ตอนที่ 761 โรงประมูลภูติอัคคี (4) / ตอนที่ 762 โรงประมูลภูติอัคคี (5)
ตอนที่ 761 โรงประมูลภูติอัคคี (4)
“ช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้!” สาวน้อยนางนั้นร้องอุทานออกมาพร้อมกับถอนหายใจให้กับภาพอันน่าหลงใหลที่เห็น
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ นางขมวดคิ้วทันที เขามองตามสายตาของนางลงไปและได้เห็นชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง
“หลิงเย่ว์ คนแบบนั้นน่ะหรือที่สะดุดตาเจ้า” เสียงของชายหนุ่มคนนั้นฟังดูเหมือนอิจฉาเล็กน้อย แต่สีหน้าดูถูกเหยียดหยามเต็มที่
ชวีหลิงเย่ว์ชำเลืองมองชายหนุ่มคนนั้น นางเลิกคิ้วขึ้นและถามอย่างท้าทายว่า “สายตาข้าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เจ้าไม่เห็นหรือว่าสตรีทุกคนพากันมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นกันหมด”
ชายหนุ่มคนนั้นหน้าบึ้งและหันหน้าไปทางหญิงสาวอีกคน นางนั่งยืดหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ คางเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามของนางเมื่อเทียบกับใบหน้าน่ารักของชวีหลิงเย่ว์แล้ว เป็นความงามที่เพิ่มความเย็นชาเข้าไปจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“ศิษย์พี่ฟู่ยังไม่เห็นมองเลย ใครบอกว่าเขาหน้าตาดี” ชายหนุ่มกล่าวโต้
ชวีหลิงเย่ว์มองชายหนุ่มคนนั้นแล้วลุกขึ้นข้ามฝั่งมาหาฟู่เซวียนที่นั่งเงียบอยู่ด้านหนึ่ง “ศิษย์พี่ฟู่ ท่านดูชายหนุ่มผู้นั้นแล้วบอกข้าหน่อยว่าเขาหน้าตาดีมากเลยใช่หรือเปล่า”
ดวงตาของฟู่เซวียนเลื่อนไปมองตามทิศทางที่ชวีหลิงเย่ว์ชี้ เพียงเหลือบมองแค่ครั้งเดียวก็ทำให้แววตาที่นิ่งสงบของนางกระเพื่อมไหวคล้ายมีบางอย่างทำให้นางตกใจ!
“เขาดูดีมากใช่หรือไม่” ชวีหลิงเย่ว์อดถามขึ้นไม่ได้เมื่อนางไม่ได้รับคำตอบ
ฟู่เซวียนได้สติขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว นางพยักหน้าเล็กน้อย
ชวีหลิงเย่ว์หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งไม่พอใจอยู่ด้านข้างอย่างได้รับชัยชนะ
“ข้าไม่คิดว่าจะยังมีคนที่หล่อเหลาขนาดนี้อยู่บนโลก ศิษย์พี่ฟู่ บอกข้าหน่อยว่าถ้าเทียบชายหนุ่มผู้นั้นกับท่านราชครูเวินอวี่ที่ว่ากันว่าเป็นคนที่งดงามที่สุดในรัฐเหยียนแล้ว ท่านคิดว่าใครดูดีกว่ากัน” ชวีหลิงเย่ว์ไม่สนชายหนุ่มคนนั้นและหันไปถามฟู่เซวียนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในการประเมินความงามแล้ว
ฟู่เซวียนกำลังจะอ้าปากตอบ ประตูห้องส่วนตัวบนชั้นสองก็พลันเปิดออก
พวกเขาเห็นบุรุษหน้าตาดีในชุดหรูหราคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ กระทั่งดวงตาของเขาก็เจือรอยยิ้มแบบเดียวกัน แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนนักแต่มันก็ทำให้เขาดูเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย
“ท่านราชครูไม่ชอบให้คนพูดถึงเรื่องหน้าตาของเขารู้หรือไม่ ชวีหลิงเย่ว์ ถ้าคำพูดของเจ้าไปถึงหูของท่านราชครู เขาคงไม่ชอบใจแน่ๆ” บุรุษหน้าตาดีผู้นั้นเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายของเขามองไปที่ฟู่เซวียนแวบหนึ่งก่อนจะเบนออกไป
“องค์ชาย!” เมื่อชายหนุ่มในห้องเห็นบุรุษผู้นั้น เขาก็ก้าวออกมาคุกเข่ากับพื้นทันที
คนที่ปรากฏตัวขึ้นในห้องก็คือ องค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนนามเหลยเชินนั่นเอง!
ชวีหลิงเย่ว์มีสีหน้าประหลาดใจในทันที แต่ไม่ได้มีความตระหนกตกใจใดๆ นางมองเหลยเชินแล้วพูดว่า “ข้าแน่ใจว่าพระองค์จะไม่เอาคำพูดที่ข้าพูดเมื่อครู่ไปบอกท่านราชครูแน่ ใช่หรือไม่เพคะ”
เหลยเชินยิ้มจนเห็นฟันและพยักหน้า
“แน่นอน ข้าไม่อยากให้ท่านราชครูรู้ว่าศิษย์น้องของข้าเอาหน้าตาของเขาไปเปรียบเทียบกับชายหนุ่มคนอื่นหรอก ไม่อย่างนั้นเขาจะตำหนิข้าว่าไม่อบรมสั่งสอนศิษย์น้องให้ดี”
ชวีหลิงเย่ว์ยิ้มยิงฟันให้เขาอย่างขี้เล่น
ทุกคนในรัฐเหยียนรู้ดีว่าองค์รัชทายาทเหลยเชินเคยศึกษาอยู่ที่สำนักศึกษาธงศึก และผู้เยาว์ทั้งสามคนในห้องส่วนตัวนี้ก็คือสมาชิกจากกลุ่มที่เป็นตัวแทนสำนักศึกษาธงศึกในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ องค์รัชทายาทจบการศึกษาและกลับมาเมื่อสองสามปีก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนของสำนักศึกษาธงศึกอีกแล้ว แต่เขาก็ยังเดินทางไปที่สำนักศึกษาเพื่อคารวะอาจารย์ทุกปี ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับชวีหลิงเย่ว์และคนอื่นๆ จากสำนักศึกษาธงศึกเป็นอย่างดี
เนื่องจากเหลยเชินไม่เคยมีบรรยากาศของความเป็นองค์ชายอยู่เลยในตอนที่กลับไปยังสำนักศึกษา เขาจึงเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาศิษย์รุ่นน้องมากมาย
และการกระทำของเหลยเชินที่แสดงให้เห็นถึงความมีมารยาทและความเคารพที่เขามีต่ออาจารย์ ทำให้เขาชนะใจประชาชนส่วนใหญ่ในรัฐเหยียน
ตอนที่ 762 โรงประมูลภูติอัคคี (5)
“แต่ในเมื่อหลิงเย่ว์อยากรู้ว่าระหว่างท่านราชครูหรือชายหนุ่มผู้นั้นที่หล่อเหลากว่ากัน ก็คงจะดีถ้าเสี่ยวเซวียนจะช่วยคลายข้อข้องใจให้ ข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินอะไรและจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ท่านราชครูทราบด้วย” เหลยเชินพูดด้วยแววตารื่นเริงขณะที่มองฟู่เซวียนที่นั่งอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงสนิทสนมคุ้นเคยของเขาแสดงถึงความรักใคร่เอ็นดูเป็นพิเศษ
ฟู่เซวียนหน้าแดงทันที ดวงตาของนางมีประกายแห่งความสุขแวบผ่านก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่อาจบอกได้จริงๆ ว่าผู้ใดหน้าตาดีกว่ากัน สุดท้ายแล้วรูปร่างหน้าตาภายนอกก็เป็นแค่เปลือก อะไรจะสำคัญไปกว่าสิ่งที่อยู่ภายใน ถ้าเราตัดสินคนจากหน้าตา เราอาจจะไปเจอกับคนหน้าตาดีแต่เป็นสวะไร้ประโยชน์ก็ได้”
ฟู่เซวียนอาจจะพูดไปอย่างนั้น แต่นางก็อาจจะว่าทั้งจวินอู๋เย่าและท่านราชครูว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์ก็ได้จากคำพูดเป็นนัยของนาง
ใจอันบริสุทธิ์และไม่ซับซ้อนของชวีหลิงเย่ว์จับคำพูดเสียดสีที่ซ่อนอยู่ไม่ได้ แต่เหลยเชินจับได้เต็มๆ เขาแค่ยิ้มและไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเพิ่มเติม
ฟู่เซวียนสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเหลยเชิน มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ชายหนุ่มผู้นั้นดูเป็นสุภาพบุรุษมากๆ ด้วยนะ ตอนที่พวกเขาเข้ามา เขาคอยปกป้องสหายของเขาตลอดเวลาเลย จนข้าสงสัยว่าสหายของเขาคนนั้นเป็นน้องชายของเขาหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า เขาถึงใจดีมากขนาดนั้น” ชวีหลิงเย่ว์พลาดใจความสำคัญของฟู่เซวียนไปหมดจริงๆ นางย้ายไปนั่งอยู่ข้างหน้าต่างเพื่อมองชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาคนนั้น สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
เหลยเชินหัวเราะแล้วพูดว่า “โอ้ ชายหนุ่มแบบไหนกันที่ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของหลิงเย่ว์เต้นรัวได้ เจ้าตกหลุมรักเขาเข้าแล้วหรือ”
ใบหน้าของชวีหลิงเย่ว์ขึ้นสีแดง นางส่ายศีรษะรัวๆ และพูดว่า “ข้าแค่เห็นว่าเขาหน้าตาดีเท่านั้น!” นางไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตาเหลยเชินตอนที่พูดเช่นนั้น
เหลยเชินหรี่ตาลง แต่ก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “ข้าว่าข้าคงต้องดูด้วยตาตนเองเสียแล้วว่าเขาหน้าตาดีแค่ไหนถึงได้ทำให้เจ้าหลงเสน่ห์ได้”
ชวีหลิงเย่ว์ยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นไปอีก
เหลยเชินมองตามสายตาของชวีหลิงเย่ว์ และอย่างที่คาดไว้ ในมุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตาเขาเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ความร่าเริงก็จางหายไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว เขาหันมาทางชวีหลิงเย่ว์และพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใคร”
ชวีหลิงเย่ว์ส่ายหัว
เหลยเชินตอบว่า “เขาเป็นคนของสำนักศึกษาเฟิงหัว”
“อะไรนะ” ชวีหลิงเย่ว์ตกตะลึง
นางมาจากสำนักศึกษาธงศึก และมีอีกสองสำนักเท่านั้นที่สามารถยืนอยู่ในจุดที่เทียบเท่ากับพวกเขาได้ นั่นคือสำนักศึกษาพิชิตมังกรกับสำนักศึกษาเฟิงหัว เป็นเวลานานแล้วที่สามสำนักนี้แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อกดคู่แข่งเอาไว้ และได้ส่งผลโดยตรงต่อศิษย์ของแต่ละสำนัก เมื่อศิษย์ของทั้งสามสำนักนี้มาเจอกัน การแข่งขันก็จะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เขามาจากสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างนั้นหรือ องค์ชายรู้ได้อย่างไร” ชวีหลิงเย่ว์ถามโดยเร็ว
เหลยเชินบอกนางว่า “พวกเขาเพิ่งเข้าเมืองมาได้ไม่นาน ตอนที่พวกเขาเข้ามา รูปวาดของพวกเขาก็ถูกวาดขึ้นและส่งมาให้ข้า เจ้าก็รู้ว่าฮ่องเต้ เสด็จพ่อของข้า ให้ข้ารับหน้าที่ดูแลศึกประลองภูติวิญญาณในปีนี้อย่างเต็มที่ ข้าจึงค่อนข้างคุ้นกับสมาชิกหลักของแต่ละสำนักศึกษา ถึงแม้ข้าจะยังไปพบกับคนของสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ได้ แต่ข้าก็จำหน้าพวกเขาได้”
ชวีหลิงเย่ว์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นางมองเหลยเชิน จากนั้นก็หันไปมองคนที่อยู่ที่ชั้นหนึ่ง
“แต่ดูจากอายุของเขาแล้ว ดูไม่เหมือนเขามาเพื่อเข้าร่วมศึกประลองภูติวิญญาณเลยนะ”
“ต่อให้เขาไม่ใช่ศิษย์ เขาก็อาจจะมาในฐานะอาจารย์หรืออะไรทำนองนั้นก็ได้ ปีนี้สำนักศึกษาเฟิงหัวส่งคนมาแค่สิบคน รวมอาจารย์ใหญ่คนปัจจุบันฟ่านจิ่นด้วย ฟ่านจิ่นเพิ่งส่งรายชื่อผู้เข้าแข่งขันศึกประลองภูติวิญญาณในปีนี้เมื่อสักครู่นี้เอง สำนักศึกษาเฟิงหัวมีคนเข้าร่วมการประลองแค่หกคนเท่านั้น” เหลยเชินเผยให้รู้