บทที่434 คุณทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่อยากเห็นเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แต่ว่าในขณะเดียวกัน เธอเองก็รู้ได้อีกครั้ง ว่าการที่เธอพยายามจะให้เคธี่กับลี่จุนถิงได้คบหานั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
สิ่งสำคัญก็คือเคธี่นั้นรู้สึก แต่ลี่จุนถิงกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าเกิดว่าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยกันทั้งสองฝ่ายมันก็ยากขึ้นมากเลยล่ะ
สุดท้ายโม่เสี่ยวฮุ่ยเลยคิดว่าเรื่องนี้ต้องลงมือกับเจียงหยุนเอ๋อ
โม่เสี่ยวฮุ่ยคิดไม่ตกอยู่นานหลายวัน เพราะจะให้เรื่องนี้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเกิดมีความผิดพลาดขึ้นมานั้น ไม่แน่ว่าตำแหน่งที่ตัวเองอยู่นั้นอาจจะไปอยู่ในมือของจ้าวเฟยเฟยก็ได้
หลังจากที่ตัวเองทะเลาะกับลี่เจี้ยนหวา ลี่เจี้ยนหวาก็กลับมาน้อยลงๆ ถึงจะกลับมา ลี่เจี้ยนหวาก็นอนอยู่ในห้องรับรองแขก เรียกได้ว่ามันเป็นเหมือนสงครามเย็นของทั้งสองฝ่าย เหมือนอยู่ในจุดที่น้ำไม่เข้ากับไฟเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทีของท่านปู่ลี่ ถึงจะพูดอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เกิดผลอะไร เพราะทั้งสองฝ่ายนั้นมองหน้ากันไม่ติดแล้ว การเจรจาเพียงฝ่ายเดียวคงจะไม่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตัวเองพอใจสักเท่าไหร่
แต่ก่อนหน้านั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยังเรียกลี่จุนซินให้มาหา
“แม่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
โม่เสี่ยวฮุ่ยลากลี่จุนซินมาทางอีกฝั่ง จากนั้นก็ถามเบาๆ : “ลี่จุนซิน คุณว่าความรู้สึกที่เคธี่มีให้จุนถิงนั้นมันดูจริงมากเลยใช่ไหม?”
ลี่จุนซินขมวดคิ้วเป็นปม: “แม่ ทำไมจู่ๆ คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”
โม่เสี่ยวฮุ่ยตบไหล่ของลี่จุนซินเบาๆ : “คุณบอกมาก่อนว่าใช่ไหม”
ลี่จุนซินพยักหน้า: “เธอเหมือนจะชอบจุนถิงอยู่นะ”
“ฉันอยากจะให้เธอกับจุนถิงดูใจ” โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดขึ้นด้วยความยิ้มแย้มไม่น้อยเลย
ถึงลี่จุนซินถึงจะมองความต้องการของแม่ตัวเองออก แต่เมื่อได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเธอก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย: “แม่ คุณบ้าไปแล้วเหรอ คนที่จุนถิงชอบคือเจียงหยุนเอ๋อ อีกอย่างตอนนี้พวกเขามีลูกสองคนแล้วด้วย”
โม่เสี่ยวฮุ่ยจ้องลี่จุนซินเขม็ง: “แล้วทำไมล่ะ?ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ชอบเจียงหยุนเอ๋ออยู่ดี ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ก่อเรื่องไปวันๆ ฉันคิดแล้ว ว่าฉันอยากจะไปบอกเจียงหยุนเอ๋อสักหน่อย ว่าให้เธอออกห่างจากจุนถิงสักหน่อย”
“แม่ คุณทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ” ลี่จุนซินไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
คนหนึ่งก็เป็นเพื่อนสนิท อีกคนก็เป็นสะใภ้ ตัวเองชอบทั้งสองคนอยู่มาก เลยไม่รู้จะช่วยใคร
แต่ว่าตอนนี้กลับมีปัญหาเรื่องคุณธรรมเสียแล้ว
“ฉันทำเพื่อจุนถิงนะ แล้วคุณล่ะ ถ้าว่างๆ ก็ไปช่วยเคธี่สักหน่อย รู้ไหม ว่าเวลาไปคุยงานกับจุนถิงก็ให้พาเธอไปด้วย” โม่เสี่ยวฮุ่ยอยากจะทำให้ลงเอยกันทั้งสองฝ่าย เรื่องนี้จะได้สำเร็จเร็วขึ้น
“ฉันไม่ทำ” ลี่จุนซินปฏิเสธเสียงแข็ง
โม่เสี่ยวฮุ่ยรีบออกคำสั่ง: “ฉันเป็นแม่คุณนะ คุณต้องเชื่อฟังฉันนะ อีกอย่าง ฉันไม่ได้ให้คุณออกหน้าตรงๆ สักหน่อย แค่อยากให้คุณพาเคธี่ไปด้วย ส่วนจะสำเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว”
ลี่จุนซินถอนหายใจ พลางทำเป็นพยักหน้าตอบรับ
ถ้าเกิดลูกสาวช่วย โม่เสี่ยวฮุ่ยก็จะเชื่อใจตัวเองมากขึ้น
โม่เสี่ยวฮุ่ยโทรไปหาเจียงหยุนเอ๋อ
“ฮัลโหล แม่เหรอ?” เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเห็นหน้าจอที่ปรากฏ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
ต้องรู้ด้วย ว่าแม่สามีของตัวเองนั้นไม่เคยโทรมาหาตัวเองเลย เพียงแค่มีเบอร์อยู่ในโทรศัพท์ก็เท่านั้นเอง
ตอนที่รับสายนั้น ในใจของเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยโทรมาหาตัวเองเพื่ออะไรกัน
“อือ” โม่เสี่ยวฮุ่ยตอบรับเบาๆ “จุนถิงอยู่ที่บ้านไหม? ”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว: “ไม่อยู่ แม่ คุณมีเรื่องอะไรกับจุนถิงหรือเปล่า?จุนถิงกินข้าวเช้าเสร็จก็ออกไปที่บริษัทแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋ออยากจะออกตัวก่อนสักหน่อย เพื่อให้ได้พูดคุยกับโม่เสี่ยวฮุ่ยให้ได้มากขึ้น เผื่อจะได้รู้จักนิสัยดีๆ ของทั้งสองฝ่ายให้มากขึ้น
“ไม่ ฉันไม่ได้อยากจะหาเขา ฉันอยากจะหาคุณนั่นแหละ” โม่เสี่ยวฮุ่ยแอบดีใจเล็กๆ เพราะลี่จุนถิงไม่อยู่ที่บ้านก็ดี ตัวเองจะได้คุยกับเจียงหยุนเอ๋ออย่างวางใจ
“หาฉันงั้นเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อไม่ค่อยอยากจะเชื่อ พลางคิดว่าวันนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยดูไม่ปกติเหมือนทุกวัน
โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดพลางเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เพื่อเตรียมจะไปที่บ้านของลี่จุนถิง: “ใช่แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันไปหานะ”
พูดจบก็วางสายไป
เจียงหยุนเอ๋อถือโทรศัพท์พลางยืนอึ้งอยู่ที่เดิม จากนั้นก็ได้ยินเสียง “ตู๊ดๆ” ดังขึ้นมา
โม่เสี่ยวฮุ่ยมาหาตัวเองเพราะมีเรื่องอยากจะคุยงั้นเหรอ? แถมยังมาตอนที่ลี่จุนถิงไม่อยู่บ้านด้วย
หรือว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยคิดได้แล้ว ว่าอยากจะยอมรับตัวเองเป็นสะใภ้?
เมื่อคิดแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจขึ้นมา ขอแค่โม่เสี่ยวฮุ่ยเปิดใจให้ตัวเองหน่อย ตัวเองก็มั่นใจว่าจะสามารถทำให้เธอยอมรับในตัวเองได้อย่างแท้จริง
เมื่อคิดได้แบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อเองก็ลุกขึ้น หลังจากที่ส่งลี่จุนถิงไปทำงานแล้ว เจียงหยุนเอ๋อที่คิดจะกลับไปนอนหลับสักงีบ เพราะช่วงนี้ปวดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้นอนไม่ค่อยพอสักเท่าไหร่
เพื่อต้องรับการมาของโม่เสี่ยวฮุ่ย เจียงหยุนเอ๋อเลยหาชุดอยู่บ้านที่เหมาะสมสักหน่อย เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นสักหน่อย
เธอหมุนตัวอยู่หน้ากระจก จากนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็หายใจเข้าลึกๆ พลางพูดกับตัวเองว่า: “เจียงหยุนเอ๋อ สู้ๆ !”
ไม่แน่ว่าปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้อาจจะดูสถานการณ์ในครั้งนี้เลยล่ะ
เวลาผ่านไปราวๆ สี่สิบนาที โม่เสี่ยวฮุ่ยก็มาถึงบ้านของลี่จุนถิง
เจียงหยุนเอ๋อมาเปิดประตูให้เอง
เมื่อเปิดประตูออก เจียงหยุนเอ๋อก็ยิ้มหวาน ก่อนจะเรียก: “แม่”
โม่เสี่ยวฮุ่ยยังมีท่าทีเย็นชากับเจียงหยุนเอ๋อเหมือนอย่างเคย ก่อนจะตอบเสียงเย็นชา: “อือ”
จากนั้นก็เดินอ้อมเจียงหยุนเอ๋อ ก่อนจะเข้าไปในห้อง
เจียงหยุนเอ๋อชินกับท่าทีที่โม่เสี่ยวฮุ่ยทำกับตัวเองแล้ว เลยคิดว่าการที่ไม่ได้เปลี่ยนไปในครั้งเดียวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไหร่
โม่เสี่ยวฮุ่ยมองรอบๆ บ้าน จากนั้นก็เห็นว่าบ้านยังสะอาดเหมือนเดิม แถมยังเป็นระเบียบอีกด้วย เลยพยักหน้าด้วยความพอใจ
พลางคิดว่าตัวเองไม่ได้มาที่บ้านลูกนานแล้ว
โม่เสี่ยวฮุ่ยมานั่งลงตรงโซฟา ก่อนจะถามออกมา: “เด็กในท้องยังแข็งแรงดีอยู่ไหม?”
เจียงหยุนเอ๋อได้ฟังโม่เสี่ยวฮุ่ยถามอย่างเป็นห่วง ก็อดที่จะรู้สึกตกใจไม่ได้: “อือ ดี มีนัดฝากครรภ์แล้ว หมอบอกเติบโตตามวัยดี”
เจียงหยุนเอ๋อรับถ้วยน้ำชามาจากคนใช้ ก่อนจะไปหยิบถ้วยชาด้วยตัวเอง พลางรินน้ำชาให้โม่เสี่ยวฮุ่ย: “แม่ ดื่มชาก่อนเถอะ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยรีบถ้วยชามา: “อือ ก็ดี”
เมื่อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยรับถ้วยชาจากตัวเอง ในใจของเจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
โม่เสี่ยวฮุ่ยมองดูลูกน้องที่อยู่ในห้องรับแขก ก่อนจะพูดขึ้น: “พวกคุณไปก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณหญิงน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลูกน้องก็ต่างพากันออกไปจากห้องรับแขก พลางกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
เมื่อเห็นว่ารอบๆ ไม่มีใคร โม่เสี่ยวฮุ่ยเลยวางถ้วยชาลง ก่อนจะมองเจียงหยุนเอ๋ออยู่นาน
เจียงหยุนเอ๋อสบตากับโม่เสี่ยวฮุ่ย ด้วยความตึงเครียดไม่น้อย พลางไม่รู้ว่าทำไมโม่เสี่ยวฮุ่ยถึงต้องให้ลูกน้องออกไป
“ฉันเองก็ไม่ชอบพูดอ้อมค้อมนะ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรฉันก็จะพูดออกมาตรงๆ เลย” โม่เสี่ยวฮุ่ยยืดตัวขึ้นตรง
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า: “อือ แม่พูดมาเถอะ”