บทที่435 คุณชอบเธอใช่หรือเปล่า
น้ำเสียงของโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้นจริงจังมากขึ้น: “เจียงหยุนเอ๋อ ฉันหวังว่าคุณจะออกไปให้ห่างจากลูกชายฉันจริงๆ นะ”
เมื่อได้ยินคำนี้ เจียงหยุนเอ๋อที่ยิ้มแย้มอยู่ก็ทำหน้านิ่งไป พลางมองไปทางโม่เสี่ยวฮุ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่มีความรู้สึกผิดอะไรเลย เธอสบตาเจียงหยุนเอ๋อ: “ฉันพูดกับคุณจริงๆ นะ ฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดบ้าง”
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าลง พลางมีแววตาที่มืดมนลง
ดูๆ ไปแล้วเหมือนกับว่าตัวเองจะคิดเอาไว้ดีเกินไป แถมยังคงอยู่ในภาพเพ้อฝันของตัวเอง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่มีทางยอมรับตัวเองอยู่แล้ว
เกรงว่าที่ถามเรื่องเด็กเมื่อครู่ น่าจะเป็นเพราะเด็กคนนั้นมีเลือดของลี่จุนถิงอยู่ครึ่งหนึ่งด้วย
โม่เสี่ยวฮุ่ยเหมือนจะไม่สนใจความรู้สึกของเจียงหยุนเอ๋อเลย: “ฉันรู้ว่าคุณจะเสียใจ แต่ว่าในฐานะที่เป็นแม่ ฉันก็หวังว่าคุณจะออกห่างจากจุนถิงไป มันเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือเขาแล้วล่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองไปทางโม่เสี่ยวฮุ่ย พลางมีน้ำตาไหลวนอยู่บริเวณดวงตา: “ทำไมล่ะ?”
“เพราะ……” โม่เสี่ยวฮุ่ยกำลังจะอธิบาย แต่เจียงหยุนเอ๋อกลับตัดบทของเธอ
“ทำไมมาจนถึงตอนนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมรับในตัวฉันอีก? ทำไมยังทำแบบนี้กับฉันอยู่?ฉันทำอะไรผิดกันแน่?” คำถามพวกนี้ อยู่ในใจของเจียงหยุนเอ๋อมานาน ในวันนี้เธอได้พูดมันออกมาจนหมด เลยไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนในตอนแรกแล้ว “ฉันมั่นใจว่าฉันมีมารยาทกับคุณมาตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับใช้ปรนนิบัติมากมายขนาดนั้น แต่ว่าอย่างน้อยฉันก็ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับตระกูลลี่ ฉันรู้หน้าที่ของตัวเองมาตลอด แต่ว่าทำไมคุณกลับจับตามองฉันไม่ห่าง ฉันทำอะไรผิดกันแน่?”
โม่เสี่ยวฮุ่ยเงียบไปสักพัก ก่อนจะเปิดปากพูดต่อ: “ฉันรู้ว่าคำพูดพวกนี้ของฉัน มันหนักหนาเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างคุณ แต่ว่าคุณมั่นใจเหรอว่าคุณไม่เคยทำให้จุนถิงต้องลำบากเลย?”
เจียงหยุนเอ๋อมองไปทางโม่เสี่ยวฮุ่ยด้วยแววตาไร้หนทาง
เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่เข้าใจ โม่เสี่ยวฮุ่ยเลยเปิดปากขึ้นอธิบาย: “อย่างแรก ฐานะของคุณ จะให้ฉันพูดให้ดูแย่หน่อย ก็คือไม่คู่ควรกับพวกเราตระกูลลี่เลย พวกเราอยากได้ผู้หญิงที่มาจากตระกูลสูงส่ง ถึงคุณจะมีลูกกับจุนถิงสองคนแล้ว แต่ก็เปลี่ยนเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี”
เจียงหยุนเอ๋อเงียบไป จริง นั่นมันก็จริง ว่าเรื่องนี้มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดี เพราะในสมัยนี้แล้ว ใครยังจะมีคู่ที่อยู่ในฐานะเดียวกันขนาดนั้นอีก
“ไม่ผิดเลย เหตุผลนี้มันฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่” โม่เสี่ยวฮุ่ยมองแววตาที่ไม่พอใจของเจียงหยุนเอ๋อออก “แต่ว่าคุณคิดว่าคุณอยู่ข้างกายจุนถิงแล้วคุณช่วยอะไรเขาได้งั้นเหรอ?คุณทำอะไรเพื่อเขาบ้าง?นอกจากอยู่บ้านทำกับข้าวซักผ้าล้างจานแล้ว ในด้านของธุรกิจหรือตำแหน่งใดๆ คุณช่วยอะไรจุนถิงได้บ้างงั้นเหรอ?ไม่มีใช่ไหมล่ะ สิ่งที่คุณทำมีแต่จะทำให้เขาขายหน้า” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แววตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็เผยความรังเกียจออกมา
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าลง พลางคิดไปว่าตัวเองได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับลี่จุนถิงหรือเปล่า แต่เหมือนจะไม่มีจริงๆ
“ถ้าคุณอยู่อย่างเงียบๆ ก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่นี่คุณอยู่เคียงข้างจุนถิง ทำให้เขาลำบากขนาดไหนรู้ไหม?ฉันไม่ยกตัวอย่างแล้วก็แล้วกัน ในใจคุณก็น่าจะรู้ดี” สิ่งที่โม่เสี่ยวฮุ่ยทนไม่ได้มากที่สุดก็คือการที่มีผู้หญิงมาขวางการพัฒนาของลูกชายตัวเอง “จุนถิงเป็นคนดูแลของตระกูลลี่ สิ่งที่เขาต้องดูแลนั้นไม่ใช่แค่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แต่เขายังต้องจัดการอะไรต่างๆ มากมาย แต่ว่าคุณมักจะชอบหาเรื่องให้เขา เขาเลยต้องมาดูแลคุณ คุณคิดว่าคุณไม่ได้ทำให้ลำบากอะไรเลยเหรอ? ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยพูดแทงใจจริงๆ
มันเหมือนมีเข็มหลายเล่มทิ่มแทงหัวใจของตัวเอง จึงทำให้มีเลือดหยดไหลย้อยลงมาจากรอยเข็มนั้น ซึ่งมันทำให้เจียงหยุนเอ๋อหายใจแทบไม่ออกในตอนนี้
เจียงหยุนเอ๋อคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งเรื่องเหล่านั้นมันทำให้ลี่จุนถิงยุ่งยากมากขึ้นจริงๆ
อย่างเช่นตอนที่บริษัทที่ตัวเองบริหารนั้นเกิดเรื่อง ลี่จุนถิงก็มาช่วยตัวเองแก้ปัญหา ตอนที่ตัวเองถูกลักพาตัวไป ลี่จุนถิงก็ต้องเจียดเวลามาตามหาเธอ แถมยังทิ้งงานไป เพื่อตัวเองอีกด้วย ก่อนจะไปที่แอฟริกา
เพื่อตัวเองแล้ว ลี่จุนถิงยังทะเลาะกับคนในบ้านไม่เบา ทั้งหมดนั้นมันเพื่อตัวเองทั้งนั้น
เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าหนักลงไปอีก
“การที่คุณอยู่ข้างกายจุนถิงมันมีแต่จะทำให้เชาซวย” โม่เสี่ยวฮุ่ยถามกลับ “ฉันคิดว่าทุกอย่างที่ฉันพูดนั้นมันไม่ได้ใส่ร้ายคุณเลย คุณว่าจริงไหม?”
เจียงหยุนเอ๋อเถียงอะไรไม่ออก
เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อเงียบไปนาน โม่เสี่ยวฮุ่ยก็รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อนั้นยอมรับแล้ว
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของตัวเองในวันนี้สำเร็จถึงจุดหนึ่งแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยืนขึ้นจากโซฟา: “ในวันนี้ฉันพูดเท่านี้ก็แล้วกันนะ คุณเองก็คิดให้ดีๆ ฉันยังอยากให้คุณออกห่างจากจุนถิงไปหน่อยจะดีกว่า”
พูดจบก็จากไป
เจียงหยุนเอ๋อกลับนั่งอยู่ในห้องรับแขกอยู่นาน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ลี่จุนซินก็นัดเคธี่ออกมา เพื่อจัดการเรื่องวุ่นวายต่างๆ
“ทำไมเหรอคุณหนูใหญ่ลี่?ฉันว่าอารมณ์คุณไม่เลวเลย” เคธี่เดินเข้าไปโอบไหล่ของลี่จุนซิน
ลี่จุนซินจับมือของเธอลง จากนั้นก็พูดกับเคธี่ด้วยหน้าจริงจัง: “เคธี่ คุณพูดมาตามตรงเถอะ ว่าคุณชอบน้องชายของฉันหรือเปล่า?”
ลี่จุนซินคิดอยู่สักพัก ตัวเองไม่เคยอยากจะถามเคธี่เลย แต่ก็ต้องถามความเห็นของอีกฝ่ายเสียหน่อย
การที่คิดว่าเคธี่มีความรู้สึกกับลี่จุนถิงนั้นก็เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวของเธอเอง
เคธี่ไม่เข้าใจ: “คุณนัดฉันออกมาเพราะเรื่องนี้เหรอ? ”
“คุณตอบฉันมาก่อน” ลี่จุนซินมองตาเคธี่
“ฉันยอมรับว่ามีความรู้สึกดีๆ กับเขา แต่จะชอบหรือไม่ชอบนั้นยังต้องรอยืนยันเสียหน่อย” เคธี่พูดพลางรินเหล้าให้ตัวเอง เธอไม่รู้เหตุผลที่ลี่จุนซินถามคำถามนี้ เลยไม่ได้พูดให้ชัดเจนมากนัก
เมื่อได้ยินคำตอบของเคธี่ ลี่จุนซินก็วางใจลงเล็กน้อย
“เห้อ คุณคิดให้ดีนะ แม่ฉันเอาแต่คิดว่าคุณชอบน้องชายของฉันมาก เลยอยากจะไปให้สะใภ้ของน้องฉันออกไปจากน้องชายของฉันน่ะ คุณอย่าทำให้ครอบครัวใครแตกแยกนะ” ในฐานะที่เป็นผู้หญิง อันที่จริงลี่จุนซินเองก็สงสารเจียงหยุนเอ๋ออยู่ไม่น้อย
ผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะขนาดนั้น กลับยังไม่ได้รับการยอมรับจากแม่ของตัวเองอีก ความเจ็บปวดนั้นเกรงว่าเธอจะไม่เข้าใจมากเท่าไหร่นัก
“ห๊ะ?” เคธี่ตกใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“แน่นอน คุณเองก็รู้ ว่าคนอย่างแม่ฉัน บางครั้งก็มีความคิดที่สุดโต่งเป็นอย่างมากเลยล่ะ” ลี่จุนซินพยักหน้า “ในเมื่อคุณบอกว่าคุณแค่รู้สึกดีกับเขา งั้นฉันจะกลับไปบอกแม่ เพื่อไม่ให้เธอทำเรื่องอะไรไป แล้วเดี๋ยวจะทำให้ใครต่อใครไม่สบายใจกันไปหมด”
ลี่จุนซินเองก็หวังว่าคนในครอบครัวของตัวเองจะสามารถเข้ากันได้ดี เหมือนกับครอบครัวทั่วไป ที่มีความสุขได้ในทุกวัน
“อือ ได้สิ” เคธี่พยักหน้าตอบรับ แต่ว่าในใจกลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
เหมือนกับว่าเธอจะคิดไม่ผิดจริงๆ ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้นชอบตัวเองไม่เบาเลย
ในเมื่อมีการช่วยเหลือจากโม่เสี่ยวฮุ่ย การอยากจะได้ลี่จุนถิงมาครอบครองก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร
แต่ตามที่ลี่จุนซินพูดเมื่อครู่ ตอนนี้เธอควรจะเปลี่ยนการลงมือสักหน่อย เพราะโม่เสี่ยวฮุ่ยกับเจียงหยุนเอ๋อนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดี เธอสามารถใส่ร้ายป้ายสีพวกเธอได้ เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอเลวร้ายขึ้นไปอีก