บทที่ 373 ความทะเยอทะยานของอารัณ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ต้องไปแล้วค่ะคุณผู้หญิง เย็นมากแล้ว ป้าไปเตรียมมื้อค่ำดีกว่า อีกสักพักคุณผู้ชายก็น่าจะกลับมาแล้ว” ป้าส้มมองดูโทรศัพท์มือถือ ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัวไป

วารุณีก็นึกขึ้นมาได้ว่าใกล้เวลาต้องไปรับเด็กๆแล้วเหมือนกัน วางส้อมในมือลง ขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปรับเด็กๆ

ในตอนที่รับเด็กๆขึ้นรถมาแล้ว ก็เห็นว่ายังเช้าอยู่

วารุณีก็กดโทรออกไปหานัทธี

รอสายไม่นานปลายสายก็มีคนรับ เสียงเข้มๆของนัทธีก็ดังขึ้นมา“ฮัลโหล?”

“ที่รัก คุณเลิกงานหรือยัง ?”วารุณีขับรถไปด้วยพลางเอ่ยถามไปด้วย

เด็กทั้งสองคนเกาะแน่นไปที่เบาะคนขับ แล้วเงี่ยหูฟัง

นัทธีมองไปยังเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า คลึงไปที่หว่างคิ้ว ตอบกลับอย่างเหนื่อยล้าว่า “คงอีกสักพัก”

“งั้นฉันกับลูกๆแวะไปรับคุณนะ ?” วารุณีมองไปยังแววตาที่ลุกวาวของเด็กๆแล้วพูดออกไป

นัทธีเลิกคิ้วขึ้น “มารับผม?”

“ใช่ค่ะ ที่ผ่านมา คุณเป็นฝ่ายไปรับส่งเราแม่ลูกอยู่ตลอด เรายังไม่เคยไปรับคุณเลย วันนี้ให้เราไปรับคุณแล้วกันนะคะว่ายังไง ? ”วารุณียกยิ้มแล้วพูดออกมา

นัทธีก็รู้สึกว่ามันแปลกใหม่ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย“ได้ มาสิ ”

“ค่ะ แล้วเจอกัน”วารุณีกดวางสายไป

ไอริณปรบมือด้วยความดีใจ“หม่ามี๊ เราจะไปรับคุณพ่อกันใช่ไหมคะ ?”

“ใช่จ้า”วารุณีพยักหน้าให้

“ดีเลยค่ะ หม่ามี๊ขับซิ่งๆเลย!” ไอริณก็พูดเร่ง

วารุณีหัวเราะออกมา แล้วเร่งความเร็วขึ้นมาเล็กน้อย

และในบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป นัทธีวางโทรศัพท์ลง เรียกมารุตเข้ามาหา “นายช่วยไปเตรียมของเล่นและขนมที่เด็กๆชอบมาให้หน่อย”

“ของเล่นและขนม?”มารุตถึงกับอึ้งไป จากนั้นก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ถามกลับไปว่า“อารัณกับไอริณจะมาเหรอครับ?”

“ใช่”นัทธีพยักหน้าให้

“รับทราบครับ ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้ ”มารุตพูดจบ ก็หันหลังเดินออกไป

นัทธีก้มหน้าลง แล้วจัดการกับเอกสารบนโต๊ะต่อ

ผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมงได้ วารุณีก็มาถึงที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

หลังจากที่เธอขับรถไปจอดที่ลานจอดรถเรียบร้อย ก็จูงมือของเด็กไว้คนละข้าง เดินเข้าไปที่ลิฟต์

ลิฟต์ที่ลานจอดรถเป็นลิฟต์ที่ตรงไปยังชั้นบนสุดของตัวตึก และมีไว้ให้นัทธีใช้เองโดยเฉพาะ เธอจึงไม่ต้องมาเป็นกังวลว่าจะมีใครมาเห็นเธอกับเด็กๆ

ขึ้นมาถึงยังชั้นบนอย่างราบรื่น ทันทีที่วารุณีแม่ลูกสามคนเดินออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นมารุตที่ยืนรออยู่ตรงนอกลิฟต์แล้ว

“อามารุต”เด็กทั้งสองคนโบกมือน้อยๆให้ แล้วเอ่ยทักทายกับมารุต

มารุตยิ้มให้แล้วตอบกลับ“ สวัสดีครับ นี่คืออมยิ้ม เอาไปกินกันเลย ”

“ขอบคุณอามารุตครับ/ค่ะ”เด็กทั้งสองรับอมยิ้มที่มีสีสันสดใสมาอย่างดีอกดีใจ

ไอริณแกะไม่ออก จึงยื่นอมยิ้มไปให้กับอารัณ “พี่อารัณ แกะให้หน่อย”

“เรื่องเยอะจริงๆ ”แม้คำพูดของอารัณจะดูเหมือนรำคาญ แต่มือก็ซื่อสัตย์รับอมยิ้มนั้นมา แกะมันให้เธอ

และไอริณเองก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา จ้องมองตาละห้อย ราวกับหากไม่เฝ้ามองดู จะถูกพี่ชายกินมันเข้าไปยังไงอย่างงั้น

เมื่อเห็นท่าทีที่น่ารักของเด็กๆ ใบหน้าของวารุณีก็ฉีกยิ้มออกมา หัวใจก็แทบละลาย

“ผู้ช่วยมารุต ขอบคุณสำหรับอมยิ้มค่ะ” วารุณีมองไปยังมารุตแล้วพูดขอบคุณ

มารุตโบกมือให้“คุณผู้หญิงไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ อมยิ้มนี้ท่านประธานให้ผมไปซื้อมาให้เด็กๆครับ ผมก็แค่เอาของที่คนอื่นให้มาให้ต่ออีกทีแค่นั้นครับ คุณผู้หญิง ไปที่ห้องท่านประธานกันก่อนเถอะครับ”

“ค่ะ”วารุณีพยักหน้าให้ จากนั้นก็จูงมือของเด็กๆ เดินตามหลังเขาไป ไปยังห้องทำงานของท่านประธาน

นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยทั้งสองคนมาที่นี่ มองสำรวจไปยังบริเวณโดยรอบด้วยความสงสัย

“หม่ามี๊ ที่นี่สวยจังเลย”ไอริณพูดพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ

แม้อารัณจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย

วารุณียกยิ้มแล้วมือลูบไปที่ศีรษะของเด็กๆ“ ห้องทำงานของคุณพ่อ สวยกว่านี้อีกนะ”

“จริงเหรอคะ?”เด็กน้อยทั้งสองคนหันมองมาที่เธอพร้อมกัน

ก่อนที่วารุณีจะได้พูดอะไรออกไป มารุตที่อยู่ข้างๆก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า“คุณผู้หญิงพูดถูกครับ ห้องทำงานของท่านประธาน เป็นห้องทำงานที่ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งภายใน หรือการออกแบบต่างๆ ล้วนงดงามมากครับ อีกสักประเดี๋ยวก็จะได้เห็นมันกับตาครับ ”

พูดจบ เขาก็เปิดประตูห้องทำงานของท่านประธาน

ทันทีที่ไอริณเดินเข้ามา ก็วิ่งไปทั่วบริเวณด้วยความตื่นตาตื่นใจ

อารัณเองก็ปล่อยมือออกจากวารุณี แล้วเดินไปยังมุมหน้าต่าง

ทันใดนั้น ห้องทำงานที่มีขนาดกว้าง ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ทั่วทั้งบริเวณก็มีเสียงตื่นเต้นดีใจของเด็กน้อยก้องกังวานไปทั่ว

“เป็นยังไงบ้างครับคุณอารัณคุณไอริณ ห้องทำงานของท่านประธานสวยไหมครับ ?” มารุตที่กำลังชงชาอยู่ ก็ยกยิ้มขึ้น แล้วเอ่ยถามกับเด็กๆ

ไอริณที่วิ่งไปทั่วบริเวณก็เดินกลับมา“ค่ะ สวยมาก”

อารัณไม่ได้ตอบอะไร ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงมุมหน้าต่าง มือข้างหนึ่งล้วงไปที่กระเป๋า อีกข้างหนึ่งก็วางอยู่บนกระจกเบื้องหน้า ศีรษะน้อยๆเชิดหน้าขึ้นมองออกไปข้างนอก

มองไปยังตึกสูงระฟ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า สลับกับรถราที่วิ่งไปมาบนท้องถนนเบื้องล่างที่ตัวเท่ามด

ในตอนนี้ ภายในใจของอารัณไหวสั่น เป็นการไหวสั่นที่ยืนอยู่บนที่สูง แล้วเฝ้ามองดูผู้คนเบื้องล่าง มันทำให้ร่างกายที่ตื่นเต้นของเขาสั่นไหวขึ้นด้วยเล็กน้อย

วารุณีคิดว่าเขากลัวความสูง กำลังจะเอ่ยเรียกให้เขาเดินออกมา จู่ๆเขาก็หันกลับมา ใบหน้าเรียวเล็กแดงก่ำ“หม่ามี๊ นี่เป็นวิวที่คุณพ่อเห็นมันทุกวันเหรอครับ?”

“ว่าไงนะ?”วารุณีมึนเบลอไม่ได้สติไปชั่วครู่

อารัณสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับอาการตื่นเต้นที่มีในใจ พูดด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมว่า“คุณพ่อยืนอยู่บนที่สูงแบบนี้ทุกวัน มองเห็นวิวรอบๆอยู่ในสายตา ความรู้สึกที่สามารถควบคุมทุกอย่างนี้ได้มันเยี่ยมมาก หม่ามี๊ อนาคตผมก็จะเป็นเหมือนคุณพ่อ ยืนอยู่บนที่สูง ควบคุมทุกอย่าง และกุมอำนาจเอาไว้ในมือ !”

เมื่อวารุณีได้ยินคำพูดนี้ ก็ถึงกับต้องอ้าปากด้วยความตะลึง

เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าการที่เธอแต่พาเด็กๆมารับนัทธี จะทำให้เด็กน้อยถึงกับมุ่งมั่นมีความทะเยอทะยานแบบนี้

แม้แต่ตัวมารุตเองก็อึ้งไปด้วยเช่นกัน

มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยเท่านั้นที่งุนงง มีท่าทีที่ไม่เข้าใจ และก้มหน้าก้มตากินขนมตรงหน้าต่อ

ป้าบๆๆ!

จู่ๆก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น“ พูดได้ดี !”

ทุกคนต่างหันมองไป เห็นเพียงนัทธียืนปรบมืออยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว

แต่หากฟังจากที่เขาพูดมา ตัวเขาก็น่าจะมายืนอยู่นานแล้ว อย่างน้อยก็ได้ยินในสิ่งที่อารัณพูด

“คุณพ่อ”เด็กน้อยทั้งสองเอ่ยเรียกไปอย่างน่าเอ็นดู

มุมปากนัทธียกหยักแล้วเดินเข้ามายังด้านใน ดวงตาจ้องมองไปยังอารัณด้วยสายตาที่ลุ่มลึก

พูดตามตรง คำพูดของอารัณเมื่อครู่ ทำเขาตกใจมาก

แต่หลังจากที่ตกใจ เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก

ตามหลักแล้ว เด็กที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเอง พูดคำพูดที่มุ่งมั่นและทะเยอทะยานแบบนี้ เขาควรจะรู้สึกตื่นตัวและรังเกียจถึงจะถูก

แต่นี่เขาไม่เพียงไม่รู้สึกรังเกียจ แต่กลับชื่นชม ราวกับโล่งใจที่มีทายาทผู้สืบทอดยังไงอย่างนั้น

นัทธีเดินไปตรงหน้าของอารัณ ก้มศีรษะลงแล้วมองสบตากับเด็กน้อย“ขอแค่หนูมีความสามารถ อนาคตของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะเป็นของหนู หนูมาดูแลบริหารบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปได้เลย !”

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

“นัทธี……”วารุณีถึงกับขมวดคิ้ว อยากให้นัทธีถอนคำพูดก

แต่นัทธีก็พูดขัดเธอ“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่ไม่เป็นไร ”

พูดจบ เขาก็หันมาถามอารัณ “ หนูมีความสามารถมากพอที่จะสืบทอดเจตนารมณ์บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจากพ่อไหม ?”

อารัณมองไปที่เขา ใบหน้าที่ไร้เดียงสา มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม “มีครับ!”

“ดี จำคำพูดวันนี้ของหนูเอาไว้ส้ พ่อจะรอวันที่หนูมารับช่วงบริษัทไชยรัตน์ กรุ๊ปต่อจากพ่อ” นัทธีพูดแล้วกอดอารัณเอาไว้แนบอก

มารุตสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ มองดูเด็กน้อยทั้งสองคน แล้วมองไปยังวารุณีที่คิ้วผูกกันเป็นปม ภาพของวารุณีที่มีในใจคงต้องพินิจพิจารณาใหม่อีกครั้ง

เขารู้อยู่แล้วว่าท่านประธานรักคุณผู้หญิง รักจนแทบคลั่ง แต่ไม่คิดว่า เขาจะประเมินมันต่ำไป

ท่านประธานรักคุณผู้หญิง รักมากจนสามารถให้สืบทอดบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปได้ นี่มัน……

สายตาของมารุตจับจ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กๆของอารัณที่คล้ายคลึงกับของท่านประธาน และทอดถอนใจอยู่ภายใน

ทำไมอารัณถึงไม่ใช่ลูกชายของท่านประธานกัน