บทที่353 ธุระของข้าก็คืออยู่เป็นเพื่อนเจ้า

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่353 ธุระของข้าก็คืออยู่เป็นเพื่อนเจ้า

“ฝ่าบาท?” ซ่างกวนหรูตกตะลึง และจะผลักเป่ยจิ่วฉิงออกไปโดยจิตใต้สำนึก แต่นางกลับไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเลย

อีกอย่างเป่ยจิ่วฉิงก็ใจร้อนมานานแล้ว และตอนนี้คนสวยก็อยู่ในอ้อมแขนด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะยอมปล่อยมือ

“ข้าเห็นว่าเจ้าจะล้มลง จึงพยุงเจ้าไว้” เป่ยจิ่วฉิงตอบ แต่สายตากลับจับจ้องไปที่หน้าอกของซ่างกวนหรู

ภายใต้ผ้าบางสีแดงนั้นปกปิดหน้าอกที่แสนสวยของนางเอาไว้ ผิวแสนขาว ชุดสีแดงยาว เป็นดึงดูดสายตาที่สุด

สายตาของเป่ยจิ่วฉิงนั้นร้อนแรงเกินไป ทำเอาซ่างกวนหรูรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันทำเองได้” พูดเสร็จก็กำลังจะลุกขึ้น

แต่เป่ยจิ่วฉิงไม่ยอมปล่อยมือเลย “ข้าอุ้มเจ้ากลับไป”

“ไม่ต้องเพคะฝ่าบาท——”

เป่ยจิ่วฉิงไม่สนใจคำตอบของซ่างกวนหรูเลย อุ้มนางไว้ในอ้อมแขน หันหลังและจากไป

ซ่างกวนหรูตกใจมาก นางรู้ว่าฝ่าบาทไม่ยอมปล่อยตัวเองไปอย่างง่ายดายแน่นอน ดังนั้นจึงรีบหันไปมองซ่างกวนเจิ้น “ท่านพ่อ?”

ขณะที่ซ่างกวนเจิ้นกำลังจะเอ่ยปาก ซินผินก็เอ่ยขึ้นว่า”เป็นเรื่องยากที่ฝ่าบาทจะทรงสนพระทัยคุณหนูหรูมากเช่นนี้ ซ่างกวนเฉิงเซี่ยงอย่าทำให้ฝ่าบาทหมดอารมณ์ไปเลย”

คำพูดธรรมดาๆ กลับทำให้ซ่างกวนเจิ้นต้องกลืนคำที่กำลังพูดออกมาลงไป เห็นดูสายตาที่ตื่นตระหนกและขอความช่วยเหลือของลูกสาวตัวเอง เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

ซ่างกวนหรูก็รู้สึกปวดใจมากในทันที นางรู้ว่าท่านพ่อยินยอมพร้อมใจแล้ว

ต่อหน้าอำนาจของจักรวรรดิ ตัวเองไม่มีค่าใดๆในสายตาของเขาเลย

ซินผินดูฝ่าบาทอุ้มซ่างกวนหรูออกไป ดวงตาแสนสวยหรี่ลงเล็กน้อย หันหลังและจากไป

ซ่างกวนเจิ้นกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง หยิบสุราขึ้นมาและดื่มมันลงไป

เมื่อไหร่หนอที่เขาถึงกับจำเป็นต้องยอมขายลูกสาวเพื่อแลกกับความมั่งคั่งรุ่งเรือง ทั้งหมดนี้เกิดจากจวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียน ไม่ช้าก็เร็วเขาจะกลับไปฆ่าพวกเขาและสับพวกเขาให้เป็นชิ้นๆ

ในทางนี่ เป่ยจิ่วฉิงอุ้มซ่างกวนหรูกลับไป และตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง โยนซ่างกวนหรูลงบนเตียง และรีบโน้มตัวลงไป

ซ่างกวนหรูอยากห้ามเอาไว้ แต่ในขณะนี้นางกลับไม่มีเรี่ยวแรงสักนิดเลย ร่างกายของนางร้อนไปหมด ร่างกายมีคลื่นแห่งความร้อนเกิดขึ้น ทำให้นางโหยหาอยากได้อย่างอธิบายไม่ถูก

เมื่อนึกถึงสุราแก้วนั้นที่ซินผินยื่นให้ ดวงตาแสนสวยของซ่างกวนหรูฉายแววขุ่นเคืองและความแค้น คิดไม่ถึงว่านางสนมผู้สง่างามในวังหลังจะวางยาในสุราของตัวเอง

คงไม่ใช่ซินผิน แต่กลับเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นเป่ยลี่สินะ

เป่ยจิ่วฉิงทนไม่ไหวมานานแล้ว ฉีกเสื้อของซ่างกวนหรูด้วยมือใหญ่แล้วจูบลงไป

การกระทำนั้นหยาบคาย รุนแรง และปฏิเสธไม่ได้

คืนนี้ ณ วังบรรทมของจักรพรรดิ ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของผู้หญิง

…………….

จวนซื่อจื่อ

รุ่งสาง รถม้าคันหนึ่งแล่นตรงไปที่จวนซื่อจื่อ เป็นสิ่งของที่ช่างเหล็กเหล่านั้นส่งมานั่นเอง

หลิงเฟิงไปรายงาน หยุนถิงก็รีบลุกขึ้นมาตรวจสอบทันที เมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้นนางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

“ซื่อจื่อ วันนี้ข้าจะเข้าวังเป็นเพื่อนพ่อข้า” หยุนถิงกล่าว

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า” จวินหย่วนโยวก็ลุกขึ้นเช่นกัน

“ไม่ต้องแล้ว เช้าขนาดนี้ ท่านนอนนานหน่อยเถอะ”

“ไม่มีเจ้าข้านอนไม่หลับ”

ประโยคเดียวทำเอาหยุนถิงหน้าแก้มไปหมด “ซื่อจื่ออย่างล้อเล่นไปเลย ข้ามีธุระจริงๆ”

“ธุระของข้าก็คืออยู่เป็นเพื่อนเจ้า!” จวินหย่วนโยวตอบ

หยุนถิงหมดคำพูดเลย ซื่อจื่อเย้าแหย่เก่งเกินไปแล้ว ตั้งแต่แต่งงานมา ก็พูดจาเก่งขึ้นเรื่อยๆเลย

บนราชสำนัก

ฝ่าบาทมองดูผู้คนที่ยืนอยู่ด้านล่าง “หนึ่งวันผ่านไปแล้ว ทุกคนคิดวิธีแก้ไขปัญหาของมันฝรั่งล้นเอ่อจนกลายเป็นอุทกภัยในเมืองตุ้นได้หรือยัง?”

จ้าวซ่างซูมองไปรอบ ๆ เหตุใดวันนี้หยุนเฉิงเซี่ยงถึงไม่มา?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฝ่าบาทก็ดูแย่ลงเล็กน้อย “หยุนเฉิงเซี่ยงอยู่ที่ใด?”

“ฝ่าบาท หยุนเฉิงเซี่ยงบอกว่ามีเรื่องบางอย่าง จะมาช้าหน่อย เมื่อครู่ได้ส่งคนมาแจ้งแล้ว” ซูกงกงตอบอย่างรวดเร็ว

“กล้ายิ่งนัก กล้ามาการประชุมราชการเช้าของข้าสาย ข้าว่าเขาคงเบื่อที่จะเป็นเฉิงเซี่ยงแล้วสินะ!” ฝ่าบาทไม่พอใจยิ่งนัก

เดิมทียังคาดหวังว่าเฉิงเซี่ยงจะคิดวิธีแก้ปัญหาได้ แต่เขากลับไม่มา

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดได้วิธีหนึ่ง ไม่ทราบว่าใช้ได้หรือไม่?” จ้าวซ่างซูกล่าวด้วยความเคารพ

“จ้าวซ่างซูกล่าวมาเลย พวกเจ้าที่เหลือควรฝึกจ้าวซ่างซูหน่อย ไม่ว่าจะใช้ได้หรือไม่ อย่างน้อยก็ควรคิดอย่างจริงจัง ราชสำนักของข้าไม่เอาผู้ที่ไร้ประโยชน์!” ฝ่าบาทพูดอย่างเฉยชา

ขุนนางชั้นสูงคนอื่นๆก็ยิ่งก้มหัวต่ำลง มีเพียงแต่จ้าวซ่างซูผู้เดียวที่ทำหน้าได้ใจ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการ

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมนึกได้ว่าในเมื่อมันฝรั่งล้นเอ่อจนกลายเป็นอุทกภัย พวกข้าก็สามารถขนส่งมันฝรั่งไปขายในรอบๆ เมืองได้ หากขายในราคาต่ำ ก็คงมีคนจำนวนมากที่ซื้อ!

หรือทรงออกพระราชโองการ ให้มันฝรั่งเป็นหนึ่งในอาหารที่ต้องสั่งในร้านสุรา และใครก็ตามที่ไปทานอาหารในร้านสุราล้วนต้องสั่งมันฝรั่งหนึ่งจาน ก็ถือได้ว่าเป็นการกระตุ้นยอดขาย” จ้าวซ่างซูเสนอ

เดิมทีฝ่าบาทที่คาดหวังอย่างดีใจ สีหน้าก็ดูแย่ลงในทันที “ในรอบๆหนึ่งร้อยไมล์นี้ล้วนปลูกมันฝรั่งกัน จะขนส่งไปที่ใด ถึงมันฝรั่งจะสามารถเก็บไว้ อย่างช้าสุดสิบวันก็งอกรากกินไม่ได้แล้ว นี่หรือวิธีที่เจ้าคิดได้?”

จ้าวซ่างซูฟังความไม่พอใจของฝ่าบาทออก และรีบเปลี่ยนคำพูด “ฝ่าบาท ลดการปลูกของมันฝรั่ง และเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่นนี้ก็จะแก้ปัญหาจากต้นเหตุได้?”

ยังไม่รอฝ่าบาทเอ่ยปาก หยุนเฉิงเซี่ยงที่มาจากนอกห้องโถงก็เข้ามา “จ้าวซ่างซูนี่มันวิธีบ้าบออะไรของเจ้า ที่ดินในเมืองตุ้นเหมาะสำหรับการปลูกมันฝรั่งที่สุด หากเปลี่ยนเป็นพืชอื่นๆ ก็จะทำให้ผลผลิตลดลง อีกอย่างราษฎรหลายแห่งในแคว้นต้าเยียนยังไม่มีข้าวกิน จะปลูกน้อยลงได้อย่างไร?”

จ้าวซ่างซูที่ถูกกล่าวหาอย่างกะทันหัน มองดูหยุนเฉิงเซี่ยงที่เข้ามาจากประตูก็รู้สึกโกรธในทันที “เจ้าคิดวิธีไม่ออกเอง ยังมีหน้ามากล่าวหาข้าอีก ไม่รู้สึกอายหรือ?”

หยุนเฉิงเซี่ยงกลอกตาใส่เขา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดวิธีไม่ออก?” พูดเช่นนั้น ก็คำนับฝ่าบาท

คิ้วที่หล่อเหลาของฝ่าบาทยกขึ้นเล็กน้อย “หยุนเฉิงเซี่ยงคิดวิธีออกแล้วจริงหรือ?”

เขารู้ว่าหยุนถิงจะไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน ไม่นานมานี้องค์หญิงหลันรั่วกำลังจะผูกไมตรีด้วยการแต่งงานกับต้าเยียน แต่ฝ่าบาทไม่ได้ตอบตกลง หยุนถิงได้ตอบแทนน้ำใจเขาไปแล้วหนึ่ง หากไปหาหยุนถิงโดยตรง ก็เหมือนว่าตัวเองไร้ความสามารถ ในฐานะจักรพรรดิของแคว้นหนึ่ง และมักหาผู้หญิงคนหนึ่งแก้ไขปัญหาของราชสำนัก ฝ่าบาทเองก็จำใจเสียหน้าไม่ได้ ดังนั้นจึงจงใจกดดันหยุนเฉิงเซี่ยง

พ่อของตัวเองเจอปัญหา หยุนถิงก็คงไม่สนไม่ได้

“ฝ่าบาททรงอย่าฟังเรื่องไร้สาระที่หยุนเฉิงเซี่ยงพูด เมื่อคืนเขายังร้องไห้คร่ำครวญที่จวนของกระหม่อมโดยบอกว่าคิดวิธีไม่ออก และบอกว่าจะไม่เป็นเฉิงเซี่ยงแล้ว” จ้าวซ่างซูพูดโดยไม่คิด

ขุนนางชั้นสูงคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงกันหมด จ้าวซ่างซูและหยุนเฉิงเซี่ยงไม่ถูกกันมาโดยตลอด หยุนเฉิงเซี่ยงกลับไปหาเขาที่จวน เป็นไปได้อย่างไร ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อ

หยุนเฉิงเซี่ยงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “จ้าวซ่างซูโง่เขลาเอง ก็จึงคิดว่าทุกคนก็เป็นเหมือนเจ้าหรือ ตลกยิ่งนัก”

สีหน้าของจ้าวซ่างซูมืดครึ้ม และจ้องมองมาด้วยความโกรธ “ถ้าอย่างนั้น เจ้าบอกข้าสิ เจ้าคิดวิธีอะไรออก?”