บทที่ 326 ชอบ (1)
อันจวิ้นอ๋องบาดเจ็บสาหัสจึงสลบไป
ราชครูจวงทั้งโมโหทั้งร้อนใจ เกือบจะเป็นลมหมดสติไปเช่นกัน
อย่างไรเสียก็เป็นหลานชายสายตรงของตน จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ไม่ใยดีคงไม่ได้ ต่อให้ราชครูจวงโมโหเพียงใดก็จำต้องให้คนพาอันจวิ้นอ๋องกลับจวนเสียก่อน
ผู้ดูแลรีบพาหมอประจำจวนมาจัดการบาดแผลให้อันจวิ้นอ๋อง
ฤทธิ์ยาในร่างกายอันจวิ้นอ๋องหมดลงแล้ว ที่สลบไม่ได้สตินั้นหลักๆ เป็นเพราะบาดแผลตรงต้นขาที่เสียเลือดไปมากเกิน
“ไอ้หยา ก่อนหน้านี้ขาซ้ายบาดเจ็บ ยามนี้ขาขวามาบาดเจ็บอีก…นี่มันช่าง…” หมอประจำจวนไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี คราที่อันจวิ้นอ๋องไปเป็นเชลยอยู่แคว้นเฉินคงไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้มาก่อนหรอกกระมัง วันๆ ไปทำอะไรมากันหนอ
เลือดกะละมังแล้วกะละมังเล่าถูกคนรับใช้ยกออกมาจากห้อง ทั่วทั้งเรือนราวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเข้มข้นของโลหิต
ราชครูจวงที่อยู่นอกประตูอยู่ไม่สุขแล้ว เขาเดินเข้าห้องมาถามเสียงเคร่งขรึม “เป็นอย่างไรบ้าง”
“เฮ้อ” หมอประจำจวนทำแผลให้อันจวิ้นอ๋องพลางเอ่ย “ดาบนี้แทงเข้ามาลึกเหลือเกิน ลึกเสียจนเห็นกระดูกเลยทีเดียว เกรงว่าคงรักษาให้หายได้ยาก ซ้ำอากาศก็ร้อนเช่นนี้ด้วย…”
อากาศร้อนอบอ้าว หากไม่ระวังแม้เพียงนิดบาดแผลก็จะอักเสบได้ง่ายๆ แต่ต่อให้ระมัดระวังมากพอก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่อักเสบ
เมื่อครู่วุ่นวายเกินไป ราชครูจวงจึงลืมไปถามว่าแผลนี้นั้นคุณหนูหยวนเป็นคนแทงหรือว่ากู้จิ่นอวี๋เป็นคนทำ
แต่ถามให้กระจ่างแล้วอย่างไรเล่า จะไปถือโทษนางได้อีกหรือ
แน่นอนว่าไม่มีสิทธิไปทำเช่นนั้นอยู่แล้ว
ราชครูจวงให้หมอประจำจวนรักษาให้อันจวิ้นอ๋อง ส่วนตัวเขาเองออกจากห้องมาเรียกคนสนิทให้พวกเขาไปตรวจสอบว่าวันนี้หอชิงเฟิงมีความเคลื่อนไหวใดบ้าง มีคนน่าสงสัยปรากฏตัวบ้างหรือไม่
คนสนิทเอ่ยถาม “นายท่านยังคงสงสัยว่าเรื่องนี้คนอื่นเป็นคนทำหรือขอรับ”
ราชครูจวงเอ่ย “เฮอะ หลานชายที่ข้าเลี้ยงเองกับมือข้าจะไม่รู้นิสัยเขาได้รึ เขาไม่มีทางเสียสติเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นหากเขายอมรับว่าตัวเองตกหลุมพรางก็แล้วไปเถิด นี่เขาร้อนรนรับโทษไว้เองก็หมายความว่ากำลังแอบปกป้องใครบางคนอยู่”
คนสนิทฉงน “นายท่านหมายความว่า…จวิ้นอ๋องถูกคนคิดบัญชีเข้าซ้ำยังไม่ยอมเปิดโปงอีกฝ่ายด้วยอย่างนั้นหรือ นี่ต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์แบบใดกับจวิ้นอ๋องกัน”
“ข้าแค่คาดเดาเท่านั้น ซ้ำยังไร้หลักฐาน เอาละ เจ้าไปตรวจสอบเถิด ขุนนางคณะเสนาบดีที่วันนี้ราชเลขาหยวนบังเอิญเจอเป็นใคร ไปตรวจสอบมาให้ข้าด้วยเช่นกัน!”
ถึงแม้ว่าราชครูจวงจะไม่คิดว่าราชเลขาหยวนวางแผนทำร้ายหลานสาวสายตรงของตัวเอง แต่ขุนนางคนนั้นปรากฏตัวได้เหมาะเจาะนัก หากมิใช่เขาที่เป็นคนขวางราชเลขาหยวนไว้ คุณหนูหยวนก็คงไม่หลุดมือไปได้และคงไม่มีทางเกิดเรื่องราวภายหลังเช่นนี้ได้แน่
“จริงสิ อู่หยางอยู่ที่ใด ข้าจำได้ว่าเขาเป็นองครักษ์ข้างกายของเหิงเอ๋อร์นี่” ราชครูจวงเอ่ย “ไปเรียกเขามาหาข้า!”
อู่หยางช่างโชคร้ายนัก หลายวันมานี้เขาลาหยุด พี่น้องในสำนักคนหนึ่งแต่งงาน เขาจึงไปร่วมงานแต่งด้วย ไม่ได้รู้เรื่องราวของอันจวิ้นอ๋องเลยสักนิด
ราชครูจวงไม่ได้เบาะแสอะไรจากเขา แต่ก็ยังคงลงโทษเขาที่บกพร่องในหน้าที่ โดยการโบยห้าสิบไม้
หลังจากที่องครักษ์คนสนิทตรวจสอบหอชิงเฟิงแล้วจึงกลับมารายงานกับราชครูจวง “ไม่พบผู้ต้องสงสัยคนใดเลย ขุนนางคณะเสนาบดีคนนั้นคือสวีซื่อฝู่ ข้าน้อยตรวจสอบแล้วว่าเขาบังเอิญเจอราชเลขาหยวนจริง”
ความน่าสงสัยของขุนนางคณะเสนาบดีไม่ได้สูงมากมายอะไร อย่างไรเสียคณะเสนาบดีก็อยู่ในมือของราชครูจวงเอง คนทั่วไปใช้พวกเขาไม่ได้หรอก
ราชครูจวงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถาม “คุณหนูตระกูลกู้ปรากฏตัวที่หอชิงเฟิงได้อย่างไร”
องครักษ์คนสนิทเอ่ย “พวกคุณหนูที่สำนักบัณฑิตสตรีมักจะไปรวมตัวกันที่หอชิงเฟิง คุณหนูรองกับคุณหนูสามวันนี้ก็อยู่ด้วย เพียงแต่พวกนางไม่รู้เรื่องของจวิ้นอ๋องมากนักขอรับ”
ราชครูจวงเอ่ย “เรียกพวกนางมา”
“ขอรับ!”
เพียงไม่นานจวงเย่ว์ซีกับจวงเมิ่งเตี๋ยก็ถูกเรียกมาที่ห้องของราชครูจวง
ราชครูจวงมองทั้งสองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วันนี้พวกเจ้าไปทำอะไรที่หอชิงเฟิงกันรึ”
“เล่นน่ะสิเจ้าคะ” จวงเมิ่งเตี๋ยตอบ “หมู่นี้หอชิงเฟิงมีการแสดงใหม่ ออกแสดงทุกวันเลย พวกเรามาฟังติดต่อกันได้หลายวันแล้ว วันนี้เป็นการแสดงสุดท้าย”
จวงเมิ่งเตี๋ยเป็นคนโกหกไม่เป็นที่สุดแล้ว จวงเย่ว์ซีหลุบตาลงไม่ได้เอ่ยคำใด ราชครูจวงมองทั้งสองแวบหนึ่ง ก่อนให้พวกนางออกไป
ราชครูจวงขมวดคิ้วมุ่น
ดูเหมือนว่าทุกอย่างนี้จะไม่มีปัญหาตรงไหนเลย หรือว่าจวงอวี้เหิงจะเป็นคนทำเองจริงๆ
เมื่อสองพี่น้องออกมาจากเรือนของราชครูจวงแล้ว จวงเย่ว์ซีก็เอ่ยกับจวงเมิ่งเตี๋ย “เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปดูพี่ชายหน่อย”
“พี่ชายเป็นอะไรไปรึ” เรื่องของอันจวิ้นอ๋องถูกปกปิดไว้มิดชิด แม้แต่จวงเมิ่งเตี๋ยก็ยังไม่รู้เรื่องราว
จวงเย่ว์ซีจึงเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก ข้ามีโจทย์ที่ทำไม่ได้ จะไปขอให้พี่ชายสอนน่ะ เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่”
พอจวงเมิ่งเตี๋ยได้ยินว่าจะให้สอนแก้โจทย์ก็หมดความสนใจทันที แม้ว่านางจะชอบพี่ชาย แต่นางกลัวการทำโจทย์ยิ่งกว่านี่นา
“ขะขะขะ…ข้าเวียนหัวนิดหน่อย คงจะเป็นไข้แดดเสียแล้ว ขอกลับห้องไปพักดีกว่า เจ้าไปทำโจทย์เองแล้วกัน!”
จวงเมิ่งเตี๋ยเอ่ยจบก็เผ่นแนบไปทันที
จวงเย่ว์ซีไปยังเรือนของอันจวิ้นอ๋อง
คนรับใช้เห็นนางเดินมาก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าออกไปก่อน” นางสั่งเสียงเรียบ
“แต่นายท่านมีคำสั่งว่า…” สาวใช้นางหนึ่งพึมพำเสียงเบา
สาวใช้อีกคนหัวไวพอจึงรีบดึงแขนเสื้อนางพลางเอ่ยกับจวงเย่ว์ซี “เจ้าค่ะ พวกบ่าวขอตัวก่อน”
ทั้งสองหลีกทางให้จวงเย่ว์ซีเดินเข้าไปในเรือนแล้วตรงไปห้องนอนของอันจวิ้นอ๋อง
หมอประจำจวนจัดการบาดแผลให้เขาเรียบร้อยแล้ว กำลังไปห้องครัวต้มยาให้เขาอยู่ เหลือเพียงบ่าวรับใช้คนสนิทที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงคนเดียว
“เจ้าก็ออกไปก่อน” จวงเย่ว์ซีสั่ง
บ่าวรับใช้ไม่กล้าขยับ
จวงเย่ว์ซีสั่งสาวใช้สองคนที่เฝ้าหน้าประตูได้ แต่สั่งบ่าวรับใช้ข้างกายของอันจวิ้นอ๋องไม่ได้
อันจวิ้นอ๋องที่อยู่บนเตียงลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “เจ้าออกไปก่อน”
“ขอรับ!” บ่าวรับใช้ออกไปอย่างนอบน้อม
เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว จวงเย่ว์ซีจึงรีบโผไปยังข้างเตียง คว้ามือพี่ชายมาอย่างเป็นห่วง “พี่ชาย…”
อันจวิ้นอ๋องใช้มือพยุงตัวให้ลุกขึ้นนอนตะแครง แล้วยกมืออีกข้างขึ้นตบหน้านางทันที!
การตบหน้าครานี้ใช้แรงทั้งหมดที่มีของเขา พอเขาตบเสร็จก็ฟุบลงกับเตียงกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
จวงเย่ว์ซีโดนตบจนมึนงงไปหมด นางมองอันจวิ้นอ๋องอย่างเหลือเชื่อ “พี่ชาย…”
อันจวิ้นอ๋องหมดแรงจะไปตบนางอีกหน เขาใช้มือพยุงร่างเอาไว้ พลางจดจ้องอย่างเดือดดาล “เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้”
พี่ชายรู้แล้ว…พี่ชายรู้หมดแล้ว…
จวงเย่ว์ซีลนลานมองอันจวิ้นอ๋องหมายจะโต้แย้ง ทว่านางกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
ดวงตาอันจวิ้นอ๋องเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง “หากข้าไม่ถามผู้ดูแลว่าใครเรียกเขาไป…ข้าก็คงไม่รู้ว่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง…จะทำเรื่องสกปรกโสมมเช่นนี้! คุณหนูหยวนไปล่วงเกินอะไรเจ้าเข้าล่ะ เจ้าจึงได้คิดบัญชีนางเช่นนี้!”
“ข้า…พี่ชาย ข้า…ข้า…” จวงเย่ว์ซีลนลานจนตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง น้ำตาเม็ดโตไหลลงมาพลั่กๆ สมองนางยุ่งเหยิงไปหมด แม้แต่คำพูดคำจายังตอบไม่เป็นภาษา “ขะ…ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายท่าน…ข้า…”
“ในใจเจ้าไม่มีความรู้สึกผิดต่อคุณหนูหยวนสักนิดเลยหรือไร!” อันจวิ้นอ๋องผิดหวังยิ่งนัก นี่คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา “ซ้ำยังลากคุณหนูกู้มาซวยไปด้วยอีก! ยามนี้พอใจเจ้าหรือยัง”
จวงเย่ว์ซีสะอื้นเอ่ย “ขะ…ข้าไม่เคยคิดจะลากกู้จิ่นอวี๋มาซวยด้วย…และข้าก็ไม่รู้ว่านางจะมาปรากฎตัวเช่นนี้…หยวนเป่าหลิน…หยวนเป่าหลินเป็นแค่แม่ชี…นางไม่คู่ควรกับพี่ชาย!”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าก็เลยหาคนมาทำลายนางให้ป่นปี้!”
“ข้า…ข้าเปล่า…ข้า…ข้าแค่คิดจะขู่ขวัญนางเท่านั้น…ให้นาง…ไม่มีสิทธิ์แต่งงานกับท่านก็เท่านั้น…” ความจริงแล้วที่จวงเย่ว์ซีเรียกผู้ดูแลออกไปนั้น ไม่ใช่เพื่อต้องการแยกเขาออกมาอย่างเดียว แต่ให้ผู้ดูแลล่ออันจวิ้นอ๋องออกมาด้วย
อันจวิ้นอ๋องสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของผู้ดูแลจึงรีบย้อนกลับไปที่ห้อง เลยพบว่าคุณหนูตระกูลหยวนโดนยากำลังถูกชายแปลกหน้าพัวพันอยู่
เขาเดินไปไล่ตะเพิดชายคนนั้น แต่เพราะแตะโดนเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเข้าจึงได้โดนยาไปด้วยเล็กน้อย
‘รีบไป!’ เขาตวาด
คุณหนูหยวนกระโดดออกจากหน้าต่างไป
เขากังวลว่าตัวเองทำเรื่องที่ไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้ จึงได้อาศัยสติเฮือกสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่พุ่งตัวไปลงกลอนประตูห้อง แต่ใครจะคาดคิดว่าจะเจอกู้จิ่นอวี๋เดินผ่านหน้าประตูมาพอดี
กู้จิ่นอวี๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นสีหน้าเขาไม่ดีจึงเข้าห้องมาถามเขา
สติเขาขาดผึงทันที
ระหว่างที่เลอะเลือนเขาได้ยินเสียงร้องไห้ของกู้จิ่นอวี๋ เขาชักกริชออกจากบั้นเอว แทงลงบนต้นขาตัวเอง
ทว่าในขณะนั้นเองราชเลขาหยวนสนทนากันกับเพื่อนร่วมงานเสร็จสิ้นเลยเดินขึ้นมาพอดี
ราชเลขาหยวนเห็นกู้จิ่นอวี๋กับเขาอาภรณ์ยู่ยี่ยุ่งเหยิง ซ้ำยังเห็นความเละเทะของห้อง แต่กลับไม่เห็นคุณหนูหยวนเพียงคนเดียว ราชเลขาหยวนคิดอย่างไรไม่ต้องบอกเขาก็รู้ สรุปคือราชเลขาหยวนหุนหันไปอย่างเดือดดาล!
การแต่งงานครานี้จึงล่มไม่เป็นท่า