ตอนที่ 385 เคลื่อนทัพประชิดชายแดน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 385 เคลื่อนทัพประชิดชายแดน

ความเจ็บเล็กน้อยบริเวณหน้าผากทำให้สมองที่ขาวโพลนของไป๋ชิงเหยียนมีสติขึ้นมาทันที จู่ๆ ใจของหญิงสาวก็เต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้

ฝ่ามือขาวใหญ่ของเซียวหรงเหยี่ยนวางทาบอยู่บนฝ่ามือของนางไม่ยอมปล่อย ไม่รู้ว่ากำลังจับแผนที่หรือจับมือของนางอยู่กันแน่

ริมฝีปากของเซียวหรงเหยี่ยนขยับออกห่างจากหน้าผากของหญิงสาว มือข้างหนึ่งโอบบ่าบอบบางของนางเอาไว้ ก้มหน้าจ้องไปที่นางนิ่งๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หญิงสาวสบกับดวงตาสีดำขลับของเซียวหรงเหยี่ยนที่จ้องนิ่งมายังนาง หญิงสาวต้องการชักมือที่โดนเซียวหรงเหยี่ยนกดทับอยู่บนแผนที่กลับ ทว่า เซียวหรงเหยี่ยน

กลับเหิมเกริมกว่าเดิม นิ้วมือของเขาสอดประสานกับนิ้วมือของนางจนแนบสนิท มือใหญ่ซึ่งโอบอยู่ที่บ่าของนางเลื่อนไปโอบรอบเอวแน่น ไม่ปล่อยให้นางขยับหนี

ชายหนุ่มเริ่มหายใจติดขัดอย่างยากจะควบคุม ก้มหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ แววตาของเขาร้อนแรงราวกับกำลังแผดเผา

ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับหนี ขนตาสั่นไหวอย่างรุนแรง

ทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ จมูกโด่งคมสันของเซียวหรงเหยี่ยนสัมผัสกับปลายจมูกของหญิงสาว

ร่างกายของไป๋ชิงเหยียนแข็งทื่อ กระชับมือบีบนิ้วเรียวยาวของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น

ยามที่ริมฝีปากบางร้อนสัมผัสกับริมฝีปากของนาง เสียงสนทนาอย่างอารมณ์ดีของไป๋จิ่นจื้อและเสิ่นชิงจู๋ดังแว่วขึ้นมา

“ข้าให้โรงครัวทำของว่างมาให้พี่หญิงใหญ่กับเซียวเซียนเซิง วันนี้พี่หญิงใหญ่ยุ่งอยู่ในหอบรรพชนทั้งวัน ยังไม่ได้รับประทานสิ่งใดเลย…”

ไป๋ชิงเหยียนได้สติ หันหน้าหนี แสร้งดึงมือกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง จัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยด้วยใจที่ไม่เป็นสุข พับแผนที่หนังแกะเก็บ ใบหูร้อนแดงก่ำ

เซียวหรงเหยี่ยนกระแอมออกมาเล็กน้อย หยัดกายขึ้นจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มพยายามปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ จากนั้นยืนเอามือไขว้หลังมองไปทางไป๋จิ่นจื้อ เยว่สือและเสิ่นชิงจู๋ที่กำลังเดินกางร่มข้ามสะพานมายังศาลาริมน้ำด้วยท่าทีสุขุมอ่อนโยนตามแบบฉบับของตน

“พี่หญิงใหญ่ เซียวเซียนเซิง!” ไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวซื่อเตรียมอาหารมาให้พี่หญิงใหญ่และเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นจื้อคำนวณเวลาดูแล้วคิดว่าทั้งสองคนคงสนทนากันใกล้เสร็จแล้ว หากนำอาหารมาให้ตอนนี้ พี่หญิงใหญ่และเซียวหรงเหยี่ยนจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันต่ออีกนิด เซียวหรงเหยี่ยนจะได้แต่งเข้าตระกูลไป๋มาเป็นพี่เขยของตนเร็วขึ้น

บรรดาสาวใช้ถือกล่องอาหารสีดำเดินโค้งกายเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ เปิดกล่องอาหาร นำอาหารออกมาจัดวางอย่างเบามือ

ไม่รอให้เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวสิ่งใด ไป๋ชิงเหยียนรีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “พี่คุยธุระกับเซียวเซียนเซิงจบแล้ว เซียวเซียนเซิงมีเรื่องอื่นต้องจัดการอีก คงไม่สะดวกอยู่ต่อ”

กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยสีหน้าปกติ “ชิงจู๋…ไปส่งเซียวเซียนเซิง”

เซียวหรงเหยี่ยนเห็นใบหูของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ ทว่า สีหน้าดูสงบนิ่งเหมือนยามปกติ ชายหนุ่มกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ “เสียน้ำใจคุณหนูสี่แล้ว ข้ายังมีธุระอื่นต้องไปจัดการ วันหน้าข้าขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงขอขมาคุณหนูสี่นะขอรับ”

ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้าอย่างเสียดาย “เซียวเซียนเซิงจำให้ดี อย่าลืมเชียวนะเจ้าคะ!”

“แน่นอนขอรับ!” เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้น้อยๆ

เสิ่นชิงจู๋ผายมือเชิญเซียวหรงเหยี่ยน “เชิญเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ…”

เซียวหรงเหยี่ยนหันไปโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “รบกวนคุณหนูใหญ่ช่วยไปส่งเหยี่ยนสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ เหยี่ยนมีเวลาไม่มาก ต้องการปรึกษาเรื่องของหย่าเหนียงกับคุณหนูใหญ่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่นโดยที่สีหน้ายังคงปกติราบเรียบ พยักหน้าให้ชายหนุ่มเล็กน้อย

จวนบรรพบุรุษไป๋เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เครื่องทองแดงที่ตกแต่งภายในตัวเรือนล้วนเป็นของที่มีอายุนับร้อยปี เห็นได้ชัดถึงความเจริญรุ่งเรืองที่มีมาช้านานของตระกูล

หยาดฝนตกกระทบลงบนไม้อย่างแผ่วเบาจนแทบไม่มีเสียง ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปตามระเบียงทางเดินของจวนไป๋อย่างไม่รีบร้อน

“หย่าเหนียงมีพ่อบุญธรรมแล้ว ไม่จำเป็นต้องบังคับให้นางมาอยู่ที่จวนไป๋ เอาตามความสมัครใจของนางเถิด” ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเด็กสาวใบ้ที่นางไถ่ตัวมาจากมามาของหอนางโลม “หากหย่าเหนียงไม่มีเพื่อน ข้าจะให้คนพาเด็กสาวใบ้ที่ซื้อตัวมาวันนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนหย่าเหนียง”

“เช่นนั้นก็พามาเถิดขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ “หย่าเหนียงขาดเพื่อนจริงๆ ทั้งสองคนเป็นใบ้เหมือนกัน คงเข้ากันได้ดีขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนให้คนซื้อตัวเด็กคนนั้นไว้ก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน

“ในเมื่อตกลงเรื่องหย่าเหนียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหยียนคงต้องขอตัวก่อน เซียวเซียนเซิงกลับดีๆ นะเจ้าคะ!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับเสิ่นชิงจู๋ที่เดินนำอยู่ด้านหน้า “ชิงจู๋ ส่งเซียวเซียนเซิงด้วย!”

“เจ้าค่ะ!” เสิ่นชิงจู๋พยักหน้ารับคำ

“เหยี่ยนขอตัวก่อน!” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

เสิ่งชิงจู๋กางร่มถือตะเกียงเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ส่งเซียวหรงเหยี่ยนและเยว่สือที่หน้าประตูจวนอย่างนอบน้อมจากนั้นสั่งให้คนปิดประตูจวน

เยว่สือบ่นกับเซียวหรงเหยี่ยนอย่างอดไม่ได้ “ข้างกายของคุณหนูใหญ่ไป๋มีปีศาจสาวโผล่มาตั้งแต่เมื่อใดกันขอรับ เมื่อก่อนไม่เคยเห็น…”

“ข้างกายของคุณหนูใหญ่มีคนมีฝีมือมากมาย” เซียวหรงเหยี่ยนดูอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า กระตุกบังเหียนจากไปอย่างรวดเร็ว

“นายท่าน!” เยว่สือเอ่ยเรียก รีบหุบร่ม จากนั้นกระโดดขึ้นม้าขี่ตามหลังเจ้านายไปทันที

เซียวหรงเหยี่ยนกลับไปยังจวนในเมืองซั่วหยางที่เพิ่งซื้อได้ไม่นาน พ่อบ้านเห็นลำตัวของชายหนุ่มเปียกปอนจึงรีบสั่งให้คนไปเตรียมน้ำขิงและน้ำอุ่นให้เซียวหรงเหยี่ยนอาบน้ำ

ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จเรียบร้อย เขานั่งอ่านตำราอยู่ท่ามกลางแสงไฟ ในสมองเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลาริมน้ำวันนี้

แม้เรื่องในวันนี้จะเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ทว่า ด้วยนิสัยของไป๋ชิงเหยียน หากไม่บีบบังคับนาง นางไม่มีทางเปิดโอกาสให้ตัวเองและเขาอย่างแน่นอน

แม้จะถูกไป๋จิ่นจื้อขัดจังหวะกลางคัน ทว่า…พวกเขาใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมแล้ว

อย่างน้อยไป๋ชิงเหยียนก็ไม่ได้ผลักใสการกระทำที่ล่วงเกินของเขา แสดงว่าไป๋ชิงเหยียนเองก็มีใจให้เขาเช่นเดียวกัน เพียงแต่เป็นดั่งที่นางเคยกล่าวไว้ พวกเขาเดินไปบนเส้นทางนี้อย่างยากลำบาก หญิงสาวไม่กล้าเปิดใจให้กับเรื่องความรัก

เซียวหรงเหยี่ยนแบกรับภาระของแคว้นต้าเยี่ยน ไม่เคยปันใจให้เรื่องความรักระหว่างหญิงชาย ไม่เคยพบกับไป๋ชิงเหยียนมาก่อน…เมื่อใจเริ่มเต้นก็เริ่มลุกลามมากยิ่งขึ้น กระทั่งรีบร้อนอยากให้สงครามสงบสุขโดยเร็วที่สุด ให้หญิงสาวได้เห็นใต้หล้าที่มีแต่สันติสุขอย่างที่นางต้องการในเร็ววัน

นอกห้องตำรา เยว่สือเคาะประตูเบาๆ “นายท่าน ข่าวจากต้าเว่ยขอรับ!”

แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนนิ่งขรึมลง “เข้ามา!”

เยว่สือผลักประตูออก ชายในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งเดินเข้าไปด้านใน ร่างของเขาเปียกโชกไปทั้งตัว ไอหนาวแผ่ออกมาจากร่าง เขาทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นยื่นกระบอกไม้ไผ่ไปตรงหน้าของเซียวหรงเหยี่ยน “นายท่าน ต้าเว่ยเคลื่อนทัพเตรียมบุกโจมตีต้าเยี่ยนขอรับ!”

มือที่ถือกระบอกไม้ไผ่ของชายผู้นั้นห้อเลือดจากการโดนบังเหียนม้าบาด ดวงตาแดงฉาน ใต้ตาคล้ำ ริมฝีปากแห้งกรัง ใบหน้ามอมแมมเปื้อนฝุ่น แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นเพราะเร่งเดินทางโดยไม่ได้หลับไม่ได้นอน

“นำน้ำและของว่างมาให้จางเหยียนด้วย” เซียวหรงเหยี่ยนสั่งพลางเปิดกระบอกไม้ไผ่ออก

จางเหยียนรับน้ำที่เยว่สือส่งให้มาดื่มอย่างรวดเร็วติดต่อกันหลายถ้วย หยิบขนมทานด้วยความหิวโหยโดยไม่คำนึงถึงมารยาทจนสำลักอยู่หลายครั้ง

ในกระบอกไม้ไผ่มีกระดาษบางๆ อยู่หนึ่งแผ่น เซียวหรงเหยี่ยนกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว

บัดนี้หรงตี๋แบ่งแยกเป็นเป่ยหรงและหนานหรง เมื่อหนานหรงรู้ข่าวว่าต้าเยี่ยนให้การสนับสนุนเป่ยหรงก็ส่งตัวแทนขุนนางไปขอความช่วยเหลือจากต้าเว่ย ต้าเว่ยรู้ว่ากองทัพหลักของต้าเยี่ยนอยู่ที่เป่ยหรงเกือบทั้งหมด เขารับของกำนัลชิ้นใหญ่จากหนานหรง จากนั้นเคลื่อนพลไปประชิดชายแดนของต้าเยี่ยน หวังรอต้าเยี่ยนสูญเสียกองกำลังสำคัญจากการสู้รบในหรงตี๋ จากนั้นเข้ายึดครองดินแดนหนานเยี่ยนที่ต้าเยี่ยนเพิ่งยึดกลับคืนไปได้ไม่นาน