บทที่ 429 ความเข้าใจผิด
บทที่ 429 ความเข้าใจผิด
เมื่อซูอันตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็รีบไปที่ห้องและมองหาเพ่ยเหมียนหมาน ทว่าห้องนั้นกลับว่างเปล่า และผ้าห่มก็ถูกพับอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่สาวงามที่เคยอยู่ที่นี่ได้หายไป…
ซูอันสังเกตเห็นจดหมายที่ริมหน้าต่าง เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมา จดหมายเขียนด้วยลายมือที่สวยงามเพียงบรรทัดเดียว ‘จดจำสิ่งที่เจ้าสัญญากับข้าเมื่อวานนี้’
จมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ยังคงอบอวลอยู่บนเตียงของตัวเอง ซูอันจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือไม่?
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง บางทีนางอาจจะเสียใจที่จากไปเฉย ๆ และตัดสินใจกลับมา แต่เมื่อเปิดประตู ซูอันกลับได้เห็นใบหน้าที่อ้วนท้วนแทน ความสนใจของเขาหายไปทันที “เจ้าเองเหรอ?”
“น้องชายคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?” ฉู่อวี้เฉิงถามกลับด้วยความสงสัย ฉู่ฮงไฉที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มีสีหน้างงงวย
“ข้าคิดว่ามีเทพธิดามาตามหาข้าซะอีก” ซูอันพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
ฉู่อวี้เฉิงหัวเราะเสียงดัง “แม่นางชิวแห่งหอสุขนิรันดร์นั้นเป็นยิ่งกว่าเทพธิดาซะอีก ว่าแต่…เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?”
เขาขยิบตาให้ซูอันด้วยท่าทางที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
ฉู่ฮงไฉเอียงหูเข้ามาเช่นกัน เขากำหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าเป็นกังวลอย่างมาก
“แน่นอนว่าข้ารู้สึกดีมากที่ได้ขึ้นสวรรค์!” ซูอันมองด้วยรอยยิ้มที่รู้กัน
ฉู่อวี้เฉิงยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบนี้ แต่ฉู่ฮงไฉเกือบจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา เขาจ้องเขม็งซูอันด้วยความฉุนเฉียว
—
ท่านยั่วยุฉู่ฮงไฉสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ฉู่อวี้เฉิงรั้งญาติของเขาไว้ทันที แล้วพูดกับซูอันว่า “อาซู เจ้าต้องรู้ว่าเขาคลั่งไคล้ชิวฮัวเล่ยที่สุด ดังนั้นนี่เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับในทันที แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล เขาไม่โกรธเจ้านานหรอก”
ซูอันกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “ข้าแค่ล้อเล่น ชิวฮัวเล่ยเชิญข้านั่งเรือไปกับนาง แต่ต่อมาเราเจอกับกลุ่มโจรจากค่ายเมฆาทมิฬ เราแทบเอาชีวิตไม่รอด มันแย่ที่สุดเลยล่ะ”
“อะไรนะ? แล้วแม่นางชิวล่ะ?” ฉู่ฮงไฉร้องด้วยความตื่นตระหนก
“พี่ฮงไฉ นี่เจ้าไม่กังวลเกี่ยวกับข้าเลยเหรอ?” ซูอันเอ่ยทักขึ้นด้วยสีหน้าผิดหวัง
“ก็เจ้าดูปลอดภัยดีนี่นา” ฉู่ฮงไฉพึมพำ
“ไม่ต้องห่วง แม่นางชิวปลอดภัยดี มีบุคคลลึกลับมาช่วยเราทันเวลา และเมื่อกองทหารป้องกันเมืองมาถึง ท้ายที่สุดมหาโจรเฉินเซวียนก็หนีไป” ซูอันอธิบายความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง
“เฉินเซวียนมาจริง ๆ เหรอ!?” ฉู่อวี้เฉิงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ไอ้สารเลวนั่นปล้นขบวนสินค้าของเราไปหลายครั้งแล้ว และตระกูลฉู่ของเราก็ได้ส่งกองทหารไปตามล่ามันอยู่หลายที แต่ตอนนี้มันกลับกล้าเหยียบเข้ามาในเมืองจันทร์กระจ่าง อย่างโจ่งแจ้งเลยงั้นเหรอ!?”
หลังจากออกจากหอสุขนิรันดร์เมื่อคืนนี้ ฉู่ฮงไฉเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ดังนั้นเขาจึงไปดื่มต่อจนเมามายเพื่อระบายความเศร้าออกไป แน่นอนว่าฉู่อวี้เฉิงได้ไปกับเขาด้วย ทั้งสองคนจึงลงเอยด้วยการดื่มจนหมดสติ และตื่นขึ้นเมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้นคาตา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน
ฉู่ฮงไฉพยักหน้าเห็นด้วย “พวกเราเคยออกไปร่วมทำภารกิจล่ากลุ่มโจรนี้หลายรอบแล้ว แต่พวกมันลื่นเหมือนปลาไหล และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีใครเคยเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเฉินเซวียนด้วยซ้ำ”
ซูอันยิ้มอย่างหยอกล้อทันที “อันที่จริงพวกเจ้าเคยเห็นเฉินเซวียนไปแล้ว”
“พวกเรา?” ทั้งสองคนตกตะลึง
“ไม่ใช่แค่เคยเห็นสิ พวกเจ้ายังเคยประมือกับเฉินเซวียนไปแล้วอีกต่างหาก” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เฉินเซวียน มันก็คือไอ้คนผมแดงในหอสุขนิรันดร์เมื่อคืนนี้ไง!”
“นั่นมันเหรอ!?” ทั้งสองร้องออกมาด้วยความตกตะลึง
ฉู่อวี้เฉิงก่นด่า “ข้าคิดอยู่แล้วว่าไอ้หัวแดงนั่นไม่มีทางเป็นคนดี! แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นมหาโจรเฉินเซวียนที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอยู่เป็นประจำเช่นนี้!”
ฉู่ฮงไฉไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นของเขาได้ “เฉินเซวียนมันกำลังรนหาที่ตาย! กล้าที่จะเข้ามาในเมืองจันทร์กระจ่าง! เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง แต่ตอนนี้เมื่อเรารู้แล้ว การหลบเลี่ยงเราต่อไปจึงย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย! ว่าแต่น่าสงสัยจริง ๆ ว่าอะไรทำให้มันบ้าระห่ำถึงขนาดทำเรื่องแบบนี้?”
ซูอันลูบจมูกพลางคิดในใจ ไอ้เฉินเซวียนมันบ้าขนาดนี้ก็เพราะมันต้องการแก้แค้นข้า… แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา “ว่าแต่ ทำไมท่านทั้งสองคนถึงมาหาข้าแต่เช้า?”
“อ่า…ข้าเกือบลืมไปเลย!” ฉู่อวี้เฉิงตบหน้าผากของตัวเองก่อนจะนำกล่องอาหารออกมา “นี่คือซาลาเปานึ่งและผัดเต้าหู้อ่อน จากสองร้านที่มีชื่อเสียงมากในเมืองของเรา เผอิญว่าวันนี้กว่าพวกข้าจะออกจากร้านเหล้าก็เช้าขนาดนี้ไปแล้ว ดังนั้นเราจึงซื้อมาเพื่อที่จะได้เอามาแบ่งกับเจ้าแล้วกินด้วยกัน!”
“ไม่มีใครยอมเลียก้นคนอื่น หากไม่มีแรงจูงใจแอบแฝง!” ซูอันแอบสงสัยว่าทั้งสองวางยาพิษในอาหารหรือไม่?
สีหน้าของฉู่อวี้เฉิงแข็งค้าง “อ…เอ่อ จริง ๆ แล้ว ฮงไฉแทบจะจมน้ำตาตายตอนดื่มเหล้าเมื่อคืนนี้ เขาคิดว่าแม่นางชิว…อะแฮ่ม ถูกเจ้าทำลายไปแล้ว นี่คือเหตุผลที่ข้าพาเขามาถามเจ้าว่าเกิดอะไรขึ้น? แต่เราไม่ควรจะมามือเปล่าใช่มั้ยล่ะ? ส่วนตัวข้าเองก็คิดว่าน้ำตาที่ฮงไฉเสียไปเมื่อคืนมันไม่ควรเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์” เขาอธิบายพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
เมื่อสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะพอใจกับหายนะของตัวเขา ซูอันก็รีบไปหยิบชามและตะเกียบออกมา “รีบกินขณะที่ยังร้อนอยู่ดีกว่าไม่งั้นเดี๋ยวเย็นแล้วจะชืดซะหมด”
เมื่อเห็นทั้งสองคนกินอย่างตะกละตะกลาม ซูอันก็ปล่อยความกังวลเรื่องยาพิษไป เขาตักแบ่งผัดเต้าหู้อ่อนมาใส่ชามของตัวเขาเอง
โว้ว โคตรอร่อย! ข้าไม่ได้เพลิดเพลินกับรสชาติที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มานานแล้ว!
แม้จะกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูอันก็ยังคงชมเชยอาหารจนเสียงดังลั่นห้อง “ขาวและเรียบเนียน อร่อยมาก ๆ หลังจากนี้ข้าคงต้องไปซื้อกินอีกให้ได้!”
“ฮ่า ๆ อาซู พวกเราเป็นเครือญาติกัน วันหลังข้าจะพาเจ้าไปด้วยอีก!”
“น่ารังเกียจ! ไร้ยางอาย! น่าขยะแขยง!” จู่ ๆ เสียงที่กราดเกรี้ยวดังขึ้นหน้าห้อง
ซูอันเงยหน้าขึ้นเห็น ฉู่ฮวนเจาจ้องเขม็งมองมาที่เขา ใบหน้าของนางแดงก่ำ
—
ท่านยั่วยุฉู่ฮวนเจาสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
ฉู่อวี้เฉิงพูดอย่างล้อเลียนว่า “อาซู เจ้าทำอะไรให้ฮวนเจาน้อยของพวกเราไม่พอใจงั้นเหรอ?”
“เจ้าอ้วน เจ้าก็ไม่มีอะไรดีเหมือนกัน! สามีของพี่ชูเหยียนกำลังถูกพวกเจ้าทำให้เสียคน!” ฉู่ฮวนเจาหายใจแรงจนตัวพองด้วยความโกรธ
ฉู่อวี้เฉิงตกตะลึง เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? เมื่อกี้เรากำลังพูดถึงเต้าหู้อยู่…
“นายน้อย นายน้อย! ได้เวลาไปสถาบันจันทร์กระจ่างแล้ว! ข้าเตรียมม้าไว้พร้อมแล้ว!” เฉิงโซวผิงพูดอย่างกระตือรือร้นในขณะที่คลานออกมาจากมุมไหนไม่มีใครรู้
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉิงโซวผิง ซูอันก็เพิ่งตระหนักได้ว่าวันหยุดสามวันที่ได้รับหลังจากเข้าสู่มิติลับหยกจรัสได้ผ่านไปแล้ว วันนี้เป็นวันที่เขาต้องกลับไปยังสถาบันจันทร์กระจ่างแล้วจริง ๆ
ความคิดที่จะต้องกลับเข้าไปในสถาบันจันทร์กระจ่างทำให้ชายหนุ่มหดหู่ไปชั่วขณะ ทว่าเมื่อเขาคิดถึงอาจารย์ใหญ่สุดสวย พี่สาวซาง และเหล่านักศึกษาที่รอแจกคะแนนความโกรธแค้นให้เขา อารมณ์ก็สดใสขึ้นในทันที
“ทำไมเจ้าต้องทำหน้าทำตาประจบประแจงข้าขนาดนี้?” ซูอันถามขณะเดินไปที่ประตูห้อง
“ข้ายินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อรับใช้นายท่านทุกอย่าง นายน้อย…” เฉิงโซวผิงพูดพล่ามไร้สาระตามปกติมากมาย ก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อ “ถ้านายน้อยสามารถเปิดโลกทัศน์ของข้าให้กว้างขึ้นโดยการพาข้าไปที่หอสุขนิรันดร์ ในครั้งต่อไปนั่นจะเป็นพระคุณแก่ข้ามาก…”
“ไอ้ข้ารับใช้เลว! กล้าดียังไงถึงชักชวนพี่เขยของข้าให้ไปเยี่ยมชมสถานที่สกปรกเช่นนั้น!” มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้นขณะที่หางแส้สะบัดเข้าหาเฉิงโซวผิง เสียงคร่ำครวญอันน่าสังเวชของเฉิงโซวผิงดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลฉู่