บทที่ 426 เข้าใจผิด

ในเวลาสายๆของวัน ซู่จี้งยี้เดินเข้ามา :“คุณชายลี่คุณเคธี่มาครับ”

ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังซู่จี้งยี้แวบหนึ่ง ดวงตาบ่งบอกถึงความรำคาญ:“ไม่พบ”

พอนึกถึงเคธี่ขึ้นมาก็ปวดหัว หากไม่เป็นเพราะเธอ เจียงหยุนเอ๋อคงไม่เข้าใจตัวเองผิดๆแบบนี้

“แต่ว่า……”พอเห็นอาการของลี่จุนถิง ซู่จี้งยี้เองก็พลอยพูดจาติดๆขัดๆไปหมด

ลี่จุนถิงมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้าแล้วจ้องมองยังซู่จี้งยี้ :“เรื่องเกี่ยวกับสัญญา ต่อไปนายก็ดูแลจัดการได้เลย ”

ซู่จี้งยี้อ้าปากอยากจะพูดต่อ

ถูกลี่จุนถิงจ้องเขม็งอีกครั้ง ซู่จี้งยี้ถึงกับต้องหุบปากลงทันที แล้วพยักหน้า :“ครับ ทราบแล้วครับ”

แม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรมากนัก แต่อะไรที่ไม่ควรถามก็ไม่ถามมันจะดีเสียกว่า

หลังจากที่ซู่จี้งยี้ออกจากห้องทำงานมาได้ ก็ตรงไปชี้แจงกับเคธี่โดยทันที

“คุณเคธี่ครับ ต้องขออภัยด้วยครับ ตอนนี้คุณชายลี่กำลังมีประชุมทางไกล ไม่สะดวกให้คุณเข้าพบได้ในตอนนี้” ซู่จี้งยี้หาข้ออ้างมาเพื่อที่จะปฏิเสธเคธี่

เคธี่พยักหน้ารับ :“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฉันรอเขาแล้วกัน ไม่ได้รีบอะไร ”

เคธี่พูดแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาด้านข้าง ยกกาแฟขึ้นจิบอย่างละเมียดละไม

เมื่อซู่จี้งยี้ได้ยิน ในใจก็ว้าวุ่นขึ้นมาทันที รีบพูดออกไปว่า :“การประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์นี้อาจจะกินเวลานาน กลัวว่าหากจบการประชุมก็คงจะได้เวลาเลิกงานของคุณชายลี่พอดี”

เคธี่คิ้วขมวดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย

“หากวันนี้คุณชายลี่ไม่สะดวก งั้นฉันจะแวะมาวันหลังแล้วกันนะค่ะ ”เคธี่พูดพลางหยิบกระเป๋าแล้วจากไป

ซู่จี้งยี้ยืนมองร่างของเคธี่ที่เดินจากไป ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขึ้นมา

ยังดีที่เคธี่จับไม่ได้ว่าเขาโกหก แต่เห็นลี่จุนถิงแสดงออกมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงจะรู้สึกเอือมระอาเคธี่อยู่ไม่น้อย และจากนี้ต่อไปไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรเพื่อมากันเคธี่ไว้อีก

วันที่สองหลังจากที่เคธี่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางมายังบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอีกครั้ง

“คุณเคธี่ครับ เจอกันอีกแล้วนะครับ?”ซู่จี้งยี้ที่เห็นเคธี่นั่งรออยู่ด้านนอกแต่เช้า จึงรีบเดินเข้ามาทักทาย

“ทำไมคะ?ฉันมาที่นี่ไม่ได้เหรอ?หรือว่าคุณไม่ตอบรับฉันกันคะ?”เคธี่ยู่ปาก แล้วเหล่มองไปยังซู่จี้งยี้

ซู่จี้งยี้รีบส่ายหัว:“ไม่มีทางแน่นอนครับ คุณเป็นลูกค้าของบริษัท จะไม่ต้อนรับได้ยังไงกันครับ?”

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็ให้ฉันเข้าพบประธานบริษัทของคุณสิคะ” เคธี่ปิดตลับแป้งพัฟลง แล้วเก็บใส่ในกระเป๋าของเธอ

ก่อนที่จะไปพบชายในดวงใจ ก็ต้องแต่งตัวเพื่อให้ตัวเองดูดีที่สุด

ซู่จี้งยี้รู้ดีว่าต่อให้เขาต้องถามลี่จุนถิงก่อน คำตอบที่ได้ก็คงจะตอบว่าไม่พบ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยพูดออกไปว่า :“คุณเคธี่ครับ ช่างบังเอิญเหลือเกิน เมื่อวานหลังจากที่คุณชายลี่ประชุมเสร็จ มีธุระด่วน ออกไปทำงานนอกสถานที่แล้วครับ ”

เคธี่มองไปยังซู่จี้งยี้ด้วยความประหลาดใจ :“ทำงานนอกสถานที่?”

ซู่จี้งยี้พยักหน้า

“ทำไมถึงต้องไปทำงานนอกสถานที่ช่วงเวลานี้ด้วย ? ”เคธี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

ซู่จี้งยี้ยกยิ้ม:“คุณเคธี่ครับ ตามที่คุณว่า การไปทำงานนอกสถานที่ล้วนเป็นเหตุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จะเป็นเพราะเจาะจงระบุช่วงเวลานี้หรือช่วงเวลาไหนได้ยังไงกันละครับ ”

เคธี่หายใจเข้าลึกๆ ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจน

แต่เพราะมันเป็นงานของเขา และเป็นเหตุสุดวิสัย ทำได้เพียงเอ่ยพูดอย่างผิดหวังไปว่า :“โอเคค่ะ งั้นวันพรุ่งนี้ฉันค่อยมาใหม่”

พอซู่จี้งยี้ได้ยิน ก็ถอนหายใจขึ้นมาในใจ:โอ๊ยแม่เจ้า จะขยันมาอะไรขนาดนี้ ฉันไม่มีข้ออ้างจะเอามาอ้างแล้วนะ

แต่การแสดงออกของ ซู่จี้งยี้กลับพูดแบบนั้นไม่ได้ :“เอาแบบนี้ไหมครับคุณเคธี่ ถ้าคุณชายลี่กลับมาเมื่อไร ผมจะรีบติดต่อกลับไปหาคุณดีไหมครับ?”

ในจังหวะนี้เคธี่เองก็ได้เดินออกไปไกลแล้ว เธอโบกมือไปมา :“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาเองมันจะดูจริงใจกว่า แวะมาหาตั้งหลายครั้งแล้ว ฉันจะทำให้คุณชายลี่ต้องรู้สึกผิดและละอายใจต่อฉัน”

ไม่ว่ายังไงก็ไม่สมควร“ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายมาหาเองครั้งแล้วครั้งเล่า”

ซู่จี้งยี้ตีเข้าที่หน้าผากตัวเอง ช่างมันไปก่อน คงทำได้เพียงค่อยๆหาวิธีแล้วรับมือไปทีละเปลาะแล้วกัน

เป็นดั่งคาด ในวันที่สาม ในเวลาเดียวกันนี้ เคธี่ก็มาที่บริษัทอีกครั้ง

พอซู่จี้งยี้เห็น ก็ต้อนรับไปด้วยความยินดี :“คุณเคธี่ครับ”

เคธี่ก็ร้องห้ามในสิ่งที่ซู่จี้งยี้ต้องการจะพูด:“stop!คุณกำลังจะบอกว่าคุณชายลี่ออกไปทำงานนอกสถานที่ยังไม่กลับมาใช่ไหมคะ ? ”

ซู่จี้งยี้ดีดนิ้ว :“คุณเคธี่นี่ฉลาดจริงๆ”

“ก็ได้ค่ะ คุณไปเถอะ ” เคธี่หายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง สงบสติอารมณ์ของตัวเอง “ฉันขอปรับอารมณ์ตัวเองสักครู่ แล้วจะไปค่ะ”

ซู่จี้งยี้ได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น รู้สึกได้ว่าวันนี้หญิงสาวพูดรู้เรื่องกว่าสองวันที่ผ่านมา จากนั้นเขาก็เดินจากไปทันที

เคธี่นั่งพักอยู่ในโซนพักผ่อนของบริษัท แล้วเริ่มพึมพำในใจ เธอมาหาลี่จุนถิงทุกวันแต่ทำไมถึงไม่เคยได้เจอกับชายหนุ่มเลย ?

หากยังเป็นแบบนี้ เธอต้องทำยังไงถึงจะได้เจอลี่จุนถิงกัน ?

และในจังหวะนี้เอง ห้องพักนี้ก็มีหญิงสาวสองคนเดินเข้ามา

ในช่วงพักเป็นเวลาที่เหมาะจะซุบซิบนินทามากที่สุด ยิ่งกับพนักงานสาวๆของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปด้วยแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการซุบซิบนินทาเรื่องของลี่จุนถิงแล้วละ

“เธอรู้ไหม? ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้สีหน้าของคุณชายลี่ดูแย่ลงนะ”

“จริงเหรอ ? ฉันว่าก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนไปเลย ถึงหน้าจะนิ่งเหมือนภูเขาน้ำแข็ง แต่ความหล่อก็ยังเหมือนเดิม”

“ฉันเห็นเขาเมื่อเช้าตอนมาทำงาน หน้านี่บูดบึ้งมาเชียว ผู้ช่วยซู่ที่อยู่ข้างๆแทบไม่กล้าหายใจ”

“พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ฉันเองก็อดที่จะสงสารผู้ช่วยซู่ขึ้นมาไม่ได้เลยเชียว……”

คำพูดหลังจากนั้นเคธี่ไม่ได้ตั้งใจฟังต่อ แต่เธอจับประเด็นสำคัญในบทสนทนาได้ว่า เช้าวันนี้เห็นเขาในที่ทำงาน

เคธี่ยังพอมีไหวพริบอยู่บ้าง ที่แท้แล้วลี่จุนถิงก็คอยแต่จะหนีหน้าเธอ เรื่องการประชุมอะไรนั้นที่ต้องคุยกันจนถึงเวลาเลิกงาน แล้วยังเรื่องออกไปทำงานนอกสถานที่กลับมาไม่ทันอะไรนั้นอีก ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างทั้งสิ้น

เคธี่รู้สึกโกรธจนกำหมัดแน่น นี่มันรังแกกันมากเกินไปแล้ว ไม่อยากเจอก็ไม่อยากเจอสิ ยังจะหาขออ้างมากมายขนาดนี้ทำไม คนจีนนี่จะชอบทำอะไรอ้อมโลกวกไปวนมาทำไมกัน

เคธี่เองรู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่ได้ไปหาเขาเลยในตอนนี้ ทำได้เพียงกลับบ้านแล้วคิดหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป

วันที่สอง เคธี่ก็มายังบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอีกครั้ง

ซู่จี้งยี้ถึงกับตกตะลึง นี่ทำไมยังมาอีก

“ฉันรู้ค่ะ คุณชายลี่น่าจะยังไม่กลับจากทำงานนอกสถานที่ใช่ไหมคะ?”เคธี่เห็นซู่จี้งยี้ก็เอ่ยปากพูดทันที

ซู่จี้งยี้ก็พยักหน้ารับ :“ใช่ครับ”

เคธี่ต่อว่าซู่จี้งยี้ในใจ : เนียนได้อีก เนียนจนตัวเธอเองนั้นหลงเชื่อมันไปจริงๆ

“แต่คุณต้องรู้นะว่า การเซ็นสัญญาของเรานั้นล่าช้ากว่ากำหนดการมานานมากพอแล้ว ” เคธี่เอามือเกาะอก เวลาพูดก็ดูมีราศีของประธานบริษัทอยู่ในที “คุณก็รู้ดีว่าบริษัทของเราทั้งสองล่าช้าไปวันหนึ่งจะเกิดความสูญเสียเท่าไร หากบริษัทของคุณไม่มีความจริงใจพอที่จะร่วมงานกัน ฉันคิดว่าเราเปลี่ยนบริษัทอื่นได้นะคะ”

ในใจของซู่จี้งยี้เกิดเสียง “กึกๆ”ดังขึ้นมาทันทีดูเหมือนว่าหลายวันมานี้จะยั่วแม่สาวน้อยคนนี้จนหงุดหงิดเข้าให้แล้ว เลยต้องรีบพูดอธิบายไปว่า:“คุณเคธี่ครับ ผมคิดว่าคุณคงกำลังเข้าใจผิดอยู่