บทที่ 430 ยากมากที่จะใจใหญ่สักครั้ง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 430 ยากมากที่จะใจใหญ่สักครั้ง

เมื่อมาถึงโต๊ะตัวนั้น หลานเยาเยาก็วางจานลงเบาเบาแล้วเริ่มกินขาหมู โดยไม่ได้มองผู้หญิงที่ปิดบังหน้าตัวเองอย่างมิดชิดที่อยู่ตรงหน้าสักแวบ

แววตาของหญิงผู้นั้นมีความประหลาดใจฉายผ่าน จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พบว่าในนั้นยังมีโต๊ะอีกสองสามตัว ไม่มีคนแม้สักคน

อีกทั้ง เมื่อครู่นางมีสังเกตคนผู้นี้แล้ว เดิมทีนางนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าของแผงขายของพูดอะไรกับนาง นางจึงได้มานั้นที่นี่อย่างฉับพลัน

คนด้านหน้าผู้นี้ นางรู้สึกคุ้นเคย หลังจากมองอย่างละเอียดแวบหนึ่ง ดวงตาก็เบิกกว้างทันใด นางขยี้ตา และหลังจากที่มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แววตาก็เหลือเพียงความหวาดผวาแล้ว

นางอุดปากไว้ พยายามลดความมีตัวตนของตัวเองลงอย่างสุดกำลัง

โอ้สวรรค์!

เป็นเทพธิดานี่…….

สองสามวันก่อน ก็เป็นเทพธิดาลอบสังหารเสด็จอา ตอนนี้เสด็จอายังล้มหมอนนอนเสื่อ แม้การดำเนินชีวิตก็ไม่สามารถจัดการเองได้

นางต้องอยู่ห่างเทพธิดาให้ไกลหน่อย

อย่างไรก็ตาม!

ตอนนี้กับเทพธิดาและเสด็จอานั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ถ้าไม่ระมัดระวัง นางก็จะตายโดยไม่มีความผิดใด

ไม่ผิด!

ใส่หมวกงอบ ห่อหุ้มตัวเองไว้อย่างมิดชิดไว้ก็คือ พระราชธิดาจาวหยางโหลวเย่ว

เวลานี้ ในใจของนางหวาดผวา หากว่าให้เทพธิดารู้ว่านางคือพระราชธิดาจาวหยางล่ะก็ จะต้องโดนนางแทงเข้าไปสองสามมีดที่นี่โดยตรงแน่ๆ

ดังนั้นนางจึงรีบเอามือวางไว้ตรงหน้าผาก จากนั้นก็ปิดตา เดิมทีอยากรีบจากไปโดยเร็ว แต่มองดูขาหมูที่เพิ่งยกมาเมื่อครู่ ควันร้อนระอุขึ้นวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูกของนาง

อดไม่ไหวจริงๆ นางโหลวเย่วก็กินไปอีกหลายคำ

กินไปพลางก็ยังระมัดระวังความเคลื่อนไหวของคนฝั่งตรงข้ามไปพลาง

ที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ เดิมทีนางคิดว่าตัวเองกินเร็วพอแล้ว คิดไม่ถึง เทพธิดาที่นั่งอยู่ตรงข้ามนางกินได้รวดเร็วกว่านาง

เวลานี้!

หลานเยาเยาก็ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน โหลวเย่วตกใจจนตัวสั่น ยังคิดว่าจะโดนจำได้แล้ว

กลับคิดไม่ถึง……

เทพธิดาหยิบตั๋วเงินใบหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะโดยตรง : “เจ้าของแผง เอาขาหมูใส่ห่อให้ข้าอีกสิบสามอัน”

“ได้ขอรับ!”

เจ้าของแผงขายของวิ่งเข้ามาอย่างดีอกดีใจ มองเห็นตั๋วเงินใบนั้น รีบกล่าวขึ้นอย่างเก้ๆกังทันที : “แม่นาง ท่านมีเศษเหรียญเงินหรือไม่? มูลค่าของตั๋วเงินใบนี้ใหญ่เกินไป ที่ข้านี้หาทอนไม่ได้”

“หาทอนไม่ได้?” หลานเยาเยามองที่โหลวเย่วแวบหนึ่งอย่างนิ่งเฉย จากนั้นก็พูดอย่างเรียบๆ “ของนางจ่ายพร้อมกับข้าเลย”

โหลวเย่วเหลือบมองไปที่นางอย่างประหลาดใจทันที โบกมืออย่างรีบร้อน คิดต้องการปริปากพูด กลับพบว่าคนอื่นเทพธิดานั้นไม่ได้มองดูนางแม้สักน้อย

“นี่ นี่……”

เจ้าของซุ้มอาหารไม่เข้าใจเหตุผล แต่เขามีมาตรฐานในการทำการค้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขามองดูเหรียญเงินแล้วกล่าว : “แม้ว่าจะจ่ายเหรียญเงินให้แม่นางผู้นี้ ก็หาทอนไม่ได้เช่นกันขอรับ!”

“ไม่เป็นไร ที่เกินไปก็มอบให้เจ้าแล้ว” หายากมากที่หลายเยาเยาจะใจกว้างสักที ถ้าเจ้าของแผงขายของลังเลสักน้อย นางก็รีบเก็บเหรียญเงินกลับมาทันที

ใครจะรู้……

เจ้าของแผงขายของกล่าวขอบคุณด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม หยิบตั๋วเงินขึ้นมาด้วยความรวดเร็วเป็นที่สุด ท่าทางได้เปรียบเป็นอย่างมาก

“……”

“ขอบคุณแม่นางมากๆ ขอบคุณท่านเป็นอย่างมากจริงๆ แม่นางมาคราวหน้า ข้าจะต้องให้ขาหมูท่านมากขึ้นสองสามที่เป็นแน่”

“……เอาเถอะ!” ค่อนข้างเจ็บปวดใจ

แววตาที่มองไปทางเจ้าของแผงของของก็รู้สึกเยือกเย็นเล็กน้อย

ขาหมูสิบกว่าห่อในใม่ช้าก็ใส่ห่อเสร็จแล้ว หลานเยาเยาลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบขาหมูก็จากไป

ขณะเดียวกันโหลวเย่วก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองทิศทางที่เทพธิดาจากไป

มองดูเงาหลังของนาง นางก็แอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

ยังคิดว่าเสด็จอากับนางจะชอบพอกันน่ะ! คิดไม่ถึงกลับทำให้เป็นทีท่าอย่างตอนนี้ได้ คิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ นางยังช่วยนางจ่ายเหรียญเงินอีกด้วย

คาดว่าคงไม่รู้ว่านางเป็นใครน่ะสิ!

มิฉะนั้นจะต้องเอามีดมาแทงนางแล้วเป็นแน่

เพียงแต่ทำไม ถึงคุ้นเคยเงาหลังของนางเพียงนี้?

ตำหนักเทพธิดา

หลังจากที่หลานเยาเยากลับมา ก็เอาขาหมูที่ใส่ห่อมาให้คนส่งไปให้ตาแก่ทั้งหลายนั้น

ยังเหลืออยู่ในมืออีกสามชุดนี้ นางก็เอากลับไปที่ห้องบรรทม

ที่ประตูห้องบรรทม

เวลานี้เย็นหงกำลังนั่งอยู่ที่ประตูห้อง ถือเข็มด้ายไม่รู้ว่ากำลังปักอะไรอยู่ โดยเฉพาะย่างยิ่ง ใบหน้าของนางก็แขวนไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ราวกับว่าอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

อาจจะเป็นเพราะปักเคลิบเคลิ้มไปแล้ว ถึงขั้นหลานเยาเยาเดินมาถึงข้างกายนางก็ยังไม่รู้

หลานเยาเยามองดูงานปักในมือของนางอย่างสงสัย

คิดไม่ถึงว่าเป็นคนสองคน ชายผู้หนึ่งและหญิงผู้หนึ่ง ผู้หญิงล้มลงที่พื้นราวกับว่าได้รับความตกใจ และผู้ชาย ราวกับว่ากำลังทะลุหน้าต่างเข้าไป……

มองดูรอยยิ้มบางๆที่แขวนอยู่บนใบหน้าของเย็นหง นางกล่าวอย่างสงสัยว่า :

หรือว่าเพราะมีความโหยหาความรักแล้ว?

คิดถึงใครล่ะ?

แม้ว่านางจะไม่สนใจการเย็บปักถักร้อย แต่กลับสามารถดูออก ผู้หญิงในงานปักของเย็นหงเป็นตัวนางเอง และในมือของผู้ชายผู้นั้นถือดาบไว้ สีบนเสื้อผ้ายังไม่ได้ปักออกมา ดูท่าทางจะน่าเป็นองครักษ์ในตำหนัก

เพียงแต่ องครักษมากมายขนาดนั้น จะเป็นผู้ใด?

“เย็นหง!”

หลานเยาเยาเรียกนางเบาๆเสียงหนึ่ง

เย็นหงรีบกระโดดขึ้นทันที จากนั้นก็เอางานปักในมือซ่อนไว้ด้านหลัง สีหน้าแดงก่ำขึ้น

“เทพ เทพธิดา ท่านกลับมาแล้ว!”

“เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าปักของอยู่ ที่ปักคืออะไร? เป็นสิ่งของที่เป็นคู่กันหรือ?” หลานเยาเยาตั้งใจหยอกล้อนางรอบหนึ่ง

“ไม่ใช่เจ้าคะ ไม่ใช่ เทพธิดา ข้าเพียงแค่ปักภูเขาแม่น้ำเจ้าค่ะ”

“ภูเขาแม่น้ำหรือ?”

หลานเยาเยาตั้งใจเลิกคิ้ว มุมปากอมยิ้ม บนใบหน้ามีความสงสัยอย่างหนัก ทำให้เย็นหงหน้าแดงก่ำยิ่งขึ้น นางยังไม่ได้ตอบ หลานเยาเยาก็กล่าวต่ออีก :

“ห้ามโกหกข้า ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาร้ายแรงมาก”

พูดพลาง นางก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

เมื่อเห็นหงหน้าซีด “เทพธิดา ข้า……”

“ข้าเห็นหมดแล้ว ที่เจ้าปักเป็นคนสองคน บอกข้า ชายหนุ่มผู้ใดกันที่เจ้าชอบพอ? ข้าจะช่วยเจ้าไปชักจูงมา หากว่าบุคลิกใช้ได้ และคนอื่นเขาก็ชอบเจ้า ข้าก็จะรับหมั้นเจ้าให้เขา”

เมื่อนางกล่าวคำเมื่อครู่จบ นอกจากเห็นเย็นหงหน้าแดงแล้ว แม้แต่ใบหูกับลำคอก็แดงขึ้นมาด้วย

“เทพธิดา ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่ ข้า ข้า……”

เย็นหงพูดข้ามาครึ่งวันแล้วก็ข้าไม่ออกเหตุผลมาสักที

หลานเยาเยาเอียงศีรษะเล็กน้อยมองดูท่าทางเขิลอายของนาง เปิดปากพูดอีกครั้ง : “เจ้าก็โตไม่ได้เป็นเด็กแล้ว ควรหาคนดีดีแต่งงานได้แล้ว”

เย็นหงรีบคุกเข่าลงทันที ส่ายหัวแล้วกล่าว :

“ข้าน้อยจะติดตามเทพธิดาจนตาย ยินยอมติดตามอยู่ซ้ายขวาทั้งชีวิต ไม่คิดแต่งงาน เป็นทาสหนึ่งวันเพื่อเป็นทาสตลอดชีวิตเจ้าค่ะ”

นางได้แอบสาบานมานานแล้ว หากมีคนช่วยนางออกมาจากตลาดดำ นางจะติดตามตลอดชีวิต จะเป็นตายก็ไม่ทอดทิ้ง

วันนี้เป็นเทพธิดา ช่วยนางออกมาจากความระกำลำบาก ยังปฏิบัติเหมือนนางเป็นคนกันเองอีก เจ้านายเช่นนี้ นางจำเป็นต้องติดตามตลอดชีวิต

เห็นคำพูดที่จริงใจนาง หลานเยาเยาก็ไม่หยอกล้อนางแล้ว

“ลุกขึ้นเถอะ!”

จากนั้นก็ส่งขาหมูชุดหนึ่งไปบนมือนาง “รีบกินเถอะ! นานๆทีข้าจะใจกว้างสักครั้ง”

“ขอบคุณเทพธิดาเจ้าค่ะ!” เย็นหงลุกขึ้น

หลานเยาเยามองดูขาหมูที่เหลืออยู่ในมืออีกสองห่อ เคลื่อนสายตาไปยังที่มืด จกานั้นก็เอาขาหมูสองห่อ โยนเข้าไป

เย็นหงตกตะลึง รีบกล่าวว่า :

“เทพธิดา ทำไมท่านถึงได้โยนขาหมูไปแล้วเจ้าคะ?”

“โยน? แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยทำลายข้าวของ นั่นคือให้ซีและเฟิง