสร้างปัญหา…

หือ?

จักจั่นสีทองหกปีก…

ดูเหมือนว่า เขาจะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ร้ายตัวนั้นมาในชีวิตก่อนหน้านี้ มีพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะกลับชาติมาเกิดจากมัน…

มันเป็นผู้ใดกัน?

หลี่ฉางโซ่วทำมุทราหยั่งรู้แล้วรำลึกถึงความทรงจำของเขา ในเวลานี้ เขายังคงใช้หลีกลี้วารีเร้นกายพุ่งเข้าไปในค่ายกลที่ถูกทำลาย และบังเอิญเห็น…จักจั่นสีทองหกปีกเคลื่อนไหวแวบวาบไปมาสองสามครั้งและทิ้งภาพติดตาเอาไว้เล็กน้อย จากนั้นก็ร่างของผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสองถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่พวกเขายังคงสะบัดมือ ขว้างเครื่องมือเวทออกไปข้างหน้า…

จักจั่นสีทองกระพือปีกบาง ๆ ทั้งหกปีกเบาๆ ในขณะที่เลือดที่ติดอยู่กับตัวมันก็หายไปในพริบตา

จากนั้น จักจั่นสีทองหกปีกก็ส่ายไปมาแล้วกลายร่างเป็นนักพรตเต๋าหนุ่มในแสงสีทอง ใบหน้าขาวดูหล่อเหลา งามสง่า แต่รอยยิ้มมีเสน่ห์ของเขาแฝงเร้นรอยชั่วร้าย

จักจั่นทองหกปีกบ่นว่า “เผ่ามังกรเสื่อมถอยแล้วจริงๆ พวกเขาโดดเดี่ยวและอ่อนแอมากจนไม่อาจต้านทานการโจมตีได้แม้แต่น้อย”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยั่งรู้ผลลัพธ์ได้ในใจแล้วและเศษเสี้ยวความทรงจำจากชีวิตในชาติก่อนของเขา

จักจั่นทองหกปีก…จักจั่นทอง…บัดซบ!

นี่คือภิกษุขาวร่างท้วมที่เอาแต่ร้องตะโกนว่า ‘ไม่ได้ สีกาทำไม่ได้’ ใช่หรือไม่?

แล้วก่อนกลับชาติมาเกิดครั้งที่สิบ พระถังเซิง[1]จะดุร้ายน่ากลัวมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?

เมื่อเห็นว่านักพรตเต๋าหนุ่มหยิบไข่มุกสีโลหิตออกมาและกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง หลี่ฉางโซ่วก็ไม่สนใจสิ่งใด ทันใดนั้น เขาก็ปรากฏกายขึ้นทันทีแล้วร้องตะโกนว่า “ช้าก่อน!”

………………………………………………………

[1] พระถังเซิงหรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม พระถังซัมจั๋งจากเรื่องไซอิ๋ว ทรงถูกเรียกขานในหลายพระนามเช่น ถังซานจั้ง (ซานจั้ง หมายถึงพระไตรปิฎก) ถังเสวียนจั้ง หวนกวาน เหียนซัง เหียนเซียง เซวียนซัง ส่วนพระนามถังเซิงนี้ ว่ากันว่า ได้รับมาจากฮ่องเต้ถังไท่จง ในฐานะที่พระถังเซิงทรงเป็นน้องบุญธรรมของพระองค์