ตอนที่ 765 โรงประมูลภูติอัคคี (8) / ตอนที่ 766 ผู้มั่งคั่งที่แท้จริง
ตอนที่ 765 โรงประมูลภูติอัคคี (8)
ปฏิกิริยาของจวินอู๋เสียนั้นแทบจะสังเกตไม่เห็นเลย ความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสายตาก็เบาบางมาก แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นั้นกลับไม่หลุดไปจากการสังเกตของจวินอู๋เย่าที่นั่งอยู่ข้างๆ นาง
เมื่อเห็นสายตาเย็นชาใสกระจ่างนั้นเจือไปด้วยความอับจนหนทาง จวินอู๋เย่าก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ในดวงตาใสกระจ่างของเด็กน้อยที่น่ารักของเขาคู่นั้น เขาไม่เคยเห็นความรู้สึกที่น่าจะแสดงอยู่แต่ในแววตาของ ‘คนธรรมดา’ แบบนี้เลยสักครั้ง
“มีอะไรหรือ” จวินอู๋เย่าถามเบาๆ เขาหันไปมองนางเล็กน้อยและก้มศีรษะลงมาพูดอย่างอ่อนโยน
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดใบหูของนาง จวินอู๋เสียรู้สึกจั๊กจี้คอจากลมอุ่นๆ นั้น นางเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาที่หรี่ลงเกือบครึ่งของจวินอู๋เย่าซึ่งกำลังมองนางอย่างสงสัย
ความใกล้ชิดนั้นทำให้จวินอู๋เสียเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีดำสนิทของจวินอู๋เย่าอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไร” จวินอู๋เสียส่ายหน้า แต่ในใจกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางต้องทำเพื่อให้ได้บงกชโลหิตมา ถ้านางไม่มีเงินพอ…นางสงสัยว่านางจะสามารถใช้โอสถวิเศษแลกมันมาได้หรือไม่
จวินอู๋เสียยังคงมั่นใจในประสิทธิภาพของโอสถวิเศษที่นางมี นางมีทุกสิ่งที่วางแผนไว้แล้ว ในเมื่อราคาประมูลของบงกชโลหิตสูงกว่าเงินที่นางมี นางจะจำคนที่ชนะประมูลบงกชโลหิตเอาไว้ และจะไปตกลงกับคนผู้นั้นเป็นการส่วนตัวทีหลัง
คนที่นี่รู้จักวิธีใช้บงกชโลหิตแค่ไม่กี่วิธีเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเทียบยาของเยี่ยนปู้กุยเจาะจงว่าจะต้องใช้บงกชโลหิต นางก็มีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่สามารถใช้แทนกันได้ และผลของมันก็ดีกว่าผลของบงกชโลหิตเพียงอย่างเดียวเสียอีก
จวินอู๋เย่าเห็นสิ่งผิดปกติอย่างชัดเจน แต่จวินอู๋เสียก็ใจแข็งไม่ยอมบอก เขากวาดสายตาไปมองบงกชโลหิตสีแดงสดที่อยู่บนเวที
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์อยากได้ดอกบัวนั่นอย่างนั้นหรือ”
จวินอู๋เสียกำลังเพ่งสมาธิคำนวณหาวิธีที่นางจะสามารถแลกเปลี่ยนกับผู้ชนะการประมูลได้ เมื่อนางได้ยินคำถามของจวินอู๋เย่า นางจึงพยักหน้าอย่างเหม่อลอย
จวินอู๋เย่ายิ้มเล็กน้อย เขายืดตัวตรงขึ้นทันที
เมื่อราคาประมูลขึ้นถึงสี่ล้านแปดแสนตำลึง ก็เกิดความเงียบขึ้นยาวนาน สี่ล้านแปดแสนตำลึงเป็นจำนวนเงินที่เกินกว่าพ่อค้าผู้ร่ำรวยธรรมดาจะสามารถจ่ายได้ แม้แต่พ่อค้าผู้ร่ำรวยมากที่มีชื่อเสียงของรัฐเหยียนก็ยังถอนตัวจากการประมูลแล้ว
ขณะที่ทุกคนในห้องโถงกำลังคิดว่าบงกชโลหิตจะถูกขายด้วยราคา สี่ล้านแปดแสนตำลึง จู่ๆ เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นภายในห้องโถงกว้าง
“สิบล้าน”
นั่นเป็นเสียงที่ไพเราะน่าฟังมาก มันไม่ดังมากนักแต่ทุกคนที่นั่นต่างได้ยินอย่างชัดเจน
โรงประมูลที่อึกทึกเงียบสนิททันที…
สิบล้านตำลึง
นั่นมันตัวเลขบ้าอะไร!
กระทั่งพวกเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาลที่อยู่ในห้องโถงก็พากันหน้าซีดเมื่อได้ยินจำนวนตัวเลขที่มากมายขนาดนั้น
นั่นมันบ้าเกินไปแล้ว!
ราคาประมูลครั้งสุดท้ายของบงกชโลหิตแค่ สี่ล้านกว่าๆ เท่านั้นเอง แล้วชายหนุ่มผู้นี้ดันมันขึ้นไปเป็นสิบล้านเลยเนี่ยนะ!
นี่มันเกินสองเท่าเลยนะนั่น!
ทุกสายตาหันไปมองหาต้นเสียงโดยไม่เว้นเลยสักคน กระทั่งจวินอู๋เสียที่ก้มหน้าใช้ความคิดอยู่ก็ยังเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินราคาประมูลสิบล้านตำลึง และความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจก็คือ
นางจะต้องเสียโอสถวิเศษไปมากแน่ๆ
แต่แล้วจวินอู๋เสียก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด นางจำได้ว่าตอนที่นางได้ยินคำสองคำนั้น มันฟังดูแทบดังขึ้นข้างๆ หูของนางเลยทีเดียว และนางก็พบว่าเสียงนั้นฟังดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก!
นางรีบหันหน้าไปมองและเห็นจวินอู๋เย่ายกมือขึ้นเล็กน้อย เขาหันมามองนางยิ้มๆ
ที่โรงประมูลภูติอัคคี ผู้ประมูลจะต้องยกมือขวาขึ้นเวลาที่เสนอราคาประมูลเพื่อแสดงว่าพวกเขาคือคนที่ทำการประมูล…
ตอนที่ 766 ผู้มั่งคั่งที่แท้จริง
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เย่าอย่างสงสัย
จวินอู๋เย่าแค่ยิ้มและมองดูนางราวกับว่าทั่วทั้งสรวงสวรรค์และพื้นพิภพ ไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรให้เขาสนใจนอกจากนางเท่านั้น
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่เข้าใจเรื่องเงินๆ ทองๆ มากนัก แต่นางก็รู้ว่าราคาที่จวินอู๋เย่าเสนอไปนั้นแพงเกินกว่าราคาของบงกชโลหิตไปมากโข
ราคาประมูลก่อนหน้านี้อยู่ที่สี่ล้านแปดแสนตำลึง แล้วจู่ๆ ก็ขึ้นไปที่สิบล้านในทันที ทำให้ไม่มีการประมูลกันต่ออีก จบการแข่งประมูลทั้งหมดที่ตรงนั้น
หลังจากเกิดความเงียบสนิทขึ้นช่วงสั้นๆ ในห้องประมูล หลังคาของโรงประมูลทั้งหมดก็แทบจะพังลงมาเมื่อเกิดเสียงโห่ร้องดังกระหึ่มสะเทือนอาคารทั้งหลัง! ทุกคนหันหน้าไปมองผู้ประมูลสุดบ้าคลั่งและเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาจนน่าเหลือเชื่อ!
ผู้ที่ทำการประมูลบนเวทียังคงนิ่งอึ้ง เขาไม่คิดฝันว่าราคาของบงกชโลหิตจะขึ้นไปสูงจนน่าตกใจขนาดนั้น
สิบล้าน…
นั่นเป็นราคาที่ทำลายสถิติในประวัติศาสตร์อันยาวนานของโรงประมูลภูติอัคคีเลยทีเดียว และราคานั้นก็เป็นราคาของบงกชโลหิตแค่ดอกเดียวเท่านั้น…
นอกจากคำว่าบ้าแล้ว ก็ไม่มีใครคิดคำอื่นที่ดีกว่านี้ได้สำหรับการประมูลของชายหนุ่มผู้นั้น
จวินอู๋เย่ามองใบหน้าตื่นตกใจของจวินอู๋เสีย ดวงตายิ้มๆ ของเขามีประกายปลื้มใจเจือปนอยู่ เขายิ้มมุมปากและพูดอย่างขบขันว่า “ในเมื่ออยากได้ ก็ไม่จำเป็นต้องต่อรองราคาอะไรกันอีก” แทนที่จะแข่งกันประมูลทีละน้อย ทำไมไม่ดันราคาให้ขึ้นไปจนถึงระดับที่ไม่มีใครสู้ได้ไปเลยทีเดียวเล่า จวินอู๋เย่าไม่อยากจะเสียเวลากับคนที่โรงประมูลเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับเขาก็คือจวินอู๋เสียต้องการมัน ดังนั้นเขาก็จะเอามันมายื่นให้ตรงหน้านาง
จวินอู๋เสียกะพริบตา “แพงเกินไป”
นางเพิ่งคำนวณว่าสำหรับเงินจำนวนสิบล้านตำลึงแล้ว นางจะต้องใช้โอสถวิเศษมากเท่าไรมาแลกเปลี่ยน แม้ว่านางจะไม่เก่งเรื่องเงินทอง แต่อย่างน้อยนางก็สามารถคำนวณได้จากโอสถวิเศษที่ต้องใช้
“ไม่แพงเลยสักนิด” จวินอู๋เย่ายังคงยิ้ม
จวินอู๋เสียแทบจะไม่เคยขออะไรจากเขาเลย ด้วยนิสัยเก็บตัวและเย็นชาของเด็กสาว เขาจึงไม่สามารถเดาได้เลยว่าสิ่งไหนที่นางสนใจ เตาหลอมโอสถกับบงกชโลหิตในวันนี้เป็นเพียงสองอย่างที่จวินอู๋เย่าสามารถเห็นได้ว่านางต้องการ
ถ้าเป็นเด็กสาวคนอื่น แค่เพชรพลอย เครื่องประดับ ของมีค่า เสื้อผ้าสวยๆ ก็ชนะใจพวกนางได้ง่ายๆ แล้ว แต่ด้วยนิสัยของจวินอู๋เสีย ต่อให้เขาถมห้องนางให้เต็มไปด้วยสิ่งของพวกนั้น สุดท้ายนางก็จะเห็นว่าของพวกนั้นเกะกะขวางทาง และจะไม่รู้สึกขอบคุณเลยสักนิด
จวินอู๋เสียกัดริมฝีปากเล็กน้อยและหยิบเอาขวดยาออกมาหนึ่งขวด ก่อนจะยัดมันใส่มือของจวินอู๋เย่าอย่างรวดเร็ว
แม้แต่กับพี่ชาย นางก็ไม่ยอมให้ตัวเองเคยชินกับการรับของมาเปล่าๆ
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยพลางมองไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียพูดกับเขาว่า “นี่คือโอสถวิเศษที่ข้าเพิ่งหลอมขึ้นมา มันจะสามารถรักษาชีวิตท่านได้”
โอสถนั่นถูกหลอมขึ้นที่ลานป่าไผ่เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน นางใช้สมุนไพรที่เก็บไว้ไปจนเกือบหมด และหลอมโอสถนี้ได้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น กระบวนการหลอมโอสถนั้นซับซ้อนมาก แม้แต่นางเองก็ทำสำเร็จได้แค่หนึ่งเม็ด แต่ยาหนึ่งเม็ดนี้กลับมีฤทธิ์ต้านสวรรค์ สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของผู้คนได้ ตราบเท่าที่คนผู้นั้นยังมีลมหายใจ มันจะสามารถทำให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง นั่นเป็นสิ่งที่จวินอู๋เสียทำขึ้นเพื่อตัวเอง ไว้เป็นความหวังสุดท้ายของนาง กระทั่งในตอนที่นางพบว่านางไม่มีเงินพอเมื่อสักครู่นี้ นางก็ยังไม่คิดที่จะใช้ยานี้แลกเปลี่ยนเลยสักครั้ง
แต่ในกรณีนี้ คนผู้นั้นคือจวินอู๋เย่า นางไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจใดๆ ในการมอบสมบัติล้ำค่านี้ให้กับเขา
ตอนแรกจวินอู๋เย่าคิดจะปฏิเสธ แต่หลังจากคิดแล้วเขาก็เปลี่ยนใจ เขารับมันมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เมื่อมันเป็นของขวัญจากเจ้า ข้าก็จะเก็บรักษามันไว้อย่างดี”
มองอีกมุมหนึ่ง โอสถวิเศษนี้เป็นของชิ้นแรกที่เขาได้รับจากจวินอู๋เสีย มันเป็น ‘ของขวัญ’ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่ว่าของชิ้นนี้จะดีหรือไม่ เขาก็จะเก็บรักษามันไว้อย่างดี
มันคือสิ่งที่นางทำขึ้นด้วยมือของนางเองและมอบให้เขาด้วยตัวเองอีกด้วย