ตอนที่ 388 ชุบชีวิตคน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 388 ชุบชีวิตคน

จากนั้นคุกเข่าอ้อนวอนขอพบนางอยู่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนการจัดฉากเพื่อให้ตนเองกลายเป็นที่รู้จัก

“สตรีผู้นั้นมีแผลเป็นบนใบหน้า นามว่า…จี้หลางหวาใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

พ่อบ้านเหาตะลึง จากนั้นพยักหน้ารัว “ใช่ขอรับ! คุณหนูใหญ่ทราบได้อย่างไรขอรับ”

เป็นนางจริงๆ ด้วย…

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนได้ยินว่านางกล่าวว่าคุณชายหกมีบุญคุณต่อนาง ไป๋ชิงเหยียนก็เดาได้แล้วว่าคือจี้หลางหวา นึกไม่ถึงว่าจะใช่นางจริงๆ

ไป๋ชิงเหยียนลดม่านลง ก้มหน้าใช้ความคิด

รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงแหบพร่าของสตรีผู้นั้นตะโกนด้วยอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ข้า จี้หลางหวาขอเข้าพบเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เจ้าค่ะ แม่ทัพจี๋หยงเหิงไป๋ชิงหมิงมีบุญคุณต่อข้า ข้าใช้เลือดของข้าหลอมยาชุบชีวิตขึ้นมา เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ได้โปรดเปิดโอกาสให้ข้าได้ช่วยชีวิตแม่ทัพจี๋หย่งเหิงเถิดเจ้าค่ะ”

เดิมทีชาวบ้านเชื่อเรื่องผีสางวิญญาณอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าสตรีนางนี้มียาชุบชีวิตคนให้ฟื้นขึ้นมาได้อยู่ในมือ ต่างรู้สึกสนใจ พากันมาดูเรื่องสนุกอยู่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่

ชายฉกรรจ์ใจกล้าบางคนตะโกนบอกจี้หลางหวา

“แม่นาง ในเมื่อเจ้าบอกว่ามียาชุบชีวิตอยู่ในมือก็นำออกมาให้พวกเราได้เห็นสักหน่อยเถิด!”

“นั่นสิ! ไม่มีหลักฐานเช่นนี้ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่มีทางยอมพบเจ้าหรอก”

ชาวบ้านบางคนเห็นรถม้าของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่หยุดลงจึงรีบเอ่ยขึ้น “นั่นรถม้าของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่!”

ชุนเถาแหวกม่านรถม้าออก ประคองไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า

ร่างสะบักสะบอมของจี้หลางหวาในชุดสีขาวเรียบมองไปทางไป๋ชิงเหยียน

จี้หลางหวาเห็นร่างสูงโปร่งของไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า นางจึงคลานเข่าเข้าไปหาอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาของนางคมกริบแน่วแน่ ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนแนบพื้น

“ข้า จี้หลางหวาขอเข้าพบเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เจ้าค่ะ แม่ทัพจี๋หยงเหิงไป๋ชิงหมิงมีบุญคุณต่อข้า ข้าใช้เลือดของข้าหลอมยาชุบชีวิตขึ้นมา เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ได้โปรดเปิดโอกาสให้ข้าได้ช่วยชีวิตแม่ทัพจี๋หย่งเหิงเถิดเจ้าค่ะ”

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะยังเดาจุดประสงค์ของจี้หลางหวาไม่ออก ทว่า นางรู้ดีว่าจี้หลางหวาเป็นคนรู้จักบุญคุณคน นางเก็บแม้กระทั่งเสื้อคลุมของอาหมิงเอาไว้ นางไม่มีทางทำร้ายตระกูลไป๋อย่างแน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังดวงตาแน่วแน่คู่นั้น ไม่เหมือนถูกคนชักจูงหรือเสียสติแต่อย่างใด

จี้หลางหวาโขกศีรษะลงบนพื้นหลายครั้ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างจริงจังอีกครั้ง

“ข้า จี้หลางหวาขอเข้าพบเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เจ้าค่ะ แม่ทัพจี๋หยงเหิงไป๋ชิงหมิงมีบุญคุณต่อข้า ข้าใช้เลือดของข้าหลอมยาชุบชีวิตขึ้นมา เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ได้โปรดเปิดโอกาสให้ข้าได้ช่วยชีวิตแม่ทัพจี๋หย่งเหิงเถิดเจ้าค่ะ”

อาจเป็นเพราะได้เห็นหน้าไป๋ชิงเหยียน จี้หลางหวาจึงรู้สึกโล่งใจ หญิงสาวเป็นลมหมดสติอยู่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ทันที

ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น เอ่ยสั่ง “ชิงจู๋ ให้คนอุ้มแม่นางจี้เข้าไปในจวน เชิญหมอมาดูอาการด้วย”

“เจ้าค่ะ!” เสิ่นชิงจู๋รับคำ

ชาวบ้านเห็นเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สั่งให้คนอุ้มจี้หลางหวาเข้าไปในจวน ต่างถกเถียงกันว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะเชื่อเรื่องที่จี้หลางหวามียาชุบชีวิตหรือไม่

“ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ยาวิเศษนั่นจะชุบชีวิตคนให้ฟื้นคืนมาได้จริงๆ หรือ”

“ข้าก็สงสัยเหมือนกัน หากยานั่นวิเศษจริง เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะใช้ยานั่นชุบชีวิตคุณชายหกหรือเจิ้นกั๋วอ๋องกันนะ”

“ต้องช่วยคุณชายหกสิ! หากคุณชายหกฟื้นคืน ตระกูลไป๋จะได้มีผู้สืบทอดตระกูลต่ออย่างไรเล่า”

“ข้าว่าช่วยคุณชายสิบเจ็ดที่อายุเพียงแค่สิบขวบคนนั้นดีกว่า! ตอนข้าเห็นร่างของเขาที่ประตูเมืองทิศใต้…ข้ารู้สึกรับไม่ได้จริงๆ”

เที่ยงวันผ่านพ้นไป หลูหนิงฮว่าเพิ่งตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้เสร็จและออกไปจากวังหลวง ข่าวเรื่องที่สตรีนางหนึ่งซึ่งมียาชุบชีวิตกำลังคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ให้โอกาสนางช่วยชีวิตไป๋ชิงหมิงอยู่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แพร่ไปถึงหูของฮ่องเต้

“ยาวิเศษชุบชีวิตคนอย่างนั้นหรือ” มือที่กำลังถือถ้วยชาของฮ่องเต้ชะงักไปเล็กน้อย หรี่ตาแคบ

“พ่ะย่ะค่ะ! ได้ยินว่าสตรีนางนั้นกำลังคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ให้โอกาสนางช่วยชีวิตไป๋ชิงหมิงอยู่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พ่ะย่ะค่ะ” เกาเตอเม่าเปลี่ยนถ้วยน้ำชาในมือของฮ่องเต้ใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ฝ่าบาท ก่อนจากไปคุณหนูหลูกำชับให้ฝ่าบาททรงดื่มน้ำเก็กฮวยเยอะๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักหน้า เม้มปากอย่างใช้ความคิด เขาขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยชอบรสชาติของน้ำเก็กฮวย ทว่า เมื่อนึกได้ว่าเป็นคำแนะนำของแม่นางหลู เขาจึงจิบอีกครั้ง จากนั้นเอ่ยถามต่อ

“ไป๋ชิงเหยียนจัดการกับสตรีที่จะขุดหลุมศพของคุณชายหกอย่างไร”

“ฝ่าบาททรงลืมไปแล้วหรือพะย่ะค่ะ ว่าจวิ้นจู่เดินทางกลับไปยังซั่วหยาง ยังไม่กลับมา บ่าวคิดว่าคงอีกสองสองวันกว่าจะกลับมาถึงเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่านึกถึงเรื่องที่รัชทายาทส่งคนไปคุ้มกันไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาได้ กล่าวยิ้มๆ

“องค์รัชทายาทส่งใส่พระทัยเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทรงส่งคนไปคุ้มกันและหนุนหลังเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ถึงซั่วหยาง มิเช่นนั้น พวกบรรพบุรุษตระกูลไป๋ที่กล้าแม้แต่ทำให้องค์หญิงใหญ่กระอักเลือดคงทำให้จวิ้นจู่เครียดหนักแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าดูถูกไป๋ชิงเหยียนเกินไปแล้ว!” ฮ่องเต้วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง แสยะยิ้มเย็น

“ไป๋ชิงเหยียนกล้าบีบบังคับแม้กระทั่งเรา นางจะเห็นคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋อยู่ในสายตาได้อย่างไรกัน”

“ไม่แน่เหมือนกันนะพ่ะย่ะค่ะ ทุกคนในใต้หล้าล้วนอยู่ในการควบคุมของผู้ใดสักคนหนึ่ง ต่อให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เหิมเกริมสักเพียงใด ย่อมมีคนควบคุมนางได้อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่ากล่าวยิ้มๆ

“หากฝ่าบาททรงต้องการทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซั่วหยางอย่างละเอียด พอเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่กลับมา ฝ่าบาทซักถามองค์รัชทายาทและคนข้างกายขององค์รัชทายาทดูดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ไม่กล่าวสิ่งใดอีก ในสมองเต็มไปด้วยเรื่องยาชุบชีวิตที่เพิ่งได้ยินมา บัดนี้เขาเป็นจักรพรรดิแล้ว ตระกูลไป๋ที่มีอำนาจสั่นคลอนราชวงศ์ถูกทำลายแล้ว ความปรารถนาในตอนนี้ของเขาก็คือการมีอายุยืนยาวไม่แก่เฒ่าซึ่งเป็นสิ่งที่จักรพรรดิทุกรุ่นล้วนปรารถนา

หากยาชุบชีวิตนั่นมีอยู่จริง ในใต้หล้านี้จะมียาเช่นนี้อยู่จริงหรือไม่นะ

เกาเต๋อเม่ารายงานให้ฟังโดยไม่ได้คิดสิ่งใด ทว่า ฮ่องเต้กลับเริ่มฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที

ตอนที่หลูหนิงฮว่าลงมาจากรถม้า ชาวบ้านซึ่งมามุงดูเหตุการณ์หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ยังไม่ได้แยกย้ายกลับไปหมด

หญิงสาวได้ยินชาวบ้านสนทนากันว่าโจรสาวที่หวังจะขุดหลุมศพของคุณชายหกขึ้นมาเมื่อคืนเป็นลมหมดสติอยู่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สั่งให้คนแบกนางเข้าไปในจวน เตรียมจะไปเชิญหมอมารักษาอาการ

หลูหนิงฮว่าก้มหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก คุณหนูใหญ่คงให้ความสำคัญกับสตรีที่อ้างว่ามียาชุบชีวิตผู้นั้นมาก

หลูหนิงฮว่าเดินเข้าไปด้านในพลางเอ่ยถามหญิงชราเฝ้าประตู

“จวิ้นจู่พาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใด ข้าพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง สามารถช่วยตรวจดูอาการได้…”

ทุกคนในตระกูลไป๋ล้วนปฏิบัติต่อหลูหนิงฮว่าอย่างนอบน้อม หญิงชราเฝ้าประตูตามหญิงชราซึ่งไม่ได้อยู่ในเวรปฏิบัติหน้าที่มาช่วยเฝ้าประตู จากนั้นพาหลูหนิงฮว่าไปยังเรือนที่จี้หลางหวาพักผ่อนอยู่อย่างนอบน้อม

เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนให้สตรีซึ่งอ้างว่ามียาวิเศษชุบชีวิตพักอยู่ที่เรือนรับรอง หลูหนิงฮว่าเข้าใจขึ้นมาทันที หญิงสาวเริ่มระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

หญิงชราเดินนำทางอยู่ด้านหน้า พอเข้าไปในเรือน ชุนเถามองเห็นทันที นางรายงานไป๋ชิงเหยียนจากนั้นรีบออกมาต้อนรับ “คุณหนูหลู”

หลูหนิงฮว่าคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ส่งคนไปตามหมอมาแล้ว ข้ากลัวว่าคุณหนูใหญ่จะร้อนใจ แม้วิชาของข้าจะไม่ได้เก่งกาจมากนักแต่ก็พอตรวจดูอาการได้”