บทที่ 426 เช่นนี้จะวางยาพิษให้คนตายได้หรือไม่

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 426 เช่นนี้จะวางยาพิษให้คนตายได้หรือไม่?

หึ!

น่าสนุกจริงๆ นางพูดยาที่พวกเขาปรุงออกมาแล้ว ตัวพวกเขาเองพูดออกมาไม่ได้ กลับหาเหตุผลต่างๆนานามาพูดว่าผู้อื่นไม่ถูก

มองดูอารมณ์ของพวกเขาที่สูงขึ้นอย่างเรื่อยๆ ดึงดูดให้คนที่ชมอยู่รอบข้างก็รู้สึก ว่าเป็นนางเล่นตุกติกหลอกบรรดาผู้คน

ดังนั้นแต่ละคนก็ล้วนบีบบังคับนางให้ปรุงยาที่เหมือนกันขึ้นมาอีกรอบ

“ดู นางอึ้งแล้ว ดูท่า เป็นจริงดั่งที่ข้าคาด นางไม่ใช่หมอเทวดา ก็เป็นคนหลอกลวง”

“ใช่ ข้ากล้ายืนยัน นางปรุงยาที่เหมือนกันออกมาไม่ได้โดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะปรุงออกมาเหมือนกัน ก็ต้องเพิ่มเติมสิ่งที่ไม่ใช่วัสดุปรุงยาแน่นอน ความจริงตอนนี้พวกเราสามารถหนึ่งคนวางยาพิษนางให้ตายได้”

“ใช่ ก็ทำเช่นนี้ ยังไงซะพวกเราก็คนเยอะก็ได้เปรียบ”

สำหรับการบีบคั้นมากขึ้นของพวกเขา แต่ละคนสีหน้าดุร้าย ราวกับว่าต้องการจะกลืนหลานเยาเยาเข้าไปทั้งเป็น

สีหน้าอารมณ์ของหลานเยาเยายังคงสงบนิ่ง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆทันที กล่าวอย่างไม่แยแสว่า :

“ได้สิ! ปรุงใหม่ก็ปรุงใหม่ แต่ว่าพวกเจ้าทำให้ข้าเกิดโทสะแล้ว รอหลังจากข้าปรุงเสร็จ พวกเจ้าก็รอรับการลงโทษเถอะ!”

คำพูดของนาง ทำให้หมอสิบคนที่ประลองฝีมือกับนาง เกิดความสยองพองขนขึ้นมาลึกๆในใจทันที

ไม่ดี!

พวกเขาจะต้องยั่วยุให้นางโกรธเป็นแน่ หากว่านางปรุงออกมาได้จริง เช่นนั้นพวกเขาก็มีเพียงทางตายเส้นทางเดียวแล้ว

ทำอย่างไร?

แต่ไหนแต่ไรมีแต่พวกเขาที่วางยาพิษฆ่าคนอื่น จะสามารถให้คนอื่นมาฆ่าตัวเองได้อย่างไรล่ะ?

ตอนนี้ความหวังอย่างเดียวของพวกเขา ก็คือหวังว่าผู้โจ้เจิ้งผู้นี้จะปรุงยาที่เหมือนกันออกมาไม่ได้

แม้จะปรุงออกมาได้ พวกเขาก็จำเป็นต้องพูดปฏิเสธเหมือนกันว่าไม่เหมือน แบบนี้พวกเขาถึงจะสามารถรักษาชีวิตรอดได้

ถูกต้อง!

จำเป็นต้องทำเช่นนี้

แม้ว่าพวกเขาสิบคนจะไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่กล่าวจากจรรยาหมอในวันปกติของกันและกันแล้ว พอที่จะพูดได้ว่าเป็นอุปนิสัยใจคอไม่ดีเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาได้ส่งสายตาแลกเปลี่ยนกันแล้ว ก็ล้วนพยักหน้าอย่างยินดีปรีดา

แน่นอนว่าหลานเยาเยาได้มองดูแววตาของพวกเขาไว้ในตาหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

แถมยังหยิบกระปุกยาใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็หาวัสดุยาแต่ละอย่างแต่ละอย่าง หลังจากรอจนหาวัสดุยาสามสิบแปดชนิดครบแล้ว

จึงเริ่มบดเป็นผง จากนั้นก็ผสมเข้าด้วยกัน

เดิมทีก็เป็นยาที่เหมือนกันเป๊ะๆ

ดังนั้นสีสันและความมันวาวของมัน กลิ่นก็เหมือนกันหมด

ขณะเดียวกันบรรดาผู้คนก็ต่างแอบตกตะลึง แต่ละคนกลัวจะคอหด รอจนพวกเขาตรวจสอบชี้ขาดเสร็จแล้ว ก็รู้ว่ายาที่ปรุงขึ้นใหม่ กับก่อนหน้านี้เหมือนกันทั้งหมด

แต่เพื่อชีวิตของตัวเอง หลังจากที่หนึ่งคนในนั้นดมกลิ่นยาดมแล้วดมอีก

ก็เอากระปุกยาเคาะบนโต๊ะยาวอย่างรุนแรงทันที ตะโกนเสียงดังว่า :

“เหอะเหอะ นี่คือยาที่ท่านปรุงออกมา? เห็นได้ชัดว่าสีสันความมันวาวไม่เหมือนกัน ท่านกำลังหลอกพวกเราอยู่หรือ?

คิดไม่ถึงว่าอายุน้อยๆก็กล้าชั่วร้ายได้เพียงนี้ คิดว่ายาที่ปรุงขึ้นก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเพิ่มเติมสิ่งของอื่น และยังไม่ใช่วัสดุยาอีก

ดูท่า ท่านผู้โจ้เจิ้งของการแข่งขันการรักษาผู้นี้ก็ไม่เท่าไหร่นี่! อยากฆ่าพวกเราให้ตาย ไม่มีทาง ทุกคนว่าใช่หรือไม่?”

หมอคนอื่นๆในนั้นก็สนับสนุนทันที :

“ใช่แล้วใช่แล้ว ผู้ที่ชั่วร้ายขนาดนี้คิดไม่ถึงว่ายังเป็นผู้โจ้เจิ้งของการแข่งขันการรักษา ถุ้ย เจ้าไม่มีสิทธิ์เป็นหมอโดยสิ้นเชิง พวกเราทุบที่นี่ด้วยกัน”

“ดี พวกเราทุบด้วยกัน ทุกคนรีบลงมือเร็ว ดูว่าหลังจากนี้นางยังจะกล้าหลอกคนอีกหรือไม่”

แน่นอน!

หากพวกเขาต้องการจะทุบ ก่อนอื่นก็คือทุบยาสองกระปุกนั้นที่ผู้โจ้เจิ้งปรุง เช่นนี้ก็สามารถทำลายร่องรอยหลักฐานได้

หลังจากรอให้เรื่องวุ่นวายเสร็จแล้ว แม้ว่าเจ้าของเรือเรือแห่งความสิ้นหวังมาเอง อยากตรวจสอบก็ตรวจสอบอะไรไม่ได้แล้ว

อีกทั้ง พวกเขาคนเยอะอำนาจเยอะ แม่นางผู้หนึ่งที่ผ่านโลกมาน้อย จะสามารถพูดชนะได้? นางสามารถทำได้เพียงอธิบายเป็นร้อยก็ไม่ชัดแจ้ง”

หมอที่เป็นผู้นำผู้หนึ่งในนั้น เอาขวดเล็กออกมาจากหน้าอกโดยตรง หลังเปิดจุกขวดออก ก็สาดตัวยาบนโต๊ะโดยตรง คิดอยากทำลายกระปุกยาและผู้โจ้เจิ้งทิ้งทั้งหมด

หลานเยาเยาหรี่ตาลงเล็กน้อย

เปลี่ยนฝ่าที่อยู่ในแขนเสื้อเป็นหมัด เคลื่อนกำลังภายใน ด้วยฝ่ามือแรงลมที่มีความเร็วเป็นที่สุดประดุจสายฟ้า เอายาผงที่สาดออกมา พัดกวาดกลับไปดังเดิม และทั้งหมดยังสาดเข้าบนร่างกายของคนที่ใช้ยาเมื่อครู่นั้น

“ซือซือซือ……”

“อ้า……”

บนร่างของผู้นั้นเริ่มมีควัน ยาผงที่โดนผิวหนังเกิดเสียงเหมือนกับถูกน้ำมันทอด จากนั้นถูกกัดกร่อนด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยดวงตา

“รีบช่วยข้า ยาถอนพิษอยู่……อยู่……”

หมอผู้นั้นร้องอย่างสังเวชไปพลางคิดอยากยื่นมือเข้าไปที่หน้าอกหยิบยาถอนพิษไปพลาง แต่กลับหวาดผวาต่อการพบเห็น มือของเขาได้ถูกกัดกร่อนไปมากกว่าครึ่งแล้ว

“อ้า……”

เวลาเพียงไม่กี่พริบตา คนผู้นั้นแม้จะร้องก็ร้องไม่ออกแล้ว ล้มไปกับพื้นโดยตรง ตายแล้ว

จากนั้นร่างกายของยังคง “ซือซือ” ดังอยู่ การกัดกร่อนยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ มีหมอบางคนที่ขี้ขลาด หลังจากที่เห็นหัวขาดแล้ว ตกใจจนหน้าซีดขาว ทรุดไปนั่งบนพื้น

หลังจากนั้นสองสามนาที

หลานเยาเยามองดูน้ำเลือดที่ยังคงซือซือเป็นฟอง ในตาเป็นความเฉยเมย แปรเปลี่ยนเป็นแอ่งเลือด

เหอะ ภัยพิบัติที่นำมาด้วยตัวเอง!

บรรดาผู้คนมองดูคนผู้นั้นกลายเป็นเลือดอยากหวาดกลัวอย่างที่สุด แต่ละคนห่างออกไปไกลๆ ไม่มีสักคนกล้าเข้ามาช่วยเขา ตอนนี้เห็นเขากลายเป็นเลือด พวกเขานอกจากความหวาดกลัว ก็มีเพียงมองอย่างเฉยเมย

ไม่มีสักคนกล้าพูด และไม่มีสักคนกล้าขยับ

“นี่ก็เรียกว่าสร้างภัยพิบัติเองสมควรตาย ก่อนหน้านี้บอกพวกเจ้าไว้นานแล้ว ละเมิดกฎเกณฑ์ของที่นี่ก็มีเพียงทางตายเส้นทางเดียว ตอนนี้พวกเจ้าเชื่อแล้วหรือยัง?”

บรรดาผู้คนตกใจจนถูกทำให้หวาดผวาแล้ว หลังจากได้ยินเสียงของนาง ก็รีบพยักหน้าดั่งลูกไก่ที่จิ๊กข้าวทันที

“เชื่อเชื่อเชื่อ หมอเทวดาพูดอะไรพวกเราเชื่อทั้งหมด”

หมอที่ประลองฝีมือกับหลานเยาเยาที่เหลืออีกเก้าคน รีบคุกเข่าบนพื้นทันที โขกหัวคำนับอย่างไม่คิดชีวิต

“หมอเทวดา ไว้ชีวิตเถิด!”

“ขอร้องขอร้องท่านปล่อยพวกเราเถอะ!”

“เมื่อครู่ล้วนเป็นเขาที่แอบบอกใบ้ให้พวกเราทำเช่นนี้” เพื่อรอดชีวิต มีคนถึงขึ้นโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของหมอที่ได้กลายเป็นเลือดแล้ว

พวกเขาทั้งหลายกรีดร้องและร้องไห้ขอให้ไว้ชีวิตอยู่ที่นั่น เสียงโขกหัว เหมือนเสียงของพระเคาะมู่อวี๋ แต่ละทีแต่ละทีดังขึ้นไม่พร้อมกัน อีกทั้งยังเสียงดังมาก เหมือนคนในบ้านตายแล้ว พวกเขาเป็นลูกกตัญญูเช่นนั้น แต่คนเป้าหมายที่คำนับ……

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ปัง” เสียงหนึ่ง

นางเอามือตบไปบนโต๊ะโดยตรง

ในห้องส่วนตัวเงียบงันในพริบตา ทุกคนมองไปทางนาง หมอเก้าคนที่เหลือแววตาหวาดผวาเป็นที่สุด

“พวกเจ้าไม่ได้บอกว่า ไม่เชื่อว่ายาที่ข้าปรุงก่อนหน้านี้กับยาที่ปรุงตอนนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ข้าคิดวิธีพิสูจน์ที่ง่ายดายป่าเถื่อนได้กะทันหัน ตอนนี้ก็ลองดู”

ความจริงแล้วพวกเขาโชคร้ายตรงไหน!

พวกเขาเพียงไม่อยากตายเท่านั้น

แต่ได้ยินว่านางจะพิสูจน์ พวกเขาก็แปลกใจเป็นอย่างมากว่าจะใช้วิธีไหนพิสูจน์กันแน่ ดังนั้นแต่ละคนเบิกตาโตจ้องมองนาง

หลานเยาเยาหันกลับไปมองลูกมือ

“ไปเอาน้ำมาแก้วหนึ่ง!”

ลูกมือทำมือเคารพและไป จากนั้นก็ถือน้ำแก้วหนึ่งเข้ามา

หลังจากรับน้ำมาแล้ว หลานเยาเยาก็เปิดผากระปุกยาสองอันที่ปรุงไว้ออก จากนั้นก็เทน้ำเข้าไป……

“ผุดผุดผุด……”

“ผุดผุดผุด……”

เสียงคล้ายกับฟอง จากนั้นพวกเขาก็เห็นควันสีขาวหนาทึบล้นออกมาจากในกระปุก อีกทั้งยังล้นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นาน ทั้งในห้องส่วนตัวก็ปกคลุมไปด้วยควันสีขาวหนาทึบ

บรรดาผู้คนเริ่มจากตกตะลึง จนถึงสุดท้ายเป็นหวาดผวา หลังจากดมกลิ่นที่ประหลาดแล้วแต่ละคนก็ปิดจมูก