ตอนที่ 763 โรงประมูลภูติอัคคี (6) ตอนที่ 764 โรงประมูลภูติอัคคี (7)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 763 โรงประมูลภูติอัคคี (6) / ตอนที่ 764 โรงประมูลภูติอัคคี (7)
ตอนที่ 763 โรงประมูลภูติอัคคี (6)

“หกคน!” ชวีหลิงเย่ว์ทำตาโต นางคิดว่ามันเป็นจำนวนที่ไม่น่าเชื่อ

ไม่ว่าจะเป็นสำนักศึกษาไหนก็ตาม ทุกสำนักศึกษาต่างต้องการส่งคนมาเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีสำนักศึกษาที่มีผู้เข้าแข่งขันน้อยกว่าสิบคน สถานการณ์ที่เกิดกับสำนักศึกษาเฟิงหัวเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินเลยในประวัติศาสตร์ของศึกประลองภูติวิญญาณ!

เหลยเชินพยักหน้า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวเมื่อตอนสิ้นปีมันเป็นเรื่องใหญ่โตเกินไป ทำให้ศิษย์กับอาจารย์จำนวนมากพากันออกจากที่นั่น ข้าเห็นรายชื่อที่สำนักศึกษาเฟิงหัวส่งเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณแล้ว ทั้งหกคนข้าไม่คุ้นเลย ไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน คนเดียวที่ข้ารู้จักในรายชื่อนั้นก็คือน้องชายของฟ่านจิ่น ฟ่านจัว”

“เป็นไปไม่ได้…คนป่วยเจ็บออดๆ แอดๆ แบบนั้นเข้าร่วมการประลองปีนี้จริงๆ น่ะหรือ” ชายหนุ่มที่นิ่งเงียบมาตลอดอุทานแทรกขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินชื่อของฟ่านจัว เขาทำหน้าราวกับเพิ่งเห็นผี

เหลยเชินตอบพร้อมหัวเราะว่า “ถูกต้อง ทุกคนก็รู้ว่าฟ่านจัวป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด แต่จะอย่างไรตาม ดูเหมือนว่าแม้แต่เขาก็ถูกบังคับให้มาในปีนี้ด้วย เห็นเลยว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวยัดทุกอย่างที่มีเข้ามาเพียงเพื่อเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณในปีนี้ ข้าเกรงว่าผู้เข้าแข่งทั้งหกคนนี้จะเป็นคนที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะหามารวมกันได้แล้ว”

ชายหนุ่มคนนั้นเดาะลิ้นแล้วพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวตั้งใจจะสู้เพื่ออันดับในปีนี้แล้วล่ะ ไม่สิ…พูดให้ถูก พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะสู้ได้แล้ว ข้าคิดว่าอีกไม่นานสำนักศึกษาเฟิงหัวคงหลุดจากตำแหน่งหนึ่งในสามสุดยอดสำนักศึกษา” ขณะที่พูด ชายหนุ่มคนนั้นก็สังเกตสีหน้าของชวีหลิงเย่ว์ไปด้วยและจงใจพูดขึ้นอีกว่า “พวกอาจารย์เก่งๆ ที่เคยอยู่สำนักศึกษาเฟิงหัวก็ออกไปกันหมดแล้ว พวกที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก ดูหมอนั่นสิ ข้าไม่คิดว่าเขาจะอายุมากกว่าพวกเราสักเท่าไรเลย เช่นนั้นแล้วเขาจะเก่งได้สักแค่ไหนกัน ข้าว่าศิษย์พี่ฟู่พูดถูก ไม่สำคัญหรอกว่าคนผู้นั้นจะหน้าตาดีขนาดไหน อย่างไรมันก็เป็นแค่เปลือกนอก หากไม่มีความสามารถ เขาก็เป็นได้แค่สวะไร้ประโยชน์เท่านั้น”

ชวีหลิงเย่ว์มองชายหนุ่มคนนั้นแล้วทำหน้ามุ่ย ก่อนจะหันหน้าหนีไม่ยอมพูดด้วย

เมื่อเห็นว่าชวีหลิงเย่ว์เมินเขา ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่มุมห้อง

เป็นฟู่เซวียนที่สังเกตเห็น นางเหลือบมองเหลยเชินที่กำลังยิ้มอยู่ด้วยหางตาก่อนจะพูดยิ้มๆ ว่า “หลิงเย่ว์ เจ้าไม่ควรเครียดเพราะเจ้าทึ่มจากสำนักศึกษาเฟิงหัวนะรู้หรือไม่ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าติดใจเขาแล้วจริงๆ เจ้าต้องรู้นะว่าต่อให้เจ้าชอบเขา บิดาของเจ้าก็คงไม่ยอมให้เจ้าทั้งสองคบกันอยู่ดี”

“ศิษย์พี่ฟู่! ท่านพูดอะไรเนี่ย! ข้าแค่…ข้าแค่คิดว่าเขาหน้าตาดีมากก็เท่านั้น แค่ชื่นชมน่ะ แค่นั้นแหละ! ข้าไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว! ข้า…ข้าจะกลับแล้ว!” ใบหน้าของชวีหลิงเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุก นางวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟู่เซวียนมองชายหนุ่มที่จ้องมองอีกด้านหนึ่งของห้องอย่างเหม่อลอยและพูดว่า “ปล่อยให้หลิงเย่ว์กลับไปเองคนเดียวอาจจะมีอันตรายก็ได้ เจ้าควรไปเป็นเพื่อนนาง”

ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้าทันทีและออกจากห้องไป

ในห้องส่วนตัวจึงเหลือเพียงเหลยเชินกับฟู่เซวียนเท่านั้น

“สวะอย่างนั้นหรือ ข้านึกว่าหน้าตาของชายหนุ่มผู้นั้นจะเป็นรสนิยมของศิษย์น้องฟู่เสียอีก ไม่ใช่หรือ” เหลยเชินเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ฟู่เซวียนทันที รอยยิ้มของเขายังคงสุภาพอ่อนโยน แต่มือของเขากลับเลื่อนมาที่ไหล่ของฟู่เซวียนอย่างจาบจ้วงและดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดอย่างสนิทสนมคุ้นเคย

ฟู่เซวียนต่อต้านเล็กน้อยพอเป็นพิธีขณะที่เอนเข้าสู่อ้อมแขนของเหลยเชิน จากนั้นนางก็มองเขาด้วยสายตาเขินอายก่อนจะยกนิ้วขึ้นเขี่ยหน้าอกเขา

“หน้าตาของเขาเหมาะกับรสนิยมของข้า หรือว่าเป็นท่านที่อยากจะให้เป็นเช่นนั้น ทำไมหรือ ท่านเห็นว่าหลิงเย่ว์คิดอะไรกับชายหนุ่มผู้นั้นก็เลยอิจฉาอย่างนั้นหรือ”

เหลยเชินยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเซวียนรู้จักข้าดีที่สุด ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”

ฟู่เซวียนเงยหน้าขึ้นมองเหลยเชิน นางหัวเราะอย่างยั่วยวนก่อนจะเอนศีรษะพิงหน้าอกของเขา

ตอนที่ 764 โรงประมูลภูติอัคคี (7)

โรงประมูลภูติอัคคีสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดของรัฐเหยียนจริงๆ สมบัติล้ำค่าหายากถูกนำออกมาประมูลชิ้นแล้วชิ้นเล่า ผู้ประมูลก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เกิดเสียงเอะอะอึกทึกทั่วทั้งห้องโถง

จวินอู๋เสียไม่ได้แสดงความสนใจในสินค้าพวกนั้นเลย จนกระทั่งหลังจากการรอคอยอย่างยาวนานและน่าเบื่อ ในที่สุดนางก็เจอสิ่งที่นางต้องการ

บงกชโลหิตดอกหนึ่งถูกนำขึ้นมาบนเวที กลีบสีแดงราวกับโลหิตของมัน ดูราวกับดอกบัวทั้งดอกถูกจุ่มลงไปในโลหิตสีแดงสด นั่นเป็นสาเหตุที่มันได้ชื่อนี้ สีของมันเหมือนกับโลหิตสดๆ ไม่มีผิดเพี้ยน บงกชโลหิตมีฤทธิ์บำรุงโลหิตและทำให้จิตวิญญาณสงบ มันเป็นสมุนไพรที่พบเห็นได้ยากมาก บงกชโลหิตนั้นล้ำค่ามาก จวินอู๋เสียเคยเห็นแต่คำบรรยายในตำราทางการแพทย์เท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นของจริงกับตาเลยสักครั้ง

บงกชโลหิตเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการหลอมโอสถที่เยี่ยนปู้กุยต้องการ หลังจากรออยู่ครึ่งวัน ในที่สุดนางก็พบสิ่งที่คุ้มค่ากับการรอคอย

เนื่องจากความหายากของมัน ราคาตั้งต้นของบงกชโลหิตจึงสูงลิบอยู่ที่หนึ่งแสนตำลึง นอกจากนั้นเมืองหลวงของรัฐเหยียนก็แตกต่างจากตำบลชานหลินโดยสิ้นเชิง จำนวนพ่อค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งของที่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตำบลเล็กๆ อย่างชานหลินจะหวังไปเปรียบเทียบได้!

การประมูลบงกชโลหิตเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว สงครามประมูลอันดุเดือดก็ระเบิดขึ้น ในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่นาที ราคาเริ่มต้นหนึ่งแสนตำลึงของบงกชโลหิตก็พุ่งขึ้นไปอยู่ที่แปดแสนตำลึง ความเร่าร้อนดุเดือดยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าจะบรรเทาลงแต่อย่างใด!

บงกชโลหิตนั้นไม่ว่าจะนำไปต้มกินโดยตรงหรือนำไปใช้หลอมโอสถก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากทั้งนั้น เนื่องจากรัฐเหยียนเป็นรัฐที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ประชาชนของที่นี่จึงร่ำรวยมากจนทำให้คนอื่นได้แต่อ้าปากค้างด้วยความทึ่ง เมื่อสมบัติหายากเช่นนี้ถูกนำเสนอตรงหน้าพวกเขา พวกเศรษฐีทั้งหลายจึงพากันนั่งไม่ติดและเสนอราคาออกมาอย่างไม่ยอมแพ้กัน ทำเอาราคาของบงกชโลหิตพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ!

จวินอู๋เสียยังคงไม่ขยับเขยื้อนหรือทำอะไร นางรู้ว่าต่อให้นางเสนอราคาไปตอนนี้ ก็จะถูกผู้อื่นเสนอราคาข่มอย่างรวดเร็ว นางจึงตัดสินใจรอจนกระทั่งสงครามประมูลสงบลงแล้วจึงค่อยเสนอราคาของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ราคาของบงกชโลหิตยังคงพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง จวินอู๋เสียจึงเริ่มขมวดคิ้ว

เงินทั้งหมดในตัวนางได้มาจากโรงประมูลชานหลิน แม้ว่ามันจะไม่ใช่จำนวนที่เล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถใช้การได้ภายใต้การประมูลที่ดุเดือดบ้าคลั่งเช่นนี้ เมื่อราคาของบงกชโลหิตขึ้นไปถึงสามล้านตำลึง จวินอู๋เสียก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเสนอราคา

สามล้านตำลึง นี่มันเกินกว่าที่นางจะสามารถสู้ราคาได้ เงินที่นางมีรวมทั้งหมดก็สามล้านตำลึงเท่านั้น แต่ราคาของมันยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้อัตราการเพิ่มจะช้าลงเล็กน้อย แต่ถึงจะเพิ่มขึ้นอีกแค่หนึ่งล้านตำลึง มันก็ยังเกินกว่าที่จวินอู๋เสียจะสู้ไหวอยู่ดี

ในโรงประมูลชานหลิน สินค้าที่ถูกประมูลออกไปส่วนใหญ่จะต่ำกว่าหนึ่งล้านตำลึง จวินอู๋เสียไม่เคยเข้าใจเรื่องเงินเลย ครั้งเดียวที่นางมีโอกาสได้จัดการเรื่องเงินก็คือตอนที่อยู่ในตำบลชานหลิน และราคาที่โรงประมูลภูติอัคคีก็ไม่ใช่สิ่งที่โรงประมูลชานหลินจะเทียบเคียงได้

ราคาที่โรงประมูลภูติอัคคีเป็นสิ่งที่จวินอู๋เสียคาดไม่ถึงจริงๆ นางได้แต่มองการแข่งกันเป็นเจ้าของบงกชโลหิตอย่างดุเดือดโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

บงกชโลหิตสำคัญต่อเยี่ยนปู้กุยมาก ถ้าเป็นตัวจวินอู๋เสียเองที่ต้องการมัน นางจะไม่รู้สึกห่อเหี่ยวขนาดนี้ แต่ถ้านางพลาดบงกชโลหิตดอกนี้ไป นางก็ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะพบบงกชโลหิตอีกดอก

ต้องรู้ก่อนว่านางกลับมาเกิดใหม่ที่นี่เกือบจะครบหนึ่งปีแล้ว แต่นางไม่เคยเห็นร่องรอยของบงกชโลหิตจากที่ไหนเลย ยิ่งเห็นราคาของบงกชโลหิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันก็ยิ่งพิสูจน์ว่าบงกชโลหิตนั้นล้ำค่าและหายากมากแค่ไหน

จวินอู๋เสียกัดริมฝีปาก นัยน์ตามีแววผิดหวังหงุดหงิดอย่างหาได้ยากยิ่ง