บทที่ 372 ตัดสินใจโดยพลการ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีพยักหน้าให้ “ใช่ค่ะ!”

“เธอ……”คุณหญิงอัณณ์โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ

ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นมา “คุณวารุณี ยังไงคุณหญิงอัณณ์ก็เป็นคุณป้าใหญ่ของคุณ คุณทำแบบนี้ คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไรนะคะ ?”

นวิยาเดินลงมาจากชั้นบน แล้วเดินตรงเข้ามาหา

ใบหน้าเรียวสวยของวารุณีก็มืดมน“คุณนวิยา เรื่องนี้ดูเหมือนมันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะคะ ?”

“ใช่ค่ะมันไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ท่าทีที่คุณปฏิบัติกับคุณหญิงอัณณ์ ฉันไม่เห็นด้วยเท่าไร”นวิยากล่าว แล้วเดินมาตรงหน้าของคุณหญิงอัณณ์ “คุณหญิงอัณณ์ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

คุณหญิงอัณณ์มองมาที่เธอ นึกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร “คุณคือ?”

“หนูชื่อนวิยาไงคะ คุณลืมแล้วเหรอ ?” นวิยายกยิ้มแล้วตอบกลับ

คุณหญิงอัณณ์ก็นึกขึ้นมาได้ทันที“นี่หนูเองเหรอ ฉันได้ยินว่าหนูฟื้นนานแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”

“หนูมาขอพักอาศัยอยู่กับนัทธีค่ะ ” นวิยากล่าว

คุณหญิงอัณณ์พยักหน้ารับ “อย่างนี้นี่เอง ฉันก็คิดว่าคนที่จะได้มาลงเอยกับนัทธีจะเป็นหนู ไม่คิดว่าจะมีใครบางคนเข้ามาแทรก ช่างน่าเสียดายจริงๆ เมื่อเทียบกับใครบางคนแล้ว ฉันหวังจะให้หนูมาเป็นสะใภ้ของตระกูลไชยรัตน์เรามากกว่า”

เธอจับไปที่มือของนวิยา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มออกมา

ท่าทีแบบนี้ เหมือนกับที่เพิ่งเจอวารุณีเมื่อครู่ไม่มีผิด

วารุณีจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขากำลังประชดเธออยู่ เพราะเธอไม่ไปพูดเกลี้ยกล่อมนัทธี จึงทำเป็นยกยอปอปั้นนวิยาแล้วมาทับถมเธอ

ในใจของวารุณีเมินเฉยกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกโกรธ เธอคร้านที่จะเก็บมาใส่ใจมากกว่า ยกแก้วน้ำตัวเองขึ้น แล้วจิบมันอย่างสบายอารมณ์

แต่นวิยาเองกลับรู้สึกเขินอาย และแกล้งมองไปยังวารุณีอย่างรู้สึกผิด“คุณวารุณี คุณหญิงอัณณ์ไม่ได้ตั้งใจ คุณอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ วางใจเถอะ ตอนนี้ฉันตกลงคบหากับพิชิตแล้ว จะไม่คิดเกินเลยอะไรกับนัทธีอีก ดังนั้นคำพูดของคุณหญิงอัณณ์ คุณอย่าเก็บเอาไปคิดมากนะ”

“ฉันไม่ได้สนใจมันเลย เพราะคำพูดพวกนั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง คนที่อยู่กับนัทธี ก็ยังเป็นฉัน” วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

แววตาของนวิยาก็เย็นชา แต่ใบหน้ายังคงยกยิ้มอยู่ “คุณพูดถูก ”

เธอไม่ได้มองวารุณอีก หันกลับไปมองที่คุณหญิงอัณณ์“คุณนาย เมื่อครู่หนูได้ยินที่คุยกันไม่ทั้งหมด ได้ยินแค่คุณขอให้คุณวารุณีช่วยใช่ไหมคะ ? แต่คุณวารุณีเธอปฏิเสธ?”

“ก็ใช่นะสิ ไม่เคยเห็นใครไร้หัวใจเท่านี้มาก่อน” หางตาของคุณหญิงอัณณ์เหลือบมองมายังวารุณีด้วยความรังเกียจ

วารุณีไม่ได้สนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่น ราวกับเธอเป็นธาตุอากาศ

และมันก็ทำให้คุณหญิงอัณณ์ต้องเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง

นวิยาจ้องมองและเก็บรายละเอียดของคนทั้งคู่ มุมปากค่อยๆยกหยักขึ้น

เธออดไม่ได้ที่อยากจะให้ทั้งสองคนนั้นหมางใจกัน

เธออยากให้วารุณีได้รู้ ว่าแต่งงานกับนัทธี แต่งเข้าตระกูลไชยรัตน์แล้วมันยังไง ไม่ได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ผลมันจะเป็นยังไง

ต้องมีสักวัน ที่เธอจะทนอยู่ในตระกูลไชยรัตน์ต่อไปไม่ได้อีก

เมื่อคิดได้ดังนั้น รอยยิ้มของนวิยาที่ส่งไปให้กับคุณหญิงอัณณ์ก็ยิ่งฉีกกว้างมากขึ้น“งั้นคุณหญิงอัณณ์พอจะบอกหนูได้ไหมคะ เผื่อหนูจะไปช่วยพูดขอร้องกับนัทธีให้ได้ ?”

“ใช่สิ!”แววตาของคุณหญิงอัณณ์เป็นประกาย“นวิยา หนูเป็นเพื่อนกับนัทธีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนก็สนิทสนมกับนัทธีมาก ฉันก็คิดมาตลอดว่าพวกเธอคงจะได้ลงเอยด้วยกัน น่าเสียดาย……เฮ้อ ไม่พูดถึงมันดีกว่า นวิยา หนูต้องช่วยป้านะ ”

“คุณป้าพูดมาเถอะค่ะ” นวิยาเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานทันที

ทันใดนั้นคุณหญิงอัณณ์ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา จากนั้นก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดไปที่หางตา“เรื่องมันเป็นแบบนี้ ตอนนี้นัทธีกำลังตามหาตัวนิรุตติ์อยู่ นิรุตติ์เองก็กลับเข้าบ้านไม่ได้ ดังนั้นป้าจึงได้มาหาวารุณี อยากให้นัทธีวางมือจากเรื่องนี้ แต่เธอไม่ยอม ดังนั้นนวิยา หนูต้องช่วยป้าพูดเกลี้ยกล่อมนัทธีนะ ”

“อ้อ?”ดวงตาของนวิยาไหววูบ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มปรากฏ“หนูทราบแล้วค่ะคุณป้า วางใจเถอะนะคะ หนูจะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมนัทธีให้ค่ะ”

วารุณีได้ยินเธอตกปากรับคำ คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

คุณหญิงอัณณ์กำมือของนวิยาแน่นด้วยความดีใจ “ เยี่ยมไปเลย ขอบใจมากนะนวิยา”

“ยินดีค่ะ เป็นเรื่องที่สมควรต้องช่วยอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นพี่นิรุตติ์ก็เคยช่วยเหลือหนูมาก่อน ”

“เธอพูดถูก ก็มีแค่หนูนวิยานี่แหละที่มีน้ำใจ ไม่เหมือนกับใครบางคน” ในตอนที่คุณหญิงอัณณ์พูดคำว่าใครบางคนออกมา ใบหน้าก็เฉยชาขึ้นมา สายตาก็ยังเหลือบมองมาที่เธออีกด้วย

วารุณีได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้พวกเขามองดูกันตามสบาย

“เอาล่ะนวิยา ป้ามานานแล้ว ต้องขอตัวกลับก่อน เรื่องของนิรุตติ์ก็คงต้องรบกวนหนูแล้ว ไว้คราวหน้าป้าจะชวนหนูไปนั่งเล่นที่บ้านนะ ”คุณหญิงอัณณ์ลุกยืนขึ้น

นวิยาก็ลุกขึ้นตาม “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูเดินไปส่งคุณป้านะคะ ”

พูดจบ ทั้งสองก็พากันเดินไปที่ประตู

ป้าส้มเดินถือผลไม้จานหนึ่งออกมา แล้วมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนเดินไป“คุณนวิยานี่ก็ช่างกระไร เธอคิดว่าเธอเป็นนายหญิงของที่นี่หรือยังไง ยังเดินไปส่งคุณนายใหญ่อีกด้วย ช่างไม่รู้มารยาทเอาเสียเลย นี่มันเป็นหน้าที่ที่นายหญิงของบ้านควรทำ แต่เธอกลับแย่งมันไป ”

“ช่างเถอะค่ะป้าส้ม เธออยากจะทำก็ปล่อยให้เธอทำ ” วารุณีหยิบแตงโมชิ้นหนึ่งเข้าปาก

ไม่ใช่ว่าเธออ่อนแอไม่กล้าแย่งหน้าที่นี้มา

แต่เป็นเพราะเธอไม่ชอบคุณหญิงอัณณ์ เพราะฉะนั้นเลยให้นวิยารับหน้าที่นี้ไป

“ไอพูดมันก็พูดได้อยู่หรอกนะค่ะ แต่……ช่างมันเถอะคะ” ป้าส้มที่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ต้องส่ายหน้า และไม่พูดอะไรออกมา

วารุณีหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าส้ม นั่งลงก่อนนะคะ อยู่กินเป็นเพื่อนหนูก่อน”

ป้าส้มเองก็พอดีกับไม่มีงานอะไร จึงนั่งลงตามที่เธอบอก

นวิยาที่ส่งคุณหญิงอัณณ์เสร็จก็เดินกลับเข้ามา“คุณวารุณี ป้าส้ม ”

“คุณนวิยา คุณรู้ไหมที่คุณตอบตกลงรับปากคุณนายใหญ่ไป สำหรับคุณผู้หญิงแล้ว มันไม่ยุติธรรมแค่ไหน?” จู่ๆป้าส้มก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย

รอยยิ้มบนใบหน้าของนวิยาก็หุบลง “ป้าส้ม ป้าหมายถึงอะไรคะ?”

“คุณนายใหญ่มาหาคุณผู้หญิง ก็เพื่ออยากให้คุณผู้หญิงช่วยพูดกับคุณผู้ชาย แต่คุณผู้หญิงถูกคุณนิรุตติ์ลักพาตัวไป คุณผู้หญิงเธอจะยินยอมช่วยเหลือหรือไม่ เป็นเรื่องของคุณผู้หญิงเอง คุณมีสิทธิ์อะไรไปตอบรับแทนคุณผู้หญิงเธอ?” ป้าส้มมองไปที่เธออย่างไม่พอใจ

มันก็เหมือนกับ ผู้ที่ถูกกระทำไม่ยินดีที่จะยกโทษให้กับผู้กระทำ

แต่คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กลับยกโทษให้กับผู้กระทำแทนผู้ถูกกระทำ ช่างน่าขำเสียจริง

วารุณีฟังคำพูดที่ป้าส้มกำลังต่อว่านวิยา ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจด้วยเช่นกัน

แต่สีหน้าของนวิยา ก็ถึงกับแข็งค้างไป

เธอบิดแขนเสื้อ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า“ฉันก็แค่คิดแทนคุณวารุณีเธอ คุณวารุณีเป็นสะใภ้ของตระกูลไชยรัตน์ หากเธอปฏิเสธคุณหญิงอัณณ์ กลัวว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลไชยรัตน์อย่างยากลำบาก ดังนั้น……”

“นั้นมันก็ไม่ใช่หน้าที่คุณที่จะมาตัดสินใจแทน”ป้าส้มพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

ดวงตาของนวิยาก็คลอเบ้า “คุณวารุณี คุณก็คิดว่าที่ฉันทำมันผิดเหรอคะ ?”

“ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าคุณนวิยาช่างชอบคิดเข้าข้างตัวเองจังเลย”

วารุณีมองดูเธอ น้ำเสียงเย็นชาและเฉยเมย“คุณนวิยาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน แต่กลับเมินเฉยเหมือนมองไม่เห็น แล้วยืนอยู่บนหลักศีลธรรมของความถูกต้อง กล่าวหาว่าการปฏิเสธคุณหญิงอัณณ์ของฉันมันผิด แล้วยังมาตกปากรับคำคุณหญิงอัณณ์แทนฉัน คุณคิดว่าการกระทำของคุณทำถูกไหม? ”

“ใช่ เห็นชัดว่าพูดไม่เห็นใจความรู้สึกคนอื่นเลยสักนิด ” ป้าส้มก็พูดเสริมมาอีกคำหนึ่ง

นวิยาขบริมฝีปากแน่น น้ำตาก็ไหลพราก จากนั้นก็หันหลังแล้ววิ่งขึ้นไปยังชั้นบน

ป้าส้มถึงกับหัวเราะขำ“ คุณผู้หญิง เราไม่ได้ว่าอะไรเธอรุนแรงไปใช่ไหมคะ เธอถึงกับร้องไห้จนต้องวิ่งหนีไปเลย เหมือนเรารังแกเธอเลยนะคะทำไมคุณนวิยาเธอถึงได้มีนิสัยแบบนี้กันร เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ”

วารุณียิ้มแล้วหยิบผลไม้ขึ้นมากิน ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ

เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ เพราะเมื่อก่อนเธอยังไม่ได้โผล่เข้ามา ดังนั้นนวิยาจึงไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นคนอ่อนแอ

แต่ตอนนี้เธอปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว หากนวิยาไม่ทำแบบนี้ ใครจะมาปกป้องเธอ และสนใจเธอ?