บทที่ 424 ยั่วยวนทุกวิถีทางแต่ไร้ผล

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 424 ยั่วยวนทุกวิถีทางแต่ไร้ผล

บทที่ 424 ยั่วยวนทุกวิถีทางแต่ไร้ผล

ซูอันไม่ได้คาดหวังว่าชิวฮัวเล่ย จะหนีมาแบบนี้เช่นกัน แถมเรี่ยวแรงของนางตอนที่ลากเขาลงมาในน้ำมันก็ทำให้เขาตกตะลึง

จากการประเมินคร่าว ๆ พละกำลังของนางนั้นน่าจะมีพอ ๆ กับเขาเลย เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้บ่มเพาะที่มีระดับไม่ต่ำกว่า 5 แน่ ๆ

ทันทีที่พวกเขาลงมาในน้ำ ร่างของชิวฮัวเล่ยก็ขยับราวกับนางเงือก ขาของนางกวัดแกว่งไปมาอย่างไหลลื่น ผลักทั้งสองคนออกมาไกลอย่างรวดเร็ว

ด้วยกังวลว่าโจรจากค่ายเมฆาทมิฬจะสังเกตเห็นพวกนาง นางจึงดึงซูอันให้จมลึกลงไปในน้ำยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าโจรค่ายเมฆาทมิฬ คนอื่น ๆ ที่กำลังค้นหาบนผิวน้ำได้พลัดจากพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว

ซูอันรู้สึกหดหู่ใจ น้องสาว…อย่างน้อยเจ้าช่วยบอกข้าให้เตรียมตัวหน่อยได้ไหม? นอกจากนี้ ถ้าข้าช่วยกันกับเพ่ยเหมียนหมาน เราก็น่าจะเอาชนะเฉินเซวียนได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาอ้าปาก น้ำก็ไหลเข้ามา…

ข้าทำอะไรเนี่ย? ข้าจะสำลักน้ำและจบลงเหมือนเสวี่ยเอ๋อร์ไหม?

แม้ว่าเขาจะรู้วิธีว่ายน้ำ แต่ชายหนุ่มไม่เคยลองดำน้ำมาก่อน ไม่เพียงแค่นั้น เขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้ ถ้าอย่างน้อยเขาได้หายใจเข้าเต็มปอดล่วงหน้าก่อน มันก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้

เมื่อสังเกตเห็นว่าเขาสำลักและดิ้นรน ชิวฮัวเล่ยก็ดึงเขาเข้ามาหาตัวนางอย่างอ่อนโยนและแนบริมฝีปากของนางกับเขา เพื่อถ่ายเทอากาศ

ดวงตาของซูอันเบิกกว้างทันที เขาเคยเห็นฉากแบบนี้ในละครทีวีมาก่อน! ย้อนกลับไปตอนนั้น ชายหนุ่มยังเคยบ่นว่ามันไม่สมจริง ใครจะรู้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง?

ขณะที่อากาศจากนางเติมเข้าสู่ร่างกายของเขา ความตื่นตระหนกของซูอันก็ค่อย ๆ หยุดลง

มือของเขาเคลื่อนไปโอบรอบเอวและก้นของนางโดยอัตโนมัติ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงรูปร่างอันงดงามสมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายผ่านมือทั้งสอง ความขุ่นเคืองที่มีต่อนางหายไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย

ข้าต้องการจับให้มากกว่านี้!

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของเขา ชิวฮัวเล่ยก็ผลักเขาออกไป นางจ้องซูอันด้วยความโกรธ แล้วเริ่มว่ายไปทางริมฝั่งแม่น้ำคนเดียว

พวกเขาว่ายน้ำกันต่อไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่ซูอันจะเริ่มทำท่าสำลักอีกครั้ง เขาชี้ที่ปากของเขา โบกมืออย่างต่อเนื่องราวกับว่าต้องการอากาศ

แม้แต่ภายใต้แสงสลัวใต้น้ำ ชายหนุ่มก็สามารถเห็นใบหน้าของชิวฮัวเล่ยเปลี่ยนเป็นสีแดง นางเพิกเฉยต่อเขาในตอนแรก

แต่ท้ายที่สุด เมื่อเห็นว่าซูอันไม่ไหวแล้ว ทั้งสองคนก็แลกเปลี่ยนอากาศกันอีกครั้ง

ชิวฮัวเล่ยมีท่าทางขอโทษเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง “ท่านสบายดีไหม?” นางถามด้วยความเป็นห่วง

“เจ้ายังกล้าถามเรื่องนี้อีกเหรอ!” เสียงของซูอันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ข้าโบกมือให้เจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เจ้ากลับไม่สนใจข้าเลย!”

หยดน้ำไหลจากเส้นผมลงสู่ใบหน้าของชิวฮัวเล่ย นางหน้าแดง “มันเป็นความผิดของท่านที่ทำตัวไม่ดีกับข้าก่อน!”

“การกอดโดยสัญชาตญาณถือว่าทำไม่ดีกับเจ้างั้นเหรอ? ข้าไม่ได้ใช้ลิ้นด้วยซ้ำ!” ซูอันกล่าวอย่างขุ่นเคือง

ชิวฮัวเล่ยพูดไม่ออก

นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย นี่นางเปลืองเนื้อเปลืองตัวมากเกินไปเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ถ้านางไม่ได้ให้อากาศกับซูอัน เมื่อครู่นี้เขาอาจจะจมน้ำไปแล้วก็ได้

หลังจากที่ซูอันระบายความหงุดหงิดของตัวเองแล้ว เขาก็รีบหันกลับไปมองยังเรือที่อยู่ไกลออกไป แสงวาบวาบจากใจกลางแม่น้ำ ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว จนมองเห็นร่างที่โผเข้าหากัน

หืม? เพ่ยเหมียนหมานซ่อนความแข็งแกร่งของนางมาตลอดเลยงั้นเหรอ? นางแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับเฉินเซวียน?

ราวกับว่านางอ่านความคิดของเขาได้ ริมฝีปากสีแดงของชิวฮัวเล่ย เปิดออกเล็กน้อย “อย่ากังวล ผู้หญิงคนนั้นบ่มเพาะธาตุไฟ ในขณะที่เฉินเซวียนใช้ธาตุโลหะ ไฟย่อมทำให้โลหะหลอมละลาย ดังนั้นนางจึงมีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติ”

ซูอันผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม้ว่านางจะได้เปรียบ แต่ความแข็งแกร่งของเฉินเซวียนก็อยู่ที่ระดับ 6 อีกทั้งอยู่กลางแม่น้ำซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อผู้บ่มเพาะธาตุไฟ เพื่อนของข้ายังตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี!”

“ที่นี่เป็นย่านที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนของเมืองจันทร์กระจ่าง กองกำลังป้องกันเมืองจะส่งทหารมาที่นี่เพื่อตรวจสอบความไม่สงบครั้งใหญ่นี้อย่างแน่นอน เฉินเซวียนจะไม่กล้ารั้งอยู่นานเกินไป”

ชิวฮัวเล่ยยิ้มแย้มพลางตั้งข้อสังเกต “ดูเหมือนว่านายน้อยและเพื่อนคนนั้นจะมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมากกว่าแค่เพียงผิวเผิน นางยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยท่าน และท่านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของนางอย่างแท้จริง”

ซูอันยิ้มจาง ๆ “หากเจ้าตกอยู่ในอันตราย ข้าก็เป็นห่วงเหมือนกัน”

ชิวฮัวเล่ยทำแก้มป่องอย่างขุ่นเคือง “ข้าได้ยกย่องนายน้อยว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจริงใจ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าท่านเป็นเพียงผู้พูดที่คล่องแคล่วและลิ้นลื่นไหลอีกคนหนึ่ง”

ชายคนนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็นจริง ๆ! แม้แต่ผู้หญิงที่สวยและแข็งแกร่งขนาดนั้นก็ยังมาช่วยเขา…ดูเหมือนว่าข้าไม่ใช่คนเดียวที่สังเกตเห็นอะไรดี ๆ ในตัวผู้ชายคนนี้

“ข้าไม่เห็นด้วยกับเจ้า” น้ำเสียงของซูอัน ฟังดูเหมือนเรื่องคอขาดบาดตาย “เจ้าบอกว่าข้ามีลิ้นที่ลื่นไหล แต่ตอนที่เราจูบกัน ข้าไม่ได้ใช้ลิ้นเลยแม้แต่นิด ลิ้นของเราสองคนไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกันเลย ดังนั้นเจ้ารู้ได้ยังไงว่าลิ้นข้าลื่นไหล?” เขาโต้แย้งด้วยสีหน้าจริงจัง

ชิวฮัวเล่ยพูดไม่ออกอีกครั้ง

ตลอดระยะเวลาหลายปีของนางในหอสุขนิรันดร์ นางเป็นฝ่ายล้อเลียนผู้ชายเสมอ นางจึงไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เป็นฝ่ายพูดไม่ออกซะเอง

นางไม่ยอมตอบเขา และเริ่มปีนขึ้นฝั่ง

น้ำได้ซ่อนร่างของนางจากสายตาของเขาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เมื่อนางพ้นจากผิวน้ำแล้ว น้ำที่ชุ่มอยู่บนเสื้อผ้าของนาง มันจึงทำให้ซูอันสามารถมองเห็นผิวพรรณของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างของนางเต็มไปด้วยความเย้ายวนใจไม่รู้จบ

ซูอันรู้สึกว่าจมูกของเขาอุ่นขึ้น เขาปาดจมูกเงียบ ๆ และดีใจที่ไม่มีเลือดติดมือมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจะน่าอายเกินไป

“นายน้อย โปรดรีบขึ้นฝั่ง…อา!” ชิวฮัวเล่ยที่เพิ่งหันกลับมาช่วยเขา นางสังเกตเห็นท่าทีของเขาในทันใด นางก้มศีรษะลงทันที และก็รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่ นางตะโกนด้วยความตื่นตระหนก และรีบเอาแขนปิดบังหน้าอกและร่างกายของตัวเองเท่าที่พอจะทำได้

ใบหน้าของซูอันแดงขึ้น ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน เขาจึงรีบปีนขึ้นฝั่งด้วยความรู้สึกละอายใจ

เพื่อปกปิดความอับอายของเขา ซูอันก็กล่าวว่า “ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่หอสุขนิรันดร์ก่อน เจ้าจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า”

ชิวฮัวเล่ยส่ายหัวนางพูดด้วยท่าทีค่อนข้างกังวลว่า “ในหอสุขนิรันดร์มีสายตาที่สอดรู้สอดเห็นมากเกินไป ถ้าข้าเข้าไปในสภาพนี้คงจะวุ่นวายกันใหญ่โตแน่ ๆ”

ซูอันตกตะลึง “แล้วเราต้องทำยังไง?”

ชิวฮัวเล่ยกัดริมฝีปากของนางอย่างเขินอายและพูดว่า “มันอาจจะดีกว่าที่จะไปที่บ้านของนายน้อยแทน ข้าสามารถขอยืมเสื้อผ้าของท่านได้”

นี่คือตัวอย่างของการล่อลวงชั้นครู!

รูปลักษณ์ที่งดงามโดดเด่นของชิวฮัวเล่ย อารมณ์ที่แสดง สถานการณ์ที่พวกเขาอยู่ ทั้งหมดเต็มไปด้วยความหมายแฝง…แน่นอนว่าไม่มีใครในโลกสามารถปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้ใช่ไหม?

น่าเสียดายที่ซูอันไม่ใช่คนธรรมดา เขาจึงปฏิเสธ “ที่นี่อยู่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลฉู่มากเกินไป และโอกาสที่จะถูกเจอก็ค่อนข้างสูง ข้าเชื่อว่าเจ้าควรจะรู้ถึงสถานะของข้าในตระกูลฉู่ และรู้ว่าทำไมไม่ควรพาเจ้ากลับไปกับข้า

“ท่านเป็นนายน้อยที่สูงส่งของตระกูลฉู่ แค่แขกคนเดียวท่านพากลับบ้านไม่ได้เลยงั้นเหรอ?” ชิวฮัวเล่ยยิ้มจาง ๆ นางต้องการให้เขารู้ว่าตำแหน่งปัจจุบันของเขาในตระกูลฉู่นั้นเสียเปรียบเพียงใด ความไม่พอใจของเขาจะกระตุ้นให้ชายหนุ่มปรารถนาที่จะไต่เต้าขึ้นไป และสิ่งต่าง ๆ ก็จะดำเนินไปอย่างราบรื่นตามแผนการของนาง

ซูอันกลอกตา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นแขกธรรมดางั้นเหรอ? เจ้าเป็นคณิกาที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในเมืองจันทร์กระจ่าง! ถ้าขืนข้าพาเจ้ากลับไปด้วย ท่านแม่ยายของข้าคงเอาข้าถึงตายแน่! แม้แต่น้องฮวนเจาก็คงไม่มองหน้าข้าอีก!

นอกจากนี้ ภูมิหลังของผู้หญิงคนนี้ยังเป็นที่น่าสงสัย และแรงจูงใจของนางก็ไม่บริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น อาการของชูเหยียนยังแย่อยู่ การนำผู้หญิงคนนี้กลับไปด้วยไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย

เขาทำเป็นไม่สนใจต่อความพยายามของนางและพูดว่า “เอาอย่างนี้ดีไหม? ทำไมเราสองคนไม่ไปหาห้องล่ะ?”

“หาห้อง? หมายความว่ายังไง?” ชิวฮัวเล่ยรู้สึกสับสน

“หาห้องในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ สักห้อง แล้วข้าจะหาชุดให้เจ้าเปลี่ยน” ซูอันอธิบายอย่างจริงจัง

“ข้าคงไม่ทำแบบนั้น ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าท่านกำลังคิดไม่ดีกับข้า” ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงโห่ร้องมาทางพวกเขาจากที่ไกล ๆ และไม่นาน ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับคบเพลิงในมือ