บทที่ 430 ลอบสังหาร
บทที่ 430 ลอบสังหาร
ซูอันกลืนน้ำลาย เขามีประสบการณ์กับแส้คร่ำครวญมาแล้ว ความรู้สึกเมื่อสัมผัสนั้น…เป็นความทรงจำที่ชายหนุ่มไม่อยากนึกถึงอีกเลย
ไม่แปลกเลยที่เฉิงโซวผิงจะกรีดร้องอย่างน่าสังเวชขนาดนั้น!
ก่อนหน้านี้ ฉู่ฮวนเจารู้สึกหงุดหงิดมากอยู่แล้ว นางตรงดิ่งมาที่นี่เพื่อมาขอคำอธิบายจากซูอัน แต่ไม่นึกเลยว่าจู่ ๆ นางจะได้ยินเฉิงโซวผิงพูดถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุให้นางโมโหต่อหน้านางอีกรอบ? นางหงุดหงิดจนควันออกหูอยู่แล้ว ดังนั้นคำพูดของเฉิงโซวผิงจึงไม่ต่างอะไรกับการเติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟ!
ฟาดแส้ไปหนึ่งทีไม่ทำให้นางรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นนางจึงฟาดครั้งที่สอง!
เมื่อเห็นว่านางกำลังจะฟาดแส้ครั้งที่สาม ซูอันก็รีบเข้าไปหยุดนางทันที “พอก่อน ๆ! ไม่อย่างนั้นไอ้เจ้าเด็กที่น่าสมเพชนี่ต้องตายแน่ ๆ”
ฉู่ฮวนเจารู้สึกรำคาญใจมากขึ้น เมื่อถูกซูอันห้าม นางจึงยกแส้ของนางขึ้นเพื่อจะฟาดเฉิงโซวผิงอีกครั้ง
แต่ท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจหยุดมือ นางสะอื้นไห้ก่อนจะหันหลังกลับ “ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว!”
ซูอันหัวเราะให้กับความโกรธเคืองของนาง สาวน้อยคนนี้น่ารักขึ้นทุกวัน
ว่าแต่ข้าไม่ได้คิดแบบนี้มาก่อนเหรอ? ผิวพรรณและใบหน้าที่งดงามล้วนมีความสำคัญในท้ายที่สุด แม้ว่านางจะโกรธเคืองสักแค่ไหน แต่ด้วยรูปลักษณ์ของนาง ชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดว่านางน่ารำคาญเลย
จากนั้นเขาก็หันกลับมามองเฉิงโซวผิง “พูดตรง ๆ นะ เจ้าจะตายเพราะปากสักวันไม่ช้าก็เร็ว ต่อไปจงระวังให้มากขึ้นและอย่าพูดพล่ามไปเรื่อยตลอดเวลา”
“โอย…” เฉิงโซวผิงมีสีหน้าไม่พอใจ นี่มันอะไรกันเนี่ย? คนที่ไปที่หอสุขนิรันดร์คือนายน้อย และคนที่ได้สนุกก็คือนายน้อยด้วย! แต่ทำไมคนที่ถูกทุบตีกลับมีแค่ข้า เพียงเพราะข้าพูดเล่น ๆ แค่นั้น!
ฮึ่ม! ข้าอุตส่าห์เอาใจช่วยคุณหนูรองกับนายน้อยตลอดเวลา แต่ทั้งหมดนั้นมันกลับไร้ความหมาย! ต่อจากนี้ข้าจะไปเอาใจช่วยคุณหนูใหญ่แทน!
เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดและไม่พอใจของอีกฝ่าย ซูอันก็โยนเงินให้และพูดว่า “เอาไปซื้อยาซะและพักผ่อน วันนี้ไม่ต้องไปสถาบันจันทร์กระจ่างกับข้า ไม่งั้นเดี๋ยวฮวนเจาเห็นหน้าเจ้าอีกแล้วจะเกิดเรื่อง”
เมื่อเห็นเงิน ดวงตาของเฉิงโซวผิงก็เป็นประกายในทันที เขายิ้มแย้มแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณมาก นายน้อย! ท่านช่างดีกับข้าจริง ๆ!”
คนที่ตรงไปตรงมาและใจกว้างอย่างนายน้อยสมควรที่จะมีผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเคียงข้างทุกคืน! แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ เพราะกลัวว่าจะถูกเฆี่ยนตีอีก
ซูอันไม่สามารถยืนดูท่าทางประจบสอพลอได้อีก เขาก็หันหลังวิ่งตามฉู่ฮวนเจาไป
โดยปกติ นางมักจะรอซูอันก่อนที่จะไปสถาบันจันทร์กระจ่างด้วยกันเสมอ แต่วันนี้นางได้ขี่ม้าออกไปทันที
หลังจากที่พยายามไล่ตามอย่างเหน็ดเหนื่อยแล้ว ซูอันก็ตามทัน “นั่นแน่…ใครกันที่ทำให้ฮวนเจาของข้าโกรธมากขนาดนี้?”
สีหน้าของฉู่ฮวนเจายังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นางจึงเงียบไม่ต่อคำ
ซูอันเขยิบม้าของเขาไปใกล้นาง “เจ้ายังอารมณ์เสียที่ข้าไม่ได้หาของขวัญให้เจ้าหรือเปล่า? ตอนนี้ข้าจะซื้อทุกอย่างที่เจ้าต้องการเลย! ข้ามีเงิน…”
ฉู่ฮวนเจาไม่สามารถทนต่อการรบกวนของเขาได้ “ท่านก็รู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่ข้าอารมณ์เสีย!”
“แล้วทำไมต้องอารมณ์เสีย?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม
ฉู่ฮวนเจาเมินหน้าไปทางอื่น “ท่านรู้คำตอบอยู่แล้ว!”
ซูอันแสดงสีหน้าครุ่นคิด “เป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในหอสุขนิรันดร์หรือเปล่า?”
ฉู่ฮวนเจาโกรธจัด ใบหน้าขาวราวกับหิมะของนางดูเย็นชาขึ้นมาในทันที
“ข้าถูกพี่อวี้เฉิงและฮงไฉลากไปที่นั่นจริง ๆ! พวกเขาต้องการทราบอาการของพี่สาวเจ้า ข้าเลยต้องหลอกพวกเขาและบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่! แต่พวกเขาไม่ได้โง่ขนาดที่จะเชื่อคำพูดของข้าง่าย ๆ
“พวกเขาต้องการพาข้าไปที่หอสุขนิรันดร์เพื่อทดสอบ ถ้ามีอะไรผิดปกติกับพี่สาวของเจ้าจริง ๆ ข้าก็คงไม่มีใจที่จะไปกับพวกเขา”
“นี่เป็นการเสียสละครั้งใหญ่สำหรับข้าจริง ๆ! เพื่อให้พวกเขาคิดว่าชูเหยียนไม่เป็นไร ข้าจำเป็นต้องทำตัวไร้กังวลและไปที่ที่น่ารังเกียจแบบนั้น!”
ซูอันพูดทั้งหมดนี้ด้วยการแสดงออกอย่างจริงจัง เขารู้สึกทึ่งเล็กน้อยกับความสามารถในการพูดจากลับขาวเป็นดำของตัวเอง
สำหรับฉู่อวี้เฉิงและฉู่ฮงไฉ…พวกเจ้าสองคนต้องแบกรับความผิดทั้งหมดให้ข้า! มันเป็นความผิดของพวกเจ้าที่พาข้าไปที่นั่นอยู่แล้ว!
“พี่เขยพูดจริงเหรอ?” ท่าทีโกรธเกรี้ยวของฉู่ฮวนเจาลดลงเล็กน้อย
“แน่นอน! เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าข้ามีทางเลือกอื่นแล้วข้าจะยอมให้ตัวเองเข้าไปในสถานที่แบบนั้นได้ยังไง?” ซูอันกล่าวอย่างชอบธรรม เขายืดอกขณะพูด ทำให้ตัวเองดูสูงส่งมากกว่าเดิม
“แต่…แต่ข้าได้ยินมาว่าคณิกาอันดับหนึ่งของหอสุขนิรันดร์เลือกท่าน…เลือกให้ท่าน…เข้าไปในห้องของนางคนเดียว”
ฉู่ฮวนเจาเอ่ยขึ้นพร้อมกับกัดฟันกรอด เหตุใดพี่เขยของนางมักจะมีจิ้งจอกมากมายคอยล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดแบบนี้?
ซูอันกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “เจ้ากังวลมากเกินไป เราสองคนคุยกันเรื่องชาเท่านั้น และจากนั้นมหาโจรเฉินเซวียนแห่งค่ายเมฆาทมิฬก็บุกเข้ามาก่อนที่ข้ากับนางจะคุยกันจบเรื่องแรกด้วยซ้ำ”
“เฉินเซวียน!” ฉู่ฮวนเจาทำเสียงหวาดกลัว แม้แต่คนอย่างนางที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องในตระกูลก็รู้เกี่ยวกับจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ เฉินเซวียนปล้นเส้นทางการค้ารอบเมืองจันทร์กระจ่าง และทำให้ตระกูลฉู่เสียรายได้ไปมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พี่เขย ท่านไม่เป็นอะไรอะไรใช่ไหม?” แม้ว่าเขาจะดูปลอดภัยดี แต่ฉู่ฮวนเจาก็ยังคงควบม้าเข้ามาชิดและดึงแขนของชายหนุ่มด้วยความกังวล พยายามค้นหาอาการบาดเจ็บ
ความรู้สึกอบอุ่นผุดขึ้นภายในใจของซูอัน เมื่อเขาเห็นความกังวลที่จริงใจของนาง แม้ว่านางจะเจ้าเล่ห์และดื้อรั้น แต่นางก็ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี…
ตั้งแต่ที่เขาลงมายังโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ นางก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น “ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าสบายดี มดอย่างเฉินเซวียนไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอก”
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +431!
—
ซูอันตกตะลึงกับคะแนนความโกรธแค้นที่ไหลเข้ามาอย่างกะทันหัน นี่มันบ้าอะไรกัน? ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้รับคะแนนความโกรธจากมหาโจรนั่น?
อย่าบอกนะว่า…
ทันใด เขาสังเกตเห็นริ้วสีดำใกล้เข้ามา ผมของซูอันทั้งหมดแทบจะชี้เด่ เขาคว้าฮวนเจาและกระโดดลงจากหลังม้าของพวกเขา
เกือบจะในทันทีนั้นเอง ลูกธนูก็พุ่งมาถึง ม้าที่น่าสงสารที่เขาเคยขี่เมื่อสักครู่นี้ระเบิดกระจุยอย่างแรงจากแรงปะทะอันน่ากลัว
เศษเนื้อกระเด็นไปทุกที่ ม้าของฉู่ฮวนเจาตกใจ ยกขาหลังขึ้นก่อนจะพุ่งไปที่เนินเขา
ถ้าซูอันไม่พานางลงมาก่อนหน้านี้ ผลที่ตามมาจะน่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้
“เกิดอะไรขึ้น!?” ฉู่ฮวนเจากลัวมากจนใบหน้าของนางซีดขาว ปกติแล้วนางมักจะมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่นางไม่เคยเห็นเศษเนื้อที่กระเด็นไปทุกที่แบบนี้มาก่อน! นางจึงจับแขนเสื้อของซูอันไว้แน่นด้วยร่างกายที่สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ทหารคุ้มกันของตระกูลฉู่ที่รายล้อมอยู่ต่างก็สะดุ้งตกใจ ทุกคนรีบชักอาวุธออกมา ล้อมป้องกันเจ้านายทั้งสองขณะที่เริ่มกวาดสายตาสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ชาวบ้านที่สัญจรอยู่รอบข้างก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก พวกเขาทั้งหมดต่างกรีดร้องและวิ่งหนีไปรอบ ๆ อย่างไร้สติ พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าฆาตกรซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?
ซูอันดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาหันศีรษะไปยังทิศทางที่ลูกธนูพุ่งออกมา ซึ่งก็เห็นชายผมแดงถือธนูขนาดใหญ่อยู่ในมือยืนแอบอยู่หลังเสาบนชั้นสามของตึกที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก เมื่อเฉินเซวียนรู้ว่าตัวเองถูกค้นพบ เขาก็แสยะยิ้ม พลางยกมือขึ้นและเอานิ้วโป้งทำท่าปาดคอก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ซูอันขมวดคิ้ว คน ๆ นี้เชี่ยวชาญในการลอบสังหารจริง ๆ! มันหนีออกจากที่เกิดเหตุทันทีหลังจากความพยายามสังหารล้มเหลว
ซูอันอยากจะต่อสู้กับอีกฝ่ายที่นี่ ถ้ารั้งมันไว้ได้นานพอ ปัญหาทั้งหมดคงจะได้รับการแก้ไขเมื่อกองทหารป้องกันเมืองหรือกำลังเสริมของตระกูลฉู่มาถึง
ช่างน่าเสียดาย!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไอ้โจรห้าร้อยนี่ยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแม้จะถูกหลายกองกำลังคอยวิ่งไล่จับอยู่ตลอดเวลา