ตอนที่ 404 แขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน
หลังออกจากบ้านอาจารย์ฟ่านแล้ว เจียงโม่หานก็นั่งรถม้ามาเยี่ยมผู้อาวุโสเซวียที่อยู่นอกเมือง เขาเหลือบมองกล่องอาหารขนาดใหญ่ในรถด้วยความรังเกียจ ด้านในเต็มไปด้วยเกี๊ยวปลาแช่แข็งที่พอจะให้คนกินได้ถึง 5 คน แล้วก็ยังมีลูกชิ้นปลาอีกกล่องใหญ่ซึ่งมาพร้อมวิธีนำลูกชิ้นปลาไปประกอบอาหาร…เช่น ลูกชิ้นปลาย่าง ลูกชิ้นปลานึ่ง ทอดและต้ม…จนจะเป็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยลูกชิ้นปลาอยู่แล้ว
ทุกครั้งที่มาเยือนกระท่อมของผู้อาวุโสเซวีย เด็กตัวแสบจะให้เขาหอบอาหารกล่องเล็กกล่องใหญ่มาด้วยเสมอ ทำเหมือนว่าหากไม่มีอาหารจากนางแล้ว ผู้อาวุโสเซวียจะอดตายอย่างไรอย่างนั้น ! ชายชราคนนั้นโดนนางเอาใจจนน้ำหนักขึ้นแล้วด้วย !
ตอนมาถึงกระท่อมของผู้อาวุโสเซวีย ด้านในร้างไร้ผู้คน เมื่อเดินผ่านกระท่อมเลยมายังแปลงผักบนเนินด้านหลัง ผู้อาวุโสเซวียกำลังทำตัวเหมือนเจ้านายที่ชี้นิ้วออกคำสั่งให้บ่าว 3-4 คนขุดดิน ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ หน้าดินจะแข็งมาก เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าน้ำแข็งเพิ่งละลาย นี่คิดจะทรมานคนอื่นหรือไร !
เมื่อเดินเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่าบ่าวผู้น่าสงสารที่กำลังโดนกดขี่อยู่นั้นคือหยวนเจี๋ยสองนายบ่าว แล้วก็ยังมี…หืม ! คนที่มีอายุมากกว่าหน่อยไม่ใช่บัณฑิตหยวนแห่งสำนักบัณฑิตฮั่นหลินหรอกหรือ ? เขาไม่ได้เป็นผู้ตรวจการอยู่ที่เมืองจงโจว แต่มาเป็นเกษตรกรในเขตทุรกันดารนี้เพื่ออะไร ?
ก็เป็นไปได้ เนื่องจากผู้อาวุโสเซวียเป็นอาจารย์ ทั้งสองมีสายสัมพันธ์ดั่งพ่อลูก แม้จะต้องเหนื่อยจนเหงื่อท่วมกายก็ยังตั้งใจทำงานต่อไป บัณฑิตฮั่นหลินถือเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ทว่าผู้อาวุโสเซวียกลับให้เขามาเป็นเกษตรกร ! ไม่รู้ว่ามือคู่นั้นของใต้เท้าหยวนจะยังจับพู่กันได้อยู่หรือไม่ ?
เมื่อหันไปเห็นร่างอันสง่างามของเจียงโม่หานแล้ว ผู้อาวุโสเซวียก็มีใบหน้าเปื้อนยิ้มทันที “ข้าก็นึกแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้ตื่นมาก็ได้ยินเสียงนกสี่เซวี่ย (กางเขน) ร้อง แท้จริงมีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน ! ”
แขกผู้สูงศักดิ์ ? ผู้ใด ? หยวนเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองพลางปาดเหงื่อบนใบหน้าแล้วถึงจะเห็นเจียงโม่หานในชุดสีขาว มือสะบัดพัดไปมา ท่าทางเหมือนคุณชายผู้สง่างาม จากนั้นเขาก็ก้มมองสภาพตนเอง ทันใดนั้นก็อยากร้องไห้ออกมา…ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นชาวนาไปแล้ว ฮือ…
บัณฑิตหยวนลุกขึ้นยืนแล้วมองเด็กหนุ่มรูปงามที่มาเยือน…แขกผู้สูงศักดิ์ ? เจ้าเด็กคนนี้มีฐานะอะไรจึงทำให้อาจารย์เรียกว่าแขกผู้สูงศักดิ์ ?
“สหายน้อย หายหน้าหายตาไปไหนมาหรือ ? ” ผู้อาวุโสเซวียส่งสัญญาณให้ลูกศิษย์และศิษย์หลาน…ไปล้างมือ จากนั้นจะได้มาช่วยต้อนรับแขก !
เจียงโม่หานยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “หลังการสอบเซี่ยนซื่อเสร็จแล้วก็เดินทางไปที่ตัวเมืองจงโจว ต่อจากนั้นก็ไปที่เขตอวี้อัน…เสี่ยวเว่ยซื้อปลาแช่แข็งมาเยอะมาก นางจึงนำมาทำลูกชิ้นปลากับเกี๊ยวปลาแล้วให้ข้ามามอบแก่ผู้อาวุโสเซวียขอรับ”
โชคดีที่เด็กน้อยใจกว้าง เกี๊ยวกับลูกชิ้นที่ให้มาจึงมีปริมาณไม่น้อยเลย เพราะไม่เช่นนั้นก็เกรงว่าลูกศิษย์และศิษย์หลานของผู้อาวุโสเซวียจะไม่ได้กิน !
ผู้อาวุโสเซวียมีดวงตาเป็นประกายทันที เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไอโยว พยาธิในกระเพาะของข้าเริ่มอยู่ไม่สุขนานแล้ว จื่อซี เจ้ามีลาภปากแล้ว ! ไป ไปอุ่นเกี๊ยวปลากันเถิด ! ”
จื่อซี คือนามรองของบัณฑิตหยวน สำหรับอาหารเลิศรสแล้ว บัณฑิตหยวนมีนิสัยเดียวกับท่านอาจารย์ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่เมืองซูโจว ในบ้านจะมีพ่อครัวปรุงอาหารเหนือและอาหารใต้หลายคน แต่หลังจากพลัดหลงกับท่านอาจารย์แล้ว เขาก็ไม่มีความสุขในการกินอีกเลย ทุกครั้งที่เห็นอาหารเลิศรสก็จะอดคิดถึงอาจารย์ไม่ได้และหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกนั้นจนนอนไม่หลับ
บัดนี้ตามหาท่านอาจารย์พบแล้ว ความทุกข์ในใจย่อมมลายหาย ขณะฟังน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังของท่านอาจารย์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขานรับเสียงดังลั่น “ได้ขอรับ ! ”
หลังจากอุ่นเกี๊ยวปลาเสร็จแล้ว ลูกชิ้นปลาก็ถูกนำไปประกอบอาหารตามที่หลินเว่ยเว่ยเขียนมา จากนั้นก็ได้อาหารเลิศรสอีกสองสามจาน นอกจากนี้ลูกชิ้นปลานึ่งยังถูกโรยหน้าด้วยเครื่องปรุงที่หลินเว่ยเว่ยเตรียมไว้ให้
ผู้อาวุโสเซวียกวักมือเรียกเจียงโม่หานให้นั่งลงแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “กินเกี๊ยวต้องมีสุรา ยิ่งดื่มยิ่งดี ! ในเมื่อมีสหายมาเยือนแล้ว จะขาดสุราได้อย่างไร ? ”
ในยามที่บัณฑิตหยวนมาเยือนกระท่อมของท่านอาจารย์ก็ได้เกลี้ยกล่อมอาจารย์จนยอมให้หมอตรวจอาการ เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจึงอดพูดไม่ได้ว่า “ท่านอาจารย์ขอรับ ท่านหมอบอกแล้วว่าให้ท่านดื่มสุราน้อยลง…”
ผู้อาวุโสเซวียหันไปถลึงตาใส่เขาทันที จากนั้นก็ไล่เขาออกไป “ไป รีบออกไปให้พ้น ! แบกภาระงานของฮ่องเต้ไว้บนบ่า ทว่าไม่ตั้งใจทำงานแต่มาทำเรื่องส่วนตัวแทน ระวังฮ่องเต้จะปลดเจ้าลงจากตำแหน่ง ! รีบออกไป ! ” พออีกฝ่ายไปแล้วจะได้ไม่มีคนมายุ่งกับเขาอีก อยากกินเนื้อหรือดื่มสุราสักเท่าไรก็ได้ !
บัณฑิตหยวนยกเกี๊ยวที่อุ่นเสร็จแล้วมาวางตรงเบื้องหน้าของท่านอาจารย์ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าโดนปลดก็จะตรงตามความต้องการของศิษย์พอดีขอรับ ศิษย์จะได้ทำเหมือนเมื่อก่อนที่คอยอยู่ดูแลรับใช้ข้างกายอาจารย์ ! ”
“ดูความไม่เอาไหนของเจ้าสิ ! ” ผู้อาวุโสเซวียไม่พอใจ “ข้ารำคาญและไม่อยากเห็นหน้าเจ้า จงไสหัวออกไปให้ไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ! ”
“อาจารย์อยู่ที่นี่ ศิษย์จะไสหัวไปที่ไหนได้ขอรับ ? ” บัณฑิตหยวนอายุเข้าวัยกลางคน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์แล้ว เขายังทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่ว่าจะไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไป !
เซวียจื้อเฉียนหยิบสุราองุ่นออกมาหนึ่งไหแล้วอธิบายให้บัณฑิตหยวนฟังว่า “นี่คือสุราองุ่นที่หลินกู่เหนียงหมักด้วยตนเอง ดีกรีต่ำ ดื่มมากก็ยังดีต่อสุภาพขอรับ”
ผู้อาวุโสเซวียส่งสัญญาณให้เขารินสุรา เมื่อจิบความกลมกล่อมได้หนึ่งอึกแล้วก็พูดว่า “ตั้งแต่ดื่มสุราองุ่นที่นางหนูหลินเอามาให้ ร่างกายของข้าก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาก ไม่แน่นหน้าอกเหมือนเมื่อก่อน สมองก็ปลอดโปร่งและร่างกายก็ดีขึ้นเยอะ ไม่ว่ากินอะไรก็อร่อย…”
บัณฑิตหยวนรู้สึกว่าจะคิดเป็นจริงเป็นจังต่อคำพูดเหล่านี้ของอาจารย์ไม่ได้ “สุราองุ่นนี้ไม่ใช่ยาอายุวัฒนะที่จะรักษาได้ทุกโรค…อาจารย์ขอรับ สุขภาพไม่ดีก็ต้องให้หมอรักษา ถ้าอย่างไร…รอให้การสอบเยวี่ยนซื่อสิ้นสุด แล้วท่านตามศิษย์กลับเมืองหลวง ศิษย์จะเชิญหมอหลวงมาตรวจชีพจรให้ท่าน…”
“ไม่ ไม่ ไม่ ! ข้าแข็งแรงดี เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากเห็นข้าอยู่ดีมีสุขใช่หรือไม่ ? ต้องให้ข้าไปตรวจอาการจนพบว่าเป็นอะไรขึ้นมาแล้วถึงจะพอใจใช่หรือเปล่า ? หมอที่เขตเริ่นอันก็บอกแล้วว่าข้าไม่เป็นอะไร ! ” ผู้อาวุโสเซวียแทบจะสาดสุราในจอกใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย…ลูกศิษย์อะไรกัน เป็นแค่เจ้ากรรมนายเวร ! ตามติดไม่เลิก !
“ไม่ใช่เพราะเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นห่วงอาจารย์หรอกหรือขอรับ ! ” บัณฑิตหยวนเป็นศิษย์สายตรงลำดับที่เก้าของผู้อาวุโสเซวียและยังเข้าสำนักตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้อาวุโสเซวียและศิษย์พี่จึงเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่า ‘เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์’ นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่มีคนเรียกเขาแบบนี้ พอได้ยินคำเรียกนี้อีกครั้ง บัณฑิตหยวนก็มีดวงตาเปียกชื้นขึ้นมาทันที
ผู้อาวุโสเซวียตบหลังมือของเขาแล้วยื่นจอกสุราให้ “มา ศิษย์กับอาจารย์ เรามาดื่มกัน ! ”
บัณฑิตหยวนรับจอกสุราไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเคารพ ก่อนจะร่วมดื่มกับอาจารย์และเมื่อสุราเข้าปาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วมอง
เมื่อผู้อาวุโสเซวียเห็นเช่นนั้นก็พูดด้วยความภาคภูมิใจทันที “เป็นอย่างไร ? หวานกลมกล่อม ไม่เหมือนสุราที่เป็นของบรรณาการจากตะวันตกใช่หรือไม่ ? ถ้านางหนูหลินเปิดร้านสุราจะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นเครื่องบรรณาการถวายเข้าวังเลยก็ได้ ! ”
บัณฑิตหยวนได้ยินคำว่า ‘นางหนูหลิน’ จากปากท่านอาจารย์หลายต่อหลายครั้งแล้ว เนื้อกวางแผ่นที่ท่านอาจารย์หักใจแบ่งให้เขาชิม…นางหนูหลินก็เป็นคนทำ สุราดองกระดูกเสือที่อาจารย์เห็นเป็นสมบัติล้ำค่า…นางหนูหลินก็เป็นคนให้ บัดนี้สุราองุ่นที่อาจารย์ชอบดื่ม…นางหนูหลินก็เป็นคนหมัก…สรุปแล้วนางหนูหลินที่ว่านี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงมีความสามารถหลากหลายเพียงนี้ ?
เขาไม่ระวังจึงเผลอพึมพำเรื่องพวกนี้ออกมา ผู้อาวุโสเซวียจึงหัวเราะอย่างสะใจทันที จากนั้นก็ชี้ไปทางเจียงโม่หานที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไรแต่ก็มีตัวตนอยู่ตรงนั้น “นางหนูหลินเป็นคู่หมั้นของสหายน้อยของข้าคนนี้ ฮ่าฮ่า ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้สั่งสมบุญมากี่ชาติจึงได้ภรรยาที่ดีเลิศแบบนาง”
สั่งสมบุญมากี่ชาติ ? ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ใจคือชาติก่อนไม่มีบุญให้สั่งสมอย่างแน่นอน…เพราะชาติที่แล้วเขาช่วยฮ่องเต้กระทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมาย น่าจะเป็นชาติก่อนหน้านั้น หรืออาจจะก่อนหน้านั้นอีกทีไปเลย เขาก็คงจะเป็นคนดีคนหนึ่งที่ชอบทำบุญชนิดไร้ขีดจำกัดจึงได้ภรรยาดีขนาดนี้ ?