บทที่ 425 หมอสิบคน

การประลองรอบสอง หลานเยาเยาเลือกทีเดียวสิบคนมาประลองกับนาง เป็นการดมกลิ่นหอมแยกแยะยาเหมือนกัน

และทั้งสิบคนเหล่านั้นก่อนหน้านี้พูดจาหยาบคายป่าเถื่อนเป็นที่สุด เป็นผู้ที่ท่าทางชั่วช้าเป็นที่สุด

ด้วยปากและหน้าตาที่ดุร้ายของพวกเขา ในการส่วนตัวจะต้องมีคนบริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยที่ตายในน้ำมือของพวกเขา

หมอสิบคนนั้นทั้งรอคอยการประลองฝีมือ ทั้งแปลกใจมากว่าทำไมหมอเทวดาถึงได้เลือกพวกเขา หรือว่านางมองไม่ออกว่าพวกเขาแต่ละคนล้วนอยากจะจัดการให้นางตาย?

มีคนตั้งคำถาม

“หมอเทวดา ทำไมไม่ใช่หนึ่งต่อหนึ่ง แต่เป็นต้องการสิบคน? หรือว่าเป็นการดูถูกพวกเราหรือ?”

พูดตามจริง นางรู้สึกว่าวิชาการรักษาของพวกเขาสิบคนคุณสมบัติไม่เพียงพอจริงๆ

หลานเยาเยาไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขา แต่ได้พูดกฎเกณฑ์ในการแข่งขันไปตรงๆ

“เช่นนี้ละกัน! พวกเจ้าทุกคนไปปรุงยารักษาที่ตัวเองเชี่ยวชาญ แต่ข้าน่ะ จะใช้ยาที่ปรุงในการแข่งขันก่อนหน้านี้

กฎเกณฑ์ก็คือ เพียงแค่มีคนในพวกเจ้าทั้งสิบสามารถแยกแยะยาออกมาได้ ก็ถือว่าพวกเจ้าชนะ แต่ข้าอยากชนะพวกเจ้า ก็จำเป็นต้องเอายาทั้งหมดที่พวกเจ้าทั้งสิบคนปรุงออกมา แยกแยะทั้งหมดออกมาให้ได้ถึงจะได้”

กฎเกณฑ์เช่นนี้เห็นได้ชัดว่ามีแต่ข้อเสียไม่มีข้อที่เป็นประโยชน์ต่อหลานเยาเยาแม้สักน้อย

แน่นอนว่าบรรดาผู้คนต่างก็ดีใจ

แต่ในขณะที่ดีใจ มีคนกลับรู้สึกโกรธเคืองและไม่ยอมรับ

นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการดูถูกพวกเขานี่!

แต่ก่อนหน้านี้มีบทเรียนของชายอัปลักษณ์วัยกลางคนผู้นั้น คำเรียกขานที่พวกเขาใช้ต่อหลานเยาเยา ได้เปลี่ยนจากแม่นางเป็นหมอเทวดาแล้ว

“หมอเทวดา นี่ท่านจะดูถูกพวกเรามากเกินไปหน่อยแล้ว แม้ว่าเมื่อสักครู่หมอผู้นั้นจะมีวิชาการรักษาสูงส่ง แต่พวกเราทั้งสิบคนก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดา”

“ปล่อยนางเหอะ! ยังไงซะกฎเกณฑ์ล้วนเป็นหมอเทวดากำหนดขึ้นมาเอง ตัวนางเองอยากหาที่ตายก็ให้นางตายสิ! หรือว่าเจ้าอยากตาย?”

“ก็ใช่ ไม่ว่าจะเพราะโอหังอวดดีก็ดี ดูถูกเหยียดหยามพวกเราจริงๆก็ชั่ง สุดท้ายกฎเกณฑ์ก็ออกมาแล้ว พวกข้าก็ยินดีที่จะเล่นเป็นเพื่อน ถึงเวลาแพ้แล้ว หมอเทวดาก็อย่าได้อับอายจนเกิดโทสะ ให้เจ้าของเรือมาหนุนหลังท่านก็พอ”

มองดูสีหน้าอารมณ์ของพวกเขาแต่ละคนล้วนอยากรู้จักนาง

หลานเยาเยาเอ่ยอย่างราบเรียบ :

“ทุกท่านวางใจ ในการแข่งขันทั้งหมดในห้องส่วนตัว ไม่ว่าเจ้าของเรือจะชอบพอใครมาก แข่งขันแพ้แล้วก็ไร้ค่า แต่ไหนแต่ไรเขาจะไม่ก้าวก่าย ความเป็นความตายเป็นดวงชะตา ร่ำรวยมีเกียรติอยู่ที่สวรรค์ พวกเจ้าสามารถเริ่มได้แล้ว”

เมื่อรู้ว่าเจ้าของเรือจะไม่ก้าวก่ายแล้ว

หมอทั้งสิบคนนั้นก็รีบหยิบกระปุกยาแล้วไปที่ชั้นวางยา

หลานเยาเยาดูอยู่เงียบๆ กระปุกยาที่ปรุงขณะที่ตัวเองประลองฝีมือกับชายอัปลักษณ์วัยกลางคน มุมปากก็ยกขึ้นเคลือบด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก

ลูกมือที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง ในดวงตาแฝงด้วยความกังวล

เขาผู้ดูแลได้ถูกจัดให้เข้ามาช่วยเหลือหมอเทวดาเป็นการชั่วคราว ถึงจะรู้วิชาการรักษาเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เป็นลูกมือ

แต่เขารู้ ผู้ที่พอจะสามารถเข้ามาในสถานที่แข่งขันความเป็นตายประเภทนี้ได้ วิชาการรักษาล้วนไม่ได้แย่ และไม่ใช่คนดีอะไร

พวกเขาแต่ละคนลักษณะท่าทางลับๆล่อๆ แววตาเผยให้เห็นถึงแรงสังหาร ต้องเอาความเชี่ยวชาญที่สุดของตัวเองออกมาและปรุงยาพิษที่ยากที่สุดออกมา

จุดที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ

ยาที่ผู้โจ้เจิ้งได้ปรุงไว้เมื่อครู่ พวกเขาสิบคนก็เห็นหมดแล้ว ไม่แน่ ในนั้นจะมีคนที่เดาออกแล้วก็ได้

ด้วยเหตุนี้!

ลูกมือก้าวขึ้นไปข้างหน้า คิดอยากพูดเตือน

“หมอเทวดา……”

เพียงแต่เพิ่งได้เอ่ยเพียงสองคำ หลานเยาเยาก็โบกมือให้เขา

“พวกเขาชนะข้าไม่ได้”

ผู้โจ้เจิ้งพูดเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าลูกมือจะเป็นห่วงก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ถอยหลังไปอยู่นิ่งๆอยู่ตรงนั้น

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแล้ว

ด้านหน้าของหลานเยาเยาวางกระปุกยาไว้กระปุกหนึ่ง แต่นางเผชิญหน้ากับกระปุกยาสิบกระปุกของหมอสิบคนที่อยู่ด้านหน้า

หลานเยาเยาเอ่ยขึ้นก่อน

“เป็นพวกเจ้าเริ่มก่อนหรือข้าเริ่มก่อนล่ะ?”

ถึงอย่างไรก็แล้วแต่นางก็ได้ทั้งนั้น

มีท่านระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเป็นที่พึ่ง นางก็ไม่กลัวอะไรแล้ว ดังนั้นนางให้พวกเขาเลือก

หมอหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น :

“แม้ว่าจะรู้ว่าเจ้ามีความสามารถแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือความสามารถที่แท้จริง เจ้าก็ไม่สามารถที่จะชนะพวกเราทั้งสิบคนได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ให้ก็ให้หมอเทวดาเริ่มก่อนดีกว่า!”

“ได้!”

หลานเยาเยาก็ไม่คิดจะถกเถียงกับพวกเขา ในเมื่อพวกเขาให้นางเริ่มก่อน เช่นนั้นนางเริ่มก็ได้

ด้วยเหตุนี้นางจากซ้ายไปขวา เริ่มหยิบกระปุกยา มีบ้าง ที่นางเพียงเปิดออกเล็กน้อย จากนั้นก็ดมเบาๆ ก็พูดส่วนผสมของตัวยาออกมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว

ที่ค่อนข้างธรรมดา แม้กระทั่งส่วนผสมนางก็ขี้เกียจจะเอ่ยออกมา พูดชื่อยาไปโดยตรงก็ได้แล้ว จนถึงยากระปุกสุดท้ายถูกนางดมและพูดออกแล้ว

คนที่ดูอยู่ก็ตกตะลึงเป็นที่สุด และหมอทั้งสิบคนที่แข่งขันก็ตกตะลึงยกใหญ่จนหน้าถอดสี

ตั้งแต่หลังจากที่หลานเยาเยาเริ่มทายยาที่ปรุงขึ้นของสองสามคนแรกถูกหมด สีหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต่อด้วยสั่นเทาขึ้นมา

สุดท้ายเมื่อหลานเยาเยาวางยากระปุกสุดท้ายลง แล้วพูดกับพวกเขา :

“ถึงตาพวกท่านแล้ว”

ในน้ำเสียงที่เย็นชา กลับแผ่กระจายไปด้วยความเย็นยะเยือก

ในหูของหมอทั้งสิบคนน้ำเสียงที่น่าฟังของนางกลับเหมือนดั่งมนต์คาถาที่เร่งเอาชีวิตเช่นนั้น บีบคั้นหัวใจพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หัวใจของพวกเขาเริ่มเย็นลงทีละคืบทีละคืบ

คิดไม่ถึง……

บนโลกนี้ยังจะมีบุคคลที่เก่งกาจเช่นนี้อยู่จริง สามารถพูดยาทั้งหมดที่พวกเขาปรุงออกมาได้ทั้งหมดอย่าเหลือเชื่อ

อีกทั้งพวกเขาปรุงทั้งหมดเป็นยาพิษ แต่สำหรับหมอเทวดาแล้ว กลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย หรือว่าพิษใดใดก็ไม่สามารถทำร้ายนางได้แล้วงั้นหรือ?

นี่จะสามารถเป็นไปได้อย่างไร?

หลานเยาเยามองดูพวกคนหนึ่งคนสองคนที่ล้วนลังเลไม่ออกมาข้างหน้า หัวเราะเบาๆแล้วเอ่ย :

“ยาพิษที่ทุกท่านได้ปรุงเมื่อครู่ ต้องการที่จะฆ่าข้าให้ตาย แต่ว่า พวกท่านไม่ต้องกลัว

เมื่อครู่พวกท่านก็ได้เห็นแล้ว หมอท่านนั้นที่ได้ประลองฝีมือกับข้าก่อนหน้านี้ หลังจากที่แพ้การแข่งขัน ข้าก็เพียงให้เขาไปอาบน้ำในทะเลสาบเท่านั้น หรือว่าพวกท่านยังไม่วางใจอีกหรือ?”

เฮ้อ!

เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าล้วนมีอำนาจบาตรใหญ่หรอกหรือ?

ตอนนี้แย่งกันเป็นเต่าหดหัวไปหมด น่าเบื่อชะมัด!

หลังจากที่ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ หมอทั้งหมดจึงตระหนักได้

ถูกต้อง!

เมื่อครู่คนผู้นั้นที่ได้ประลองฝีมือกับหมอเทวดาพูดจาสามหาวก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร หากว่าพวกเราดมไม่ออก อย่างมากก็แค่ไปว่ายน้ำในทะเลสาบเท่านั้น

กลัวอะไร?

แม้ว่าจะแอบหัวเราะเยาะหมอเทวดาว่าเป็นผู้หญิงที่มีศีลธรรม ทำได้เพียงใจอ่อน แต่ผิวเผินกลับทำเป็นวางมาด

ในไม่ช้าก็มีคนขึ้นมาด้านหน้า หยิบกระปุกยาที่หลานเยาเยาปรุง ดมแล้วก็ดมอีก ดูแล้วก็ดูอีก พูดออกมาได้เพียงชื่อวัสดุปรุงยาที่เป็นส่วนผสมแค่หนึ่งชนิด อีกทั้งยังพูดผิดอีก

คนที่หนึ่งพ่ายแพ้

จากนั้นที่เหลืออีกเก้าคนก็รีบทยอยกันขึ้นมาด้านหน้าทันที ดมไปพลางดูไปพลาง

ในพวกเขากลับมีคนที่มีวิชาการรักษาสูงอยู่จริง แต่กลับดมวัสดุยาที่เป็นส่วนผสมออกมาได้เพียงสองสามอย่าง

ไม่มีสักคนที่สามารถตอบได้ถูกหมด ถึงแม้ว่าจะเอาคำตอบทั้งหมดของชื่อวัสดุปรุงยาที่พวกเขาทั้งสิบคนเดาออกมาได้มารวมกันทั้งหมด ก็ไม่ได้ตอบถูกทั้งหมด

คราวนี้

สีหน้าของพวกเขาทั้งสิบคนซีดเผือดไร้ที่เปรียบ ทำได้เพียงมองดูผู้หญิงที่อายุสิบแปดสิบเก้าปีที่อยู่ด้านหน้าผู้นี้นิ่งๆ

“ท่าน ที่ท่านปรุงนี้คืออะไร? ทำไมถึงได้ทายยากเช่นนี้? ท่านได้เอาของที่ไม่ใช่วัสดุปรุงยาเพิ่มเข้าไปใช่หรือไม่?

หากไม่เช่นนั้น ทำไมพวกเราทั้งหมดถึงเดาไม่ออก?”

เหอะ!

เดาไม่ออกยังจะโทษใครได้อีก?

ทำได้เพียงโทษตัวพวกเขาเองที่วิชาการรักษาไม่ล้ำเลิศ!

แต่ว่า มีคนกลับยังก่อกวนไม่หยุด : “เพื่อยืนยันว่าท่านไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งของที่ไม่ใช่วัสดุปรุงยา ท่านจำเป็นต้องรายงานออกมาว่าท่านใช้วัสดุปรุงยากี่ชนิด แยกออกมาเป็นประเภทไหนบ้าง?

ดีที่สุดให้ปรุงใหม่อีกครั้งในสถานที่แข่งขัน ให้พวกเราเห็น ไม่เช่นนั้น พวกเราไม่ยอมรับ ยังมีเหตุผลเชื่อว่าท่านได้เพิ่มเติมของสิ่งอื่น ทำลายกฎ ท่านก็จำเป็นต้องรับการลงโทษ”

และการลงโทษก็คือวางยาพิษนางให้ตายทั้งเป็น