บทที่ 428 ไม่สบายใจทุกครั้งที่เจอตาเฒ่าคนนี้!
บทที่ 428 ไม่สบายใจทุกครั้งที่เจอตาเฒ่าคนนี้!
“นิ่ง ๆ! ข้าจะทายาได้ยังไงถ้าไม่ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ บาดแผล?” ซูอันตวาดกลับเมื่อเห็นท่าทีของเพ่ยเหมียนหมานที่ดูตื่นตัวเกิดเหตุ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ไปไกลถึงขนาดเอาเปรียบเพื่อนสนิทของภรรยาข้าในบ้านของนางเอง”
“เฮอะ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก!” เพ่ยเหมียนหมานผ่อนคลายลงเมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดในแบบที่นางคิด
ซูอันทายาบนบาดแผลและทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน “เจ็บไหม?”
“ข้าไม่เจ็บ ทำต่อไปได้เลย!” เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังทนต่อความเจ็บปวด
เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างเงียบงัน ทั้งห้องมีเพียงเสียงของซูอันที่กำลังรักษาบาดแผลของนางเท่านั้น
เพ่ยเหมียนหมานหน้าแดง นี่เป็นครั้งแรกที่ผิวของนางถูกผู้ชายสัมผัสเช่นนี้ ทว่าการที่นางแสดงออกอย่างเขินอายมันทำให้นางรู้สึกอึดอัด ดังนั้นหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจและถามว่า “ผิวใครดีกว่า? ของข้าหรือของชูเหยียน?”
ซูอันยิ้มและพูดว่า “เจ้าต้องการให้ข้าบอกเจ้าว่าผิวของเจ้าดีกว่าของภรรยาของข้า หรือผิวของภรรยาของข้าสมบูรณ์แบบกว่าของเจ้า?”
เมื่อเห็นซูอันโยนคำถามกลับมาที่นาง เพ่ยเหมียนหมานก็พ่นลมหายใจ “ฮึ่ม เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกจริง ๆ ถ้าข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าโตมาในเมืองจันทร์กระจ่าง ข้าคงสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าคลอดออกมาจากสัตว์ประหลาดสักตัวหรือเปล่า?”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของนาง แค่คำพูดก็ทำให้ข้ากลายเป็นสัตว์ประหลาด…ข้าก็เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เหมือนกับเจ้านั่นแหละ!
เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น ซูอันกล่าวว่า “เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเจ้าเสียเลือดไปมาก ดังนั้นร่างกายของเจ้าจึงยังอ่อนแออยู่ คืนนี้ก็อยู่ที่นี่เถอะ ไม่เช่นนั้น ถ้าเจ้าถูกโจมตีอีกครั้ง หัวใจของข้าคงรับไม่ได้แน่ ๆ”
เพ่ยเหมียนหมานกะพริบตาอย่างล้อเลียน “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นถ้าข้าอยู่ที่นี่?”
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ไว้วางใจในความซื่อสัตย์ของข้า แต่เจ้าควรไว้วางใจการตัดสินใจของชูเหยียนในการเลือกสามีของนาง ข้าจะไปนอนที่อื่น เจ้าสามารถออกไปได้ทุกเมื่อที่เจ้าต้องการ”
หลังจากลังเลเล็กน้อย นางกล่าวว่า “อย่าบอกชูเหยียนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้…อย่าบอกคนอื่น ๆ ด้วย”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นี่เป็นเพียงเรื่องปกติ ทำไมถึงพูดเหมือนเราเพิ่งทำเรื่องอื้อฉาวลงไป? ไม่ต้องห่วง มันจะยังคงเป็นความลับระหว่างเรา”
“ข้านึกอยู่แล้วว่าคงไม่มีคำพูดดี ๆ ออกมาจากปากคนเลวอย่างเจ้า!” เพ่ยเหมียนหมานสบถด่าใส่เขา ก่อนที่จะผลักอีกฝ่ายออกไปจากห้องแล้วปิดประตู
ซูอันหดหู่ ผู้หญิงคนนี้อย่างน้อยก็ปล่อยให้เขาคว้าผ้าห่มติดมือมาสักผืนไม่ได้เลยหรือไง?
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีวิชาปฐมบทแรกเริ่มอย่างเขา ผ้าห่มไม่ได้สร้างความแตกต่างอีกต่อไป ไม่ว่าในกรณีใด ชายหนุ่มก็ไม่รู้สึกอยากเคาะประตูห้องไปรบกวนนางอีกแล้ว
เขาเดินไปที่ประตูถัดไปและลากเก้าอี้มาวางต่อกัน แต่ขณะที่กำลังจะนอน หัวใจของชายหนุ่มก็เต้นแรง เมื่อ จู่ ๆ ก็มีเงาคนปรากฏขึ้นข้าง ๆ เขา!
ซูอันหันกลับมา ขณะที่เขากำลังจะโคจรพลังเพื่อเตรียมต่อสู้ เขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่สูงวัยและเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
“ผู้อาวุโส?” คนที่รอเขาอยู่คือผู้เฒ่ามี่ ซึ่งมักจะมาและไปโดยปราศจากซุ่มเสียงเหมือนดั่งภูตผี
หมี่ลี่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าชายชราผู้นี้อยู่ในระดับที่เก้าเป็นอย่างน้อย ดูเหมือนว่าความสงสัยของนางจะถูกต้อง
“เป็นข้าเอง ดูเหมือนว่าประสาทสัมผัสของเจ้าจะเฉียบแหลมมากขึ้นกว่าเดิมนะ” ผู้เฒ่ามี่พยักหน้า แม้จะชมเชย แต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ท่านมาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ซูอันถามกลับ
เขารู้สึกสงสัยอย่างมากว่า ทำไมชายชราผู้นี้จึงต้องปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเสมอ?
ถ้าเขาปรากฏตัวเมื่อข้าอยู่คนเดียวก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าจู่ ๆ เขาโผล่มาตอนที่ข้ากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาว ๆ ข้าคงจะหัวใจวายแน่ ๆ!
นอกจากนี้ ในฐานะผู้ชาย เขาก็ไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่น แม้แต่คนแก่อย่างผู้เฒ่ามี่เห็นเนื้อตัวผู้หญิงของเขา
น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของผู้เฒ่ามี่นั้นสูงกว่าเขามาก จึงไม่มีทางที่จะสามารถสั่งให้ผู้เฒ่ามี่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ตามใจ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่หอสุขนิรันดร์ และยังได้รับความรักจากคณิกาอันดับหนึ่งของพวกเขาได้?” ผู้เฒ่ามี่มองเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ
“ผู้อาวุโสได้รับข่าวเร็วมากจริง ๆ…” ซูอันหัวเราะอย่างเคอะเขิน “ผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างข้าก็แค่โดดเด่นในหมู่สาว ๆ มากกว่าคนอื่นก็เท่านั้นเอง ฮ่า ๆ”
แม้แต่เขาก็ยังเขินที่พูดประโยคนี้ออกไป
ผู้เฒ่ามี่ขมวดคิ้ว “ดูเหมือนช่วงนี้อารมณ์ของเจ้าก็ดีขึ้นมากด้วย”
“เผอิญว่าช่วงนี้ชีวิตของข้าค่อนข้างราบรื่นน่ะผู้อาวุโส” ซูอันเอ่ยขึ้นอย่างเขิน ๆ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามจะพูดอะไร
“ก่อนหน้านี้เจ้าหดหู่ใจมากจนเกือบจะแขวนคอตายอยู่แล้ว ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงหมดความกังวลและมีความสุขขึ้นมาได้? อย่าบอกนะว่าเจ้าค้นพบวิธีรักษาตัวเองแบบอื่นแล้ว?” ดวงตาของผู้เฒ่ามี่เลื่อนมาที่เป้ากางเกงของเขา
ซูอันรู้สึกเย็นวาบที่บริเวณหว่างขา เขาจึงหันร่างของเขาไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัวเพื่อหลบเลี่ยงการจ้องมองนั้น “ท่านไม่ได้บอกเหรอว่าทุกอย่างจะออกมาดีตราบใดที่ข้าเป็นผู้บ่มเพาะ? ทำไมข้าถึงต้องรู้สึกมืดมนเมื่อข้าเชื่อคำพูดของท่าน”
ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ผู้เฒ่ามี่ ซูอันมักจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเปิดเผยทุกสิ่งให้อีกฝ่ายฟัง
ชายหนุ่มยังได้เตือนตัวเองให้ระมัดระวังมากขึ้นจากนี้ไป หากผู้เฒ่าผู้นี้เหลือบเห็นว่าซูอันน้อยฟื้นคืนชีพแล้ว สิ่งต่าง ๆ อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี
“เป็นเช่นนั้นก็ดี” ผู้เฒ่ามี่จ้องเขม็ง และยอมรับคำตอบของเขาอย่างง่าย ๆ จากนั้นเอ่ยต่อว่า “ในเมื่อร่างกายของเจ้ายังไม่สมบูรณ์พร้อม ดังนั้นเจ้าควรให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะมากกว่าการไล่ตามพวกผู้หญิง เพราะใช่ว่าการได้อยู่กับพวกนางจะมีประโยชน์อะไรกับคนที่มีร่างกายอย่างเจ้า”
ซูอันเม้มริมฝีปากแน่น
ผู้เฒ่ามี่เชื่อว่าความเป็นชายของซูอันถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นชายชราจึงไม่คิดว่าจะมีความหมายใด ๆ หากเขาจะไล่ตามหญิงสาวต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าชายหนุ่มยังคงไล่ตามพวกนางต่อไป แม้ในขณะที่ ‘ซูอันน้อย’ ยังใช้การไม่ได้ ผู้เฒ่ามี่คงจะพิศวงงงงวยอย่างแน่นอน
“คณิกาแห่งหอสุขนิรันดร์นั้นมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น ดังนั้นอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องมากเกินไป เพื่อประโยชน์ของเจ้าเอง” ผู้เฒ่ามี่เตือน ร่างกายของซูอันเป็นภาชนะล้ำค่าของเขา ดังนั้นย่อมไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นกับซูอัน
“ผู้อาวุโสรู้อะไรเกี่ยวกับภูมิหลังของชิวฮัวเล่ยงั้นเหรอ?”
ซูอันอยากรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของชิวฮัวเล่ยมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยเมื่อคิดว่าชายชราที่ทำเพียงแค่ตัดหญ้าแต่งต้นไม้รอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลฉู่อยู่ทุกวี่ทุกวันกลับตระหนักรู้ถึงทุกเรื่องราวสำคัญภายในเมืองจันทร์กระจ่าง ชายหนุ่มไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้เฒ่ามี่ทำได้อย่างไร
“ข้าไม่รู้รายละเอียดที่แน่นอน แต่ไม่มีทางที่นางจะเป็นแค่คณิกาธรรมดาได้ ดังนั้นเจ้าอย่าล่วงเกินนางจะดีที่สุด” ผู้เฒ่ามี่หยุดครู่หนึ่งแล้วมองไปทางกำแพง “นอกจากนี้ หญิงสาวจากตระกูลเพ่ยที่อยู่ห้องถัดไป ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกันได้ยังไง แต่เจ้าไม่ควรเล่นกับไฟ ถ้าตระกูลฉู่ไล่เจ้าออกเพราะเหตุนี้ หึหึ…”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงรายละเอียด แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยภัยคุกคาม
ซูอันตัวสั่น “ข้าเข้าใจแล้ว”
“จำสิ่งที่ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ ตีสนิทกับพี่น้องของตระกูลเว่ยต่อไป รายงานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลเว่ยแก่ข้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก อย่ามองข้ามรายละเอียดใด ๆ ไปแม้แต่เรื่องเดียว” หลังจากพูดจบ ผู้เฒ่ามี่ก็หันหลังและเดินโซซัดโซเซจากไป แม้ว่าเขาจะดูเหมือนอ่อนแอจนสามารถถูกลมพัดไปเมื่อใดก็ได้ แต่แค่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หายตัวไปในความมืด
แรงกดดันในใจของซูอันลดลงอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายจากไป อย่างไรก็ตาม เพียงแค่รู้ว่ามีคนคอยแอบดูเขาอยู่เสมอ มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่เขาไม่อาจสลัดออกได้
ทำไมเขาเอาแต่บอกให้ข้าสนใจตระกูลเว่ย? ซูอันคิดกับตัวเอง
ในขณะที่เขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เฒ่ามี่ก็กำลังรู้สึกขัดแย้งในใจของตัวเองเอง ทำไมผู้หญิงถึงพากันสนใจเด็กเหลือขอคนนั้น? เห็นได้ชัดว่าไอ้นั่นของมัน…
เขาคิดกลับไปกลับมาเป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถหาเหตุผลที่น่าพอใจได้ เขาจึงส่ายหัวและหยุดคิดในที่สุด
ช่างมันเถอะ การมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงมีอะไรผิดปกติกันล่ะ? พวกนางทั้งหมดจะเป็นของข้าในที่สุด