ตอนที่ 389 ยาลับ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 389 ยาลับ

สิ้นเสียงของหลูหนิงฮว่า ไป๋จิ่นจื้อเดินออกมาจากห้อง หลูหนิงฮว่ารีบทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อ “คุณหนูสี่!”

“ท่านอา!” ไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพกลับ “ลำบากท่านอาแล้วเจ้าค่ะ!”

ไป๋จิ่นจื้อเอนกายเปิดทางให้ ชุนเถาแหวกม่านเชิญให้หลูหนิงฮว่าเข้าไปในห้อง

ไป๋จิ่นจื้อนวดลำคอของตัวเองอย่างอ่อนเพลีย ตอนที่เห็นแม่นางจี้หลางหวาซึ่งนางเคยเจอที่หนานเจียง ไป๋จิ่นจื้อตกใจมากจริงๆ

เดิมทีไป๋จิ่นจื้อตั้งใจจะอยู่เฝ้าที่นี่จนกว่าจี้หลางหวาจะฟื้นเพื่อสอบถามให้แน่ชัด ทว่า พี่หญิงใหญ่บอกว่าไม่รู้ว่าจี้หลางหวาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด ให้นางกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ทานของว่างและพักผ่อนก่อน

ไป๋จิ่นจื้อขี่ม้ามาทั้งวัน นางรู้สึกเหนื่อยจริงๆ จึงจะกลับไปพักผ่อนตามคำสั่งของพี่หญิงใหญ่อย่างว่าง่าย

ไป๋ชิงเหยียนยืนมองเสิ่นชิงจู๋ใช้ผ้าขนหนูอุ่นๆ เช็ดทำความสะอาดใบหน้าของจี้หลางหวาอยู่ข้างเตียง ในใจรู้สึกสงสัยมากว่าเหตุใดจี้หลางหวาต้องทำให้คนทุกคนในเมืองหลวงรับรู้ว่านางมียาชุบชีวิตอยู่ในมือด้วย นางต้องการทำสิ่งใดกันแน่

“คุณหนูใหญ่!” หลูหนิงฮว่าทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ให้หนิงฮว่าตรวจอาการแม่นางผู้นี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปทำความเคารพหลูหนิงฮว่า “รบกวนท่านอาด้วย”

หลูหนิงฮว่าล้างมืออยู่ด้านข้าง ใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือจนสะอาด จากนั้นนั่งบนเก้าอี้กลมข้างเตียงเพื่อตรวจชีพจรของจี้หลางหวา สายตาของนางหยุดอยู่ที่ใบหน้าของจี้หลางหวา ขมวดคิ้วแน่นอย่างพิจารณา

บ่าวรับใช้ที่เดินตามหลูหนิงฮว่ามาวางกล่องยาของหญิงสาวไว้ด้านข้าง หยิบห่อเข็มของหญิงสาวออกมาจากกล่องยา

หลูหนิงฮว่าได้สติ หยิบเข็มออกมาออกมาหนึ่งเล่ม จากนั้นทิ่มลงบริเวณขากรรไกรของจี้หลางหวา หมุนวนเล็กน้อย

ไม่นาน จี้หลางหวาค่อยๆ ได้สติขึ้น

หลูหนิงฮว่าถอนเข็มออก วางมือของจี้หลางหวาไว้ในผ้าห่มตามเดิม จากนั้นก้มหน้าขยับปลายผ้าห่มที่เลิกขึ้นมาให้เรียบร้อยตามเดิม

จี้หลางหวามองหน้าหลูหนิงฮว่านิ่ง ดวงตาไหววูบเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับมือของหลูหนิงฮว่าทันที ทว่า ไม่นานก็ได้สติ รีบคลายมือออก

“แม่นางคนนี้คงได้รับบาดเจ็บบริเวณผิวหนังสองสามแห่งหรือไม่ก็คงหมดสติไปเพราะความอ่อนล้าเจ้าค่ะ พักผ่อน ดื่มยาสักวันสองวันก็คงหายดีเจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่าอธิบายกับไป๋ชิงเหยียนอย่างละเอียด

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปยังของหลูหนิงฮว่าและหยุดอยู่ที่จี้หลางหวา เอ่ยขึ้น “เช่นนั้นรบกวนท่านอาจ่ายยาให้นางด้วยเจ้าค่ะ”

หลูหนิงฮว่าทำความเคารพ จากนั้นเดินอ้อมไปเขียนสูตรยาด้านนอกฉากกั้น ไป๋ชิงเหยียนละสายตากลับไปมองจี้หลางหวา “เจ้าแสร้งทำเป็นจะขุดหลุมศพของอาหมิง ป่าวประกาศเรื่องที่เจ้ามียาชุบชีวิตอยู่ในมือโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน”

จี้หลางหวาฝืนกายลุกขึ้นนั่ง มองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าเย็นชาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เสี่ยวไป๋ไซว่ที่อยู่ตรงหน้าของนางตอนนี้สวมเครื่องแต่งกายของสตรี ช่างดูแตกต่างจากเสี่ยวไป๋ไซว่ที่นางเคยพบที่หนานเจียงราวกับคนละคน ใบหน้าของหญิงสาวงดงามน่าตราตรึงกว่าตอนนั้นมากนัก

“เสี่ยวไป๋ไซว่ ข้าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายตระกูลไป๋แม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางนั่งลงบนเก้าอี้ที่ชุนเถายกมาให้ น้ำเสียงสงบราบเรียบ “ข้าจำได้ว่าเคยบอกกับเจ้าว่าจงมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี อย่าทำให้กองทัพไป๋ที่เสียชีวิตไปต้องผิดหวัง”

จี้หลางหวารู้ดีว่าเสี่ยวไป๋ไซว่เป็นคนฉลาดและไหวพริบดี เมื่อหญิงสาวกล่าวจบ จี้หลางหวารู้ดีว่าเสี่ยวไป๋ไซว่อาจเดาได้แล้วว่านางต้องการทำสิ่งใดบางอย่าง

จี้หลางหวากัดฟันแน่น สะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออก คุกเข่าคำนับตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน “ไม่กล้าปิดบังเสี่ยวไป๋ไซว่ หลางหวาคือหลานสาวแท้ๆ ของจี้ปิ่งฝู หมอหลวงแห่งสำนักหมอหลวงที่ถูกลากเข้าไปพัวพันกับคดีของขุนนางผู้ตรวจการสูงสุดเจี่ยงฉงเหวินในตอนนั้นเจ้าค่ะ”

แววตาของไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนไปทันที หญิงสาวเคาะนิ้วลงบนที่วางแขนของเก้าอี้อย่างใช้ความคิด

“ตอนนั้นท่านปู่ของข้าขอยืมตำราโบราณไปจากผู้ตรวจการสูงสุดเจี่ยง ท่านปู่รีบร้อนไปตรวจดูอาการของถงกุ้ยเฟยจึงใส่ตำราโบราณเล่มนั้นลงไปในกล่องยาจากนั้นนำเข้าไปในวังหลวงด้วย ถงกุ้ยเฟยเห็นตำราเล่มนั้นจึงแอบเอาจดหมายก่อกบฏของผู้ตรวจการสูงสุดใส่ลงไปในตำราเล่มนั้นต่อหน้าต่อตาท่านปู่ จากนั้นสั่งให้คนไปทูลเชิญฮ่องเต้ สั่งให้ท่านปู่กล่าวยืนยันต่อหน้าพระพักตร์ เมื่อเปิดตำราออก…จดหมายนั้นถูกซ่อนอยู่ในตำรา ถงกุ้ยเฟยกล่าวว่านี่คือพระประสงค์ของฮ่องเต้ ท่านปู่ไม่เชื่อ ทว่า ต่อมาฮ่องเต้ทรงตรัสว่าหากผู้ตรวจการเจี่ยงฉงเหวินไม่ได้เผลอสอดจดหมายฉบับนี้ลงไปในตำรา เช่นนั้นก็แสดงว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของท่านปู่ อย่างไรก็ต้องมีคนตาย ความหมายแฝงชัดเจนยิ่งนัก”

จี้หลางหวาก้มหน้าอย่างรู้สึกละอายใจ “ท่านปู่ไม่กล้าทรยศฮ่องเต้จึงกล่าวว่าพบจดหมายฉบับนั้นตอนที่ถงกุ้ยเฟยเปิดตำราโบราณเล่มนั้นออก เหตุผลนี้ทำให้เจี่ยงฉงเหวินถูกประหารทั้งตระกูล”

ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง ดังนั้นสาเหตุที่คดีของผู้ตรวจการสูงสุดเจี่ยงฉงเหวินจบลงอย่างรวดเร็ว คนของศาลต้าหลี่หาหลักฐานทั้งหมดได้ภายในสามวันเป็นเพราะฮ่องเต้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ

ตอนนั้นถงกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานมาก ทว่า ฮ่องเต้ไม่ใช่คนที่หลงใหลในสตรีจนไม่แยกแยะถึงเพียงนั้น…เขาไม่มีทางกำจัดขุนนางผู้ซื่อสัตย์อย่างเจี่ยงฉงเหวินเพียงเพราะต้องการช่วยตระกูลฝั่งมารดาของถงกุ้ยเฟยปกปิดความผิดแน่นอน

นอกจากความแค้นที่สะสมมานานแล้ว เรื่องเลวร้ายที่ตระกูลของถงกุ้ยเฟยทำลงไปในตอนนั้นคงได้รับการอนุญาตจากฮ่องเต้แล้ว กระทั่งตอนที่ฮ่องเต้ยังไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็คงมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านั้นด้วยเช่นกัน

ฮ่องเต้ต้องการมีชื่อเสียงเป็นวิญญูชน ย่อมไม่มีทางปล่อยให้เจี่ยงฉงเหวินประจานเรื่องในอดีตของเขาออกมาอย่างแน่นอน ดังนั้น…จึงเกิดคดีของเจี่ยงฉงเหวินขึ้น

“ท่านปู่ของข้ากลัวเดือดร้อนถึงคนในตระกูลจึงส่งท่านพ่อและท่านลุงของข้าไปยังเขตชายแดน ยกท่านอาหญิงของข้าให้แต่งงานกับชาวบ้านธรรมดาเพื่อต้องการปกป้องทุกคนในตระกูล ทว่า ไม่นานท่านปู่ของข้าก็ตรอมใจตายเนื่องจากรู้สึกผิดเจ้าค่ะ”

“แม้ท่านปู่ของเจ้าไม่มีความผิด ทว่า ตระกูลของผู้ตรวจการสูงสุดเจี่ยงเสียชีวิตเพราะเขา ท่านปู่ของเจ้าไม่ได้ถูกปรักปรำเสียทีเดียว…” แววตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งขรึม “เจ้าต้องการแก้แค้นให้ท่านปู่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ”

จี้หลางหวาส่ายหน้า “หากอยากแก้แค้น ข้าคงวางแผนตั้งนานแล้ว ข้าต้องการสังหารทรราชผู้นั้นจากใจจริง เขาเห็นแก่ตัว ทำเรื่องชั่วช้าอย่างโหดเหี้ยม ทว่า อยากมีชื่อเสียงที่ดีจึงประหารตระกูลของผู้ตรวจการเจี่ยงทั้งตระกูล! แคว้นต้าจิ้นอยู่ได้ด้วยการปกป้องของจวนเจิ้นกั๋วกง ทว่า เขาหวาดระแวงอำนาจของเจิ้นกั๋วอ๋อง ปล่อยให้โอรสของตัวเองทำลายบุรุษดีๆ ของตระกูลไป๋จนเสียชีวิตทั้งตระกูล ชีวิตด้อยค่าของจี้หลางหวา หากสามารถสังหารทรราชที่เลวยิ่งกว่าสุนัขตัวนั้นได้ ข้าก็ไม่เสียชาติเกิดแล้วเจ้าค่ะ”

หากฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อ ทว่า องค์รัชทายาทก็ไม่ได้แตกต่างไปจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันสักเท่าใดนัก

ที่สำคัญมีหลูหนิงฮว่าอยู่ อาการปวดศีรษะของฮ่องเต้บรรเทาลง เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดเชียว

จี้หลางหวาไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวสิ่งใดกับจี้หลางหวาให้มากความ กล่าวเพียง “เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ อีกสองสามวันค่อยว่ากันใหม่ ชิงจู๋ สั่งให้คนเฝ้านางไว้ให้ดี!”

“เสี่ยวไป๋ไซว่!” จี้หลางหวาเอ่ยเรียก ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย

ที่นางอาละวาดหน้าจวนที่ว่าการ จากนั้นมาอาละวาดต่อที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก็เพราะอยากทำให้ทุกคนในเมืองหลวงรับรู้เรื่องที่นางมียาวิเศษชุบชีวิตคนเท่านั้นเอง บัดนี้สำเร็จตามเป้าแล้ว นางควรจากไปจากที่นี่

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้องได้ไม่นาน หลูหนิงฮว่าก็เดินตามหลังมา เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนรออยู่หน้าประตูเรือน หลูหนิงฮว่าค่อนข้างประหลาดใจ “คุณหนูใหญ่…”

“ได้ยินว่าวันนี้ท่านอาเข้าวังไปตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้หรือเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนส่งสัญญาณให้หลูหนิงฮว่าเดินไปพร้อมกับนาง

หลูหนิงฮว่าเดินอยู่ข้างกายของหญิงสาว พยักหน้าเบาๆ “เจ้าค่ะ หนิงฮว่ามั่นใจว่าฮ่องเต้ทรงใช้ยาลับสำหรับปลุกอารมณ์ของซีเหลียงจริงๆ เจ้าค่ะ”