ตอนที่ 280 พวกเราเตรียมดนตรีสำหรับการเปิดตัวอลังการครั้งแรกแล้ว (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 280 พวกเราเตรียมดนตรีสำหรับการเปิดตัวอลังการครั้งแรกแล้ว (2)

ความจริงแล้ว เขาใช้พลังเวทมากเกินไปและยังเรียกเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของปลาและกุ้งบางตัวมาบางส่วนอีกด้วย เขาเดือดดาลมากจนแทบจะทำลายไข่มุก… ในเวลาเดียวกันนั้น ในร่องลึกเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสามหมื่นลี้ หวงหลงเจินเหรินก็มาถึงสถานที่นั้นได้สักพักหนึ่ง จากนั้นก็โค้งกายก้มศีรษะอย่างนอบน้อมขณะกำลังตอบสตรีชราผู้หนึ่งตรงหน้าเขา และที่ด้านหลังของสตรีชราผู้นั้น ก็มีหม้อขนาดใหญ่ค่อยๆ ลอยลงมาช้าๆ

หากมองดูใกล้ๆ ให้ดีแล้ว ก็จะรู้ว่ายังมีร่างที่นั่งสมาธิฝึกฝนกันอยู่ทั่วทุกที่ในร่องลึก ส่วนใหญ่ พวกเขาเป็นเหล่านักพรตเต๋าหัวมังกร ซึ่งดูราวกับหิน

เกิดผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว!!

นอกจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ทันทีและอดจะเอามือปิดหน้าไม่ได้พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

มีปัญหาในด้านข่าวกรองที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เขาได้รับรู้ตำแหน่งของดวงตาแห่งท้องทะเลที่ไม่ถูกต้องมา เช่นเดียวกับสำนักบำเพ็ญประจิม!

แม้จะเตรียมการมาอย่างดีสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว แต่ก็ยังพลาดรายละเอียดบางอย่างไป[1]

เมื่อกลับไปแล้ว ข้าต้องเขียนเรื่องทบทวนตัวเอง เรื่องสำคัญคือ ต้องหาเหตุผลที่จะลงโทษหลิงเอ๋อร์แล้วให้นางตามข้าไปคัดลอกพระสูตรฉบับรวบรวมใหม่สักสองสามพันจบ…

เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว เผ่ามังกรน่าจะซ่อนเร้นตำแหน่งของดวงตาแห่งท้องทะเลที่แท้จริงเอาไว้นานแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้อีกต่อไป เขาไม่อาจดูเบาเผ่ามังกรได้เลย

ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็แย้มยิ้มและกล่าวว่า “เกิดอันใดขึ้นหรือ?”

หลี่ฉางโซ่วจึงรายงานเรื่องที่เขาพยายามขัดขวางจินฉานจื่อเมื่อก่อนหน้านี้อย่างละเอียด จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็อดจะหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้พร้อมกับให้กำลังใจว่า “อย่าท้อแท้กับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เจ้าทำได้ดีมากแล้ว นี่เป็นความลับของเผ่ามังกร และไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะรู้ได้จากการสืบหาทั่วไป”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์โน้มน้าวขอให้หวงหลงเจินเหรินช่วยปกป้องดวงตาแห่งท้องทะเล หวงหลงเจินเหรินก็เป็นมังกรอาวุโสแห่งเผ่ามังกรด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาน่าจะรู้ตำแหน่งของดวงตาแห่งท้องทะเลในทะเลบูรพา นี่จะเปิดเผยตำแหน่งของดวงตาแห่งท้องทะเลหรือไม่ขอรับ?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและยังคงทำมุทราหยั่งรู้ต่อไป

ครั้งหนึ่งในกาลก่อนนั้น เพื่อจะทำตามที่ท่านอาจารย์ชี้แนะให้สำเร็จ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ใช้สมองครุ่นคิดถึงมันไปเรื่อยๆ ต่อมาเมื่อเขามีระดับการบำเพ็ญเพียรสูงขึ้นและพลังเวทแข็งแกร่งขึ้น เขาก็สามารถสัมผัสเต๋าสวรรค์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงคุ้นเคยกับการทำมุทราหยั่งรู้… “ความลับสวรรค์เผยว่า ดวงตาแห่งท้องทะเลไม่เป็นอะไร”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจโล่งอก ทว่ายังกังวลอยู่เล็กน้อย

แน่นอนว่า เขาเข้าใจวิธีการทำมุทราหยั่งรู้ เพื่อป้องกันการหยั่งรู้และการคาดคำนวณ เขายังได้เตรียมการมากมาย บัดนี้ ยังมีแม้กระทั่งปรมาจารย์จอมปราชญ์ที่ช่วยเขาแยกกรองความลับสวรรค์ออกมา

ข้าไม่รู้ว่า ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูคิดหรือไม่ว่า ในเมื่อความลับสวรรค์ถูกปิดบังได้ ก็อาจหลอกลวงได้เช่นกัน และยังอาจถูกผู้คนที่ได้ผ่านความลับสวรรค์หลอกลวงได้…’

แต่แน่นอนว่า เขาย่อมไม่อาจพูดออกมาดังๆ ได้

เขาคาดว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่น่าจะคิดถึงเรื่องนี้ ในยามนี้ ดวงตาแห่งท้องทะเลยังไม่เป็นอะไรชั่วคราว บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เพ่งพลังจิตจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ที่วุ่นวายรอบ ๆ วังผลึกแก้ว

การแต่งงานครั้งใหญ่นี้ทำได้เพียงระงับเอาไว้ในเวลานี้เท่านั้น เพราะในท้ายที่สุด ศัตรูก็บุกมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว ต่อให้เผ่ามังกรจะยังคงสงบมากเพียงใด ทว่าก็ยังต้องคำนึงถึงอารมณ์ของแขกรับเชิญด้วยเช่นกัน ในขณะนั้น แขกหลายคนกำลังคันไม้คันมือและเตรียมพร้อมเพื่อจะออกไปต่อสู้กับศัตรู อย่างไรก็ตาม ราชามังกรเฒ่ายังคงนั่งนิ่งอยู่บนเขาไท่ซานอย่างมั่นคง เสนาบดีเต่าสองสามคนยังคงพูดคุยกันต่อไปและบอกให้ทุกคนสงบลง พวกปลาเล็กปลาน้อยไร้ความสำคัญอันใดเหล่านี้จะถูกขับไล่ออกไปในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วประเมินการต่อสู้ต่างๆ อย่างต่อเนื่องผ่านเครือข่ายการเฝ้าระวังหลากหลายที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สร้างขึ้นมา บัดนี้ ยังไม่ถึงเวลาที่ศาลสวรรค์และตัวเขาเองจะลงมือเคลื่อนไหว ยิ่งการต่อสู้วุ่นวายมากเท่าใด เขาก็ยิ่งต้องสงบและวิเคราะห์ให้รอบคอบมากขึ้นเท่านั้น

แล้วช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบนั้นก็หายวับไป… ไม่นานต่อมา ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะหลับตาตั้งสมาธิมั่น แล้วยกมือขึ้นชี้ไปที่กระจกผลึกแก้วที่อยู่ตรงหน้าเขา บัดนั้น ภาพเหตุการณ์ในกระจกข้างหน้าเขาเปลี่ยนจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ก้นทะเลและทะเลที่เต็มไปด้วยอาหารก็กลายเป็นเมฆขาวเบาสบายๆ เมฆขาวนั้นลอยอยู่บนท้องฟ้ากว้างเวิ้งว้างว่างเปล่า และนักพรตเต๋าชราหกคนมาก็มาถึงด้วยกัน

หลี่ฉางโซ่วจำนักพรตเต๋าชราหลังค่อมได้ทันที ซึ่งเป็นเป้าหมายการทดสอบเล็กๆ น้อยๆ ของท่านอาจารย์ลุงจ้าวเมื่ออาจารย์ลุงจ้าวเดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีทางหวนกลับ

“ศิษย์น้องจ้าวเคลื่อนไหวแล้ว”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกล่าวเสียงอ่อนโยน ทันใดนั้น ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวในภาพก็มืดลงทันที และศิษย์ทั้งหกของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมที่เดิมที กำลังถกกันในเรื่องเต๋า ต่างก็มีสีหน้าท่าทีเปลี่ยนไป

อักขระเต๋าเช่นนี้…

สถานการณ์เช่นนี้!

“ไข่มุกเทพทะเล!”

คนหนึ่งตะโกนออกมาดังๆ และทั้งหกคนลุกขึ้นยืนทันที แต่ละคนมองไปในทิศทางเดียวกัน แสงสมบัติในมือสั่นไหว และคนสองคนมีเหงื่อเย็นบนหน้าผาก

หนึ่งในนั้นร้องตะโกนออกมาดังๆ จากนั้น ทั้งหกคนก็ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วหันไปมองในทิศทางเดียว ในยามนั้น แสงสมบัติในมือของพวกเขาก็สั่นไหวในขณะที่มีสองคนในหมู่พวกเขามีเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นมาบนหน้าผากของพวกเขา

“มีการซุ่มโจมตี!”

“จ้าวกงหมิง! เจ้ายังต้องการอันใดอีก!”

“วันนี้ พวกเราพี่น้องทั้งหกล้วนอยู่ที่นี่ แล้วจะกลัวเจ้าได้อย่างไร!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนที่ดังมาจากกระจกผลึกแก้ว หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกแล้วคิดในใจว่า…

นี่น่าจะเป็นหน้าจอภาพเสียงรุ่นบรรพกาล…แค่กๆ นั่นไม่ใช่นี่

พลังยับยั้งของอาจารย์ลุงจ้าวชัดเจนยิ่ง!

“หือ?”

ทันใดนั้น พวกเขาทั้งหกก็ได้ยินคำทักทายแล้วมองไปยังทิศทางที่พวกเขามา

จู่ๆ ก็มีรอยแยกปรากฏขึ้นในพื้นที่ว่างเปล่าที่ถูกปิดเอาไว้โดยรอบ แล้วศีรษะงามที่ทรงพลังก็โผล่เข้ามาพลางเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าทำร้ายข้าหรือ?”

กล่าวจบ ร่างของจ้าวกงหมิงก็ล้มลงไปบนพื้นที่ว่างเปล่าที่ถูกปิดผนึกเอาไว้นี้ และท่าทางที่เขาเคลื่อนตัวล้มลงไปนั้น ดูเป็นธรรมชาติ อิสระ และสบาย…

หลังจากนั้น เขาก็กระอักเลือด ริมฝีปากโค้งงอ แสดงสีหน้าท่าทางเจ็บปวด และยังเผยให้เห็นดวงตาที่ดูไร้แวววิญญาณออกมาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ท่าทางภายนอกและการเสแสร้งของเขาล้วนดูสมจริง

“พรืด… อา พวกเจ้าทั้งหกร่วมมือกันรุมทำร้ายข้า! ข้าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายร้อยหลายพันปีในการรักษาอาการบาดเจ็บนี้! พวกเจ้าทุกคน ต้องตามข้าไปชี้แจงให้ท่านอาจารย์ของข้าที่วังปี้โหยวด้วย!”

บัดนั้น พวกเขาทั้งหกล้วนกำหมัดแน่นและเส้นเลือดก็ปูดโปนออกมาบนหน้าผากของพวกเขาพร้อมๆ กัน

เมื่อเห็นเช่นนั้น นอกจากร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็รู้สึกตัวแล้วหัวเราะจนตัวโยนและแทบหายใจไม่ออก

ส่วนหลี่ฉางโซ่วก็หัวเราะและครุ่นคิดในใจอยู่ข้างๆ เขา

บัดนี้ ถึงเวลาสุกงอมแล้ว ศึกวังมังกรใกล้งวดเข้ามาทุกขณะ เผ่ามังกรได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สบายเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายล้วนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย และสถานที่ที่บรรดาปรมาจารย์กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ก็อยู่ห่างจากวังมังกรไปพอสมควรแล้ว ปรมาจารย์มังกรจงใจทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อวังผลึกแก้ว

ศิษย์ของจอมปราชญ์ทั้งหกคนก็ล้วนถูกอาจารย์ลุงจ้าวหยุดเอาไว้แล้ว หากศาลสวรรค์ไม่ปรากฏตัวออกมาในเวลานี้แล้ว เช่นนั้น จะเป็นเมื่อใดเล่า!?!

ดังนั้นในห้องโถงใหญ่ของวังมังกร ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าของหลี่ฉางโซ่วที่ปลอมตัวเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญหนุ่มก็หยิบยันต์หยกออกมาและบดขยี้มันเบา ๆ ต่อหน้าเทพเฒ่าจันทราและองค์เง็กเซียน

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ท่านเทพจันทรา โปรดช่วยเชิญให้แม่ทัพเซียนจินทั้งสองร่วมลงมือโจมตีด้วยกันหลังจากนี้ และให้รอบัญชาจากท่านแม่ทัพตงมู่”

“ได้!” เทพเฒ่าจันทราพยักหน้ารับในทันที ในขณะนั้น เขาไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย และยังคงท่าทางสงบของปรมาจารย์แห่งศาลสวรรค์ ทันทีที่สั่งการเสร็จแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่มุมห้องโถงอย่างรวดเร็วในขณะที่มีสายตาจับจ้องมองเขา จากนั้น เขาก็โยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไม่กี่ตัวข้างๆ สาวทะเลที่กำลังเล่นดนตรีอยู่

แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวก็กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มเยาว์วัย ถือเอาไว้ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกสองตัวก็กลายร่างเป็นชายฉกรรจ์อยู่กับกลองใหญ่

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ทุกคน โปรดทำตามที่ฝึกฝนมาก่อนหน้านี้”

จากนั้น นักดนตรีสาวทะเลก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วจู่ๆ พวกเขาก็เริ่มบรรเลงดนตรีที่ปลุกเร้าและน่าตื่นเต้นอย่างหนักหน่วง

เมื่อสวอน่าส่งเสียงปลุกเร้าดังขึ้น แขกทุกคนในห้องโถงใหญ่ต่างก็ตื่นตกใจ

บัดนั้น! บนท้องฟ้า เหนือผืนน้ำทะเล จู่ๆ ก็มีลำแสงสีขาวเงินสาดส่องลงมา!

ทว่าก่อนที่ลำแสงนี้จะพุ่งลงไปถึงพื้นผิวทะเล มันก็แยกตัวออกเป็นลำแสงสีเงินปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า และลำแสงสีเงินสายหนึ่งก็เข้าล้อมรอบทหารสวรรค์ที่สวมชุดเกราะสีเงิน แล้วสาดลงมายังบริเวณน่านน้ำทะเลของวังผลึกแก้วอย่างรวดเร็ว!

บัดนี้ ในห้องโถงใหญ่ของวังมังกร เสียงลั่นกลองรบก็กระหึ่มดังกึกก้องพร้อมกับดนตรีที่บรรเลงเสียงสูงขึ้น เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวพร้อมกับเสียงทรงอำนาจสง่าผ่าเผยที่ดังมาจากภายนอกว่า “ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์เง็กเซียนเดี๋ยวนี้! กำจัดปีศาจและปกป้องชีวิตของทั้งสี่คาบสมุทร! ทหารสวรรค์ แม่ทัพสวรรค์ จงฟังบัญชา! เข่นฆ่าปีศาจชั่วร้ายให้หมด อย่าได้ปราณี!”

ทันใดนั้น ทหารสวรรค์ชั้นยอดแห่งศาลสวรรค์ทั้งสี่หมื่นนาย ต่างก็ร้องคำรามรับบัญชาอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้น เสียงเดินทางนับแสนลี้ก็ดังสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า!

“รับบัญชา!”

……………………………………………………………

[1] เปรียบได้กับการทอผ้าด้วยด้ายถักทอที่หนาแน่นมาก แต่หากเพียงมีส่วนของเส้นด้ายที่หลวมรุ่ยไปเล็กน้อย ผ้าทั้งชิ้นก็จะด้อยค่าไปในทันที