บทที่ 425 หน้าต่างที่เปิดไม่ออก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 425 หน้าต่างที่เปิดไม่ออก

บทที่ 425 หน้าต่างที่เปิดไม่ออก

ชิวฮัวเล่ยมองซูอันด้วยความลังเลใจ “ดูเหมือนจะเป็นคนจากหอสุขนิรันดร์…”

“เยี่ยมไปเลย! ข้าสบายใจละ เจ้ากลับไปกับพวกเขาเถอะ!” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แต่ข้าไม่ต้องการให้ใครนอกจากนายน้อยเห็นสภาพนี้ของข้า!” ชิวฮัวเล่ยมองเขาด้วยดวงตาที่กลมโตและน่าสงสาร

ซูอันยกย่องในเสน่ห์นาง ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมให้โอกาสเขาจากไปแม้แต่นิดเดียวเลยจริง ๆ! นางเป็นราชินีแห่งการยั่วยวนตัวจริง!

เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วพันรอบตัวนาง จมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันน่าหลงใหลของนางขณะที่ชายหนุ่มอยู่ใกล้ ๆ “แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว!”

เสื้อคลุมของเขายาวมาก และเขาก็สูงกว่านางด้วย มันจึงมากเกินพอที่จะปกปิดร่างของนางจากสายตาที่หื่นกระหาย

ชิวฮัวเล่ยกระชับเสื้อคลุมรอบตัวนางด้วยการแสดงออกที่ขัดแย้ง “นายน้อยรู้หรือไม่ว่าสภาพนี้ของข้าจะสร้างความโกลาหลขนาดไหน?” นางถาม

ซูอันหัวเราะคิกคัก “เจ้าไม่ได้วางแผนที่จะเป็นอนุภรรยาของข้าแล้วเหรอ? นี่คงเป็นโอกาสอันดีที่เจ้าจะประกาศว่าเจ้าเป็นของข้าแล้วมันไม่ดีหรือไง?” เขาตอบกลับ

ชิวฮัวเล่ยจ้องมองเขาอย่างพูดไม่ออก นางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยกคำพูดของนางมาอ้าง นางจึงอึ้งไปชั่วขณะ และไม่อาจโต้ตอบกับเขาได้

“ข้าไปก่อนล่ะ!” ซูอันโบกมืออำลา เขาจำได้ว่าฉู่ชูเหยียนจะต้องได้รับการฝังเข็มทุกวัน โดยเฉพาะสองสามวันแรกที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากนางพลาดการรักษาเพียงครั้งเดียว ความเย็นจัดก็อาจกำเริบขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างง่ายดายและอันตรายมากขึ้นไปอีก

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเร่งร้อนอยากกลับบ้านทันที

เมื่อสัมผัสได้ถึงความรีบร้อนที่จะจากไป ชิวฮัวเล่ยพยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะหยุดเขา “อาซู…”

ซูอันเพิ่งเริ่มออกเดิน แต่เมื่อได้ยินนางเรียกเขา ชายหนุ่มก็หยุดและหันหลังกลับ “มีอะไรงั้นเหรอ?”

การแสดงออกของชิวฮัวเล่ยเป็นเหมือนนกที่ได้รับบาดเจ็บ “เกลียดข้าเหรอ? ทำไมท่านถึงรีบร้อนที่จะจากไปนัก?”

“ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ แล้วค่อยเจอกันวันหลัง!” ซูอันโบกมือลาและร่างของเขาก็ค่อย ๆ หายไปภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน

ฮัวเว่ยเหมียนรีบวิ่งมาหานางพร้อมกับผู้คุ้มกันของนางจำนวนมาก “ฮัวเล่ย เจ้าเป็นอะไรไหม?”

“ข้าสบายดี” ชิวฮัวเล่ยส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของนางยังคงมองไปยังทิศทางที่ซูอันหายตัวไป

ฮัวเว่ยเหมียนต้องการพูดอย่างอื่น แต่เมื่อนางเห็นชิวฮัวเล่ยสวมเสื้อคลุมของผู้ชาย สีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที นางตะโกนสั่งผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงเรื่องวันนี้กับใครก็ตาม ถ้าข้าได้ยินแม้แต่ข่าวลือเดียว ข้าไม่สนว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ พวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกทุบตีจนตาย!”

บรรดาผู้คุ้มกันรู้สึกเสียวไปถึงสันหลังด้วยคำพูดของนาง พวกเขาพยักหน้ารับรู้ทันที

หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบพาชิวฮัวเล่ยกลับไป

เมื่อนางกลับถึงห้อง แม่บ้านก็เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ชิวฮัวเล่ยถอดเสื้อคลุมที่เปียกโชกของนางออก เผยให้เห็นร่างที่น่าทึ่งที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนคลั่งไคล้ นางค่อย ๆ เข้าไปในถังอาบน้ำ

ขณะที่นางแช่ตัวในน้ำอุ่น นางยกมือที่เรียบเนียนขาวราวหิมะ จากนั้นเสื้อคลุมของซูอันซึ่งแขวนอยู่ก็พุ่งมาอยู่ในมือของนาง นางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วพ่นลมหายใจ “นายน้อยซู ช่างเป็นคนขี้เหนียวจริง ๆ เขาไม่ได้นำตั๋วเงินติดตัวมาด้วยซ้ำ!”

แม้ว่านางจะไม่พบตั๋วเงินใด ๆ แต่นางก็พบหอยสังข์แสนสวย

“เอ๊ะ?” ด้วยความรอบรู้ของนาง นางรู้ดีว่าสิ่งนี้สามารถเก็บเสียงเพลงได้

นางเปิดมันจากนั้นท่วงทำนอง คนตัดคน สุดคลาสสิกก็ดังขึ้น!

ชิวฮัวเล่ยรู้สึกว่าหัวใจของนางเริ่มเต้นแรง ไม่นานหลังจากนั้น นางก็ถอนหายใจยาว “อาซู นี่ท่านยังยืนกรานได้อย่างไรว่าท่านไม่ได้แต่งเพลง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ขึ้นมา? ท่านนี่ชอบโกหกจริง ๆ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักมาจากนอกหน้าต่าง

ท่าทีที่ผ่อนคลายของชิวฮัวเล่ยหายไป นางรีบคลุมร่างกายของนางด้วยเสื้อคลุมของซูอันพลางจ้องเขม็งไปที่ร่างที่อยู่อีกด้าน

“ใครบอกให้เจ้าเข้ามา?”

“ข้าแค่กังวลถึงความปลอดภัยของศิษย์น้อง…ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะอาบน้ำอยู่” มันเป็นเสียงของกู่เยว่อี แม้เขาจะพูดโดยไม่สะดุด แต่ก็ไม่สามารถเก็บเสียงกลืนน้ำลายของเขาได้

ชิวฮัวเล่ยมองเขาด้วยดวงตาเย็นชา ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว แท่งไม้ไผ่เงาวับที่มีโคมไฟเล็ก ๆ แขวนอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อโดนอาบด้วยแสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟ กู่เยว่อีก็ตกตะลึงเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย

กู่เยว่อีรู้สึกขนลุกทันที เขาได้สติจากความหมกมุ่นในราคะและรีบอธิบาย “ศ…ศิษย์น้อง ม…เมื่อครู่นี้ข้าสับสนไป ข้าไม่เคยตั้งใจจะล่วงเกินเจ้า”

เสียงของชิวฮัวเล่ยเย็นชา “ถ้ามันเกิดขึ้นอีกก็อย่าได้มาโทษที่ข้าต้องโหดร้าย ต่อให้เราจะเป็นสมาชิกร่วมสำนักเดียวกัน แต่ข้าก็กล้าปลิดชีวิตเจ้า!”

“ได้ ๆๆ ไม่มีอีกแล้ว! มันเป็นอุบัติเหตุ! จะไม่มีครั้งที่สองแน่นอน” กู่เยว่อีถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แม้ว่าจะมีม่านกั้นระหว่างทั้งสองคน แต่ก็ยังก้มศีรษะมองลงแต่ที่พื้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางโกรธ

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่เคยคิดว่านางจะแข็งแกร่งขนาดนี้

แล้วโคมไฟแสงสีเหลืองนี้คืออะไร? มันคือของวิเศษที่อาจารย์มอบให้นางงั้นเหรอ?

อาจารย์ช่างลำเอียงจริง ๆ!

เหงื่อเย็นเยียบไหลออกมามากขึ้น ในขณะที่เขานึกถึงความพยายามหลายครั้งที่เขาต้องการหาเศษหาเลยกับนางก่อนหน้านี้ กู่เยว่อีก็ปาดเหงื่อบนใบหน้าช้า ๆ อย่างตื่นตระหนก

อย่างไรก็ตาม วันนี้มีบางอย่างไม่ปกติ ก่อนหน้านี้เขาเคยเย้าแหย่นางมาก่อน แต่นางก็จะทำแค่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ เสมอ ทำไมวันนี้นางถึงแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน?

“อ้อ ต่อไปในอนาคต ถ้าเจ้าจะหนีจากสถานการณ์อันตราย ก็หนีไป แต่อย่าใช้คนของตัวเองเป็นเกราะกำบังแบบนั้นอีก!” ชิวฮัวเล่ยพูดอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของเขาบนเรือ

กู่เยว่อีรีบพยักหน้า “ได้! แน่นอนข้าจะไม่ทำอีก”

เขาสาปแช่งนางอยู่ในใจ ถ้าเจ้าแข็งแกร่งมากขนาดนี้ แล้วทำไมบนเรือลำนั้นเราสองคนไม่ร่วมมือกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงไม่ต้องหนีจากเฉินเซวียนในสภาพที่น่าสังเวชแบบนั้น!

เขาเก็บความคิดของเขาไว้ในใจ ไม่ยอมให้แสดงออกมาบนสีหน้า

“ไปซะ!” ชิวฮัวเล่ยโบกมืออย่างไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเขาอีก

กู่เยว่อีรู้สึกราวกับว่าเพิ่งได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่ เขาจึงรีบหนีไปทันที

ชิวฮัวเล่ยเล่นเปลือกหอยในมือของนาง รอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าอีกครั้ง

ที่แผนการของนางทั้งหมดถูกทำลายในครั้งนี้ มันเป็นความผิดของเฉินเซวียน อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วแผนการทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปได้ นางมั่นใจว่าซูอันคุ้มค่ากับการลงทุนของนาง

“ฮัดชิ่ว…” ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วเนื้อตัวของซูอัน ทันทีที่เขากลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ทำให้เขาจามอย่างรุนแรง

เขาเปลี่ยนเสื้อที่เปียกเป็นชุดเสื้อผ้าสะอาด จากนั้นก็รีบไปที่ห้องของฉู่ชูเหยียน

ข้าสงสัยว่านางยังจำได้ไหมว่านางต้องปลดกลอนหน้าต่างให้ข้าเข้าไป?

ซูอันเหลือบมองท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ดวงจันทร์ที่สว่างไสวแขวนอยู่เหนือหัว ขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว

เขาแอบไปที่ห้องของฉู่ชูเหยียน ซึ่งฉินหว่านหรูได้สั่งให้เพิ่มจำนวนยามรักษาการณ์ นับตั้งแต่เหตุการณ์บุกรุกครั้งก่อน

การรักษาความปลอดภัยของที่นี่แทบจะไม่มีช่องโหว่ แม้ซูอันจะมี ‘วิชาร่างก้าวทานตะวัน’ ที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจใช้มันได้ดีเหมือนเมื่อก่อน เมื่อไม่มีทางที่จะหลบเลี่ยงสายตาของทหารรักษาการณ์ได้ ชายหนุ่มจึงใช้จ้าววายุเพื่อพุ่งข้ามไป สิ่งนี้ทำให้สามารถแอบเข้ามาได้โดยไม่พบปัญหาใด ๆ

ซูอันอารมณ์เสียอย่างไม่น่าเชื่อ นี่มันอะไรกันเนี่ย? ทำไมข้าต้องทำตัวเป็นหัวขโมยด้วย? ข้าแค่จะเข้าไปในห้องภรรยาตัวเอง!

เมื่อเขามาถึงหน้าต่างที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ซูอันสังเกตเห็นว่าแสงไฟภายในนั้นดับลงแล้ว

ภรรยาของข้าหน้าบางเกินไปจริง ๆ นางคงกังวลว่าคนอื่นจะสงสัยหากไฟยังเปิดอยู่

เขามองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ จากนั้นเขาก็วางมือลงบนหน้าต่างแล้วผลักเบา ๆ

หืม? ทำไมมันไม่เคลื่อนไหว?

ซูอันพยายามอีกครั้ง คราวนี้เขาออกแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่ขยับเขยื้อน

หน้าต่างบานนี้มันควรจะเปิดได้นี่นา? เขานึกย้อนไปถึงบทสนทนาของเขาทั้งสอง บางทีข้าอาจจะจำผิด

เขาลองเปิดหน้าต่างบานอื่น แต่มันก็ไม่ขยับเช่นกัน อะไรเนี่ย?

เขาลองเปิดหน้าต่างที่เหลือ มันไม่ได้ปลดลงกลอนแม้แต่บานเดียว

ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง เขากับนางตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?

เขาเพิ่งปฏิเสธการยั่วยวนอันทรงพลังของชิวฮัวเล่ยเพื่อมาหานาง แต่นี่คือสิ่งที่เขาได้รับกลับมา?

แต่เมื่อครุ่นคิดไปอีกพักหนึ่ง เขาก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า ฉู่ชูเหยียนอาจจะยังขี้อายเกินไป และยังไม่ได้ทำใจกับข้อตกลงระหว่างเขาและนาง

อย่างไรก็ตาม การกำจัดน้ำแข็งในช่วงเริ่มต้นนี้มีความสำคัญมาก และไม่สามารถล่าช้าออกไปได้!