บทที่ 436 คุณดีกับฉันที่สุดเลย

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่436 คุณดีกับฉันที่สุดเลย

หลังจากที่ลี่จุนซินคุยกับเคธี่จนชัดเจน ก็ว่าจะกลับบ้านไปบอกโม่เสี่ยวฮุ่ยสักหน่อย

แต่ตามนิสัยของโม่เสี่ยวฮุ่ย ตอนนี้น่าจะพูดกับเจียงหยุนเอ๋อไปแล้วด้วยซ้ำ

ไม่รู้ว่าในใจของเจียงหยุนเอ๋อจะเจ็บปวดขนาดไหน

อันที่จริงเจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่เลวเลยนะ ลี่จุนซินคิดว่าอย่างน้อยเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่หาเรื่อง แถมยังเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตาอีกด้วย เพียงแค่โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้ไปรู้จักเจียงหยุนเอ๋อจริงๆ ก็เท่านั้นเอง

“เคธี่ ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ ฉันขอกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวเอาไว้มานัดกันใหม่” ลี่จุนซินพูดพลางเตรียมตัวจะออกไป

เคธี่รีบเรียกเอาไว้: “ห๊ะ?คุณมาเพื่อเรื่องนี้เรื่องเดียวเลยเหรอ?”

ลี่จุนซินเองก็ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว: “เอาแบบนี้ก่อนก็แล้วกัน ครั้งหน้าค่อยนัดกันใหม่นะ ไปก่อนละ”

พูดจบก็เดินไป

เคธี่ยักไหล่ ก่อนจะกลับบ้านไปด้วยความมีความสุข

ระหว่างทาง เคธี่คิดแผนขึ้นมาในใจ บางทีเธออาจจะหาคนมาแก้แค้นโม่เสี่ยวฮุ่ยได้ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย เพียงแค่การกระทำเล็กๆ ก็ได้ จากนั้นก็ใส่ร้ายเจียงหยุนเอ๋อก็เพียงพอแล้ว

ในเมื่อเป็นแบบนี้เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงก็จะเข้าใจผิดกัน แล้วความสัมพันธ์ของเจียงหยุนเอ๋อกับโม่เสี่ยวฮุ่ยก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

จากนั้นทุกคนก็จะมองเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนไป

ในเมื่อเป็นแบบนี้ตัวเองก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ถ้าเป็นแบบนี้ได้จริงๆ มันจะสมบูรณ์แบบมากเลยล่ะ

พอถึงตอนนั้นลี่จุนถิงก็จะไม่ชอบเจียงหยุนเอ๋อ แล้วตัวเองก็จะทำได้สำเร็จ

หลังจากที่วางแผนเสร็จ เคธี่ก็ไปหาโม่เสี่ยวฮุ่ยในตอนนี้ด้วยการอ้างชื่อของลี่จุนซิน

วันนี้ เคธี่โทรหาลี่จุนถิงด้วยตัวเอง จากนั้นก็ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าเขา

“ลี่จุนซิน วันนี้ฉันไม่รู้จะไปกินข้าวที่ไหนดี ฉันขอไปกินข้าวที่บ้านคุณได้ไหม?”

ถึงแม้ว่าเคธี่กับลี่จุนซินจะเป็นเพื่อนสนิทกันมานานหลายปี แต่ว่าเคธี่ก็ไม่เคยเอ่ยปากแบบนี้มาก่อน

เคธี่คิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งมาตลอด แล้วก็ไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากใคร แต่จู่ๆ พูดขึ้นมาแบบนี้ มันกลับทำให้ลี่จุนซินรู้สึกสงสัยและแปลกใจไม่น้อยเลย

ว่ากันตามเหตุผล เคธี่มีที่ให้ไปกินข้าวตั้งมากมาย ทำไมจะต้องขอมากินข้าวที่บ้านของตัวเองด้วยล่ะ?

แต่ว่า ลี่จุนซินคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เหมือนจะเดาสิ่งที่เคธี่คิดจะทำออก

หรือว่านี่จะทำเพื่อลี่จุนถิงงั้นเหรอ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจของลี่จุนซินก็เริ่มลังเลขึ้นมา

ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นเคธี่เป็นเพื่อนสนิทจริงๆ แต่ว่าตอนนี้เธอเองก็พอใจในตัวของเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงเช่นเดียวกัน แล้วก็ไม่อยากให้เคธี่มาแทรกกลางระหว่างน้องชายของตัวเองและน้องสะใภ้

แต่ว่า ลี่จุนซินเองก็ไม่อยากจะพูดให้ชัดเจนขนาดนั้น

ถึงอย่างไรเคธี่ก็เป็นคนต่างชาติ มีนิสัยมากมายที่แตกต่างจากพวกเขา การที่ไม่จริงจังกับเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่ว่าสำหรับลี่จุนซินแล้ว ไม่มีทางรับได้กับสิ่งที่เคธี่ทำแน่นอน

ลี่จุนซินลังเลสักพัก แต่ก็ไม่ได้ตอบทันที ส่วนเคธี่นั้นกลับเปิดปากขึ้นถามอย่างร้อนใจ: “ลี่จุนซิน ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”

“เอ่อ……เคธี่ คุณ……ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณที่อื่นดีกว่าไหม?”

เคธี่ได้ฟังดังนั้น ก็แสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมาทันที

น่าตลกดี เธอไม่ได้อยากจะกินข้าวกับลี่จุนซินอย่างเดียว ถึงอย่างไรแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่เลวเลย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมากินข้าวด้วยกันทุกวันแบบนี้

เคธี่หวังเข้าไปใหญ่ว่าจะได้ไปที่ตระกูลลี่เพื่อบังเอิญเจอลี่จุนถิง หรือไม่……ก็พยายามทำให้สนิทสนมกับโม่เสี่ยวฮุ่ยสักหน่อย เพื่อให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้าขึ้นไม่ใช่เหรอ?

“งั้นไม่เป็นไร ฉันจะให้คุณมาเลี้ยงข้าวทุกวันๆ ได้อย่างไร?ทำไมเหรอ?ไม่สะดวกให้ไปกินข้าวที่บ้านคุณเหรอ?”

อันที่จริงที่เคธี่พูดประโยคนี้ออกไปก็เพื่อพูดเป็นแกมบังคับ มันยิ่งทำให้ลี่จุนซินปวดหัวขึ้นมา

แต่ผ่านไปเพียงไม่นาน เคธี่ก็สังเกตเห็นว่าท่าทีของตัวเองนั้นแปลกไป เลยรีบเปิดปากพูดเสริม: “ฉัน……ฉันแค่อยากไปบ้านคุณเท่านั้นเอง คุณดูสิ ตอนนี้ฉันเองก็กลับบ้านไม่ได้ อยากจะได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวยังไม่ได้เลย”

เมื่อได้ยินดังนั้น ถึงจะรู้ว่าทั้งหมดที่เคธี่พูดออกมามันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น ลี่จุนซินไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี เลยได้แต่ยอมตอบตกลง: “เปล่า……ฉันเองก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้คุณไป ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้แล้ว งั้นก็มากินเถอะ ฉันจะจัดการให้เอง”

“อือ ฉันรู้อยู่แล้วว่าลี่จุนซินดีกับฉันที่สุดเลย!” เคธี่เปิดปากพูดขึ้นกับลี่จุนซิน ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนปิดไม่อยู่

หลังจากวางสายไป ลี่จุนซินก็หัวเราะเสียงขมขื่น จากนั้นจึงส่ายหัวด้วยความจนปัญญา

เห้อ ในสถานการณ์แบบนี้ บางทีเธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี

ตอนนี้เธออยู่กึ่งกลางระหว่างลี่จุนถิงกับเคธี่ ท่าทีที่ลี่จุนถิงทำกับเคธี่นั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ มีหลายครั้งที่อยากจะพยายามโน้มน้าวเคธี่ แต่ว่าก็รู้เหมือนกันว่าเคธี่ไม่มีทางฟัง แถมตัวเองยังจะทำให้มีปัญหากับเธออีกด้วย ดังนั้นเลยยอมแพ้ไป

“ลี่จุนซิน เป็นอะไรเหรอ?ทำไมหลังจากวางสายไปแล้วทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”

โม่เสี่ยวฮุ่ยที่นั่งอยู่ตรงโซฟามาตลอดมองลี่จุนซินด้วยความสงสัย และแปลกใจเล็กน้อย

เธอรู้จักลูกสาวของตัวเองเป็นอย่างดี ว่ากันตามเหตุผลแล้ว อารมณ์ของลี่จุนซินนั้นไม่ใช่คนโมโหร้ายอะไร แทบจะไม่เคยแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมาเลยด้วยซ้ำ พอจู่ๆ มีท่าทีแบบนี้เลยทำให้โม่เสี่ยวฮุ่ยแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ช่วงนี้โม่เสี่ยวฮุ่ยเองก็มีปัญหากับลี่เจี้ยนหวาไม่เบา บางทีโม่เสี่ยวฮุ่ยก็คิดว่าไม่มีใครให้คุยด้วย ยังดีที่นอกจากงานบริษัทแล้วลี่จุนซินก็ยังมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เลยไม่ทำให้เธอคิดว่ามันน่าเหงาหงอยเท่าไหร่

“อือ?ไม่มีอะไร เคธี่โทรมาหาฉันน่ะ บอกว่าจะมากินข้าวกับพวกเรา”

ลี่จุนซินตอบอย่างเหม่อลอย

เมื่อได้ยินลี่จุนซินพูดแบบนี้ โม่เสี่ยวฮุ่ยกลับตื่นเต้นขึ้นมาทันที ถึงอย่างไรเธอก็อยากจะให้ลี่จุนถิงกับเคธี่ได้ศึกษาดูใจอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้กลับไม่มีผลอะไร ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากจะยอมแพ้ง่ายๆ ขนาดนั้น

ถึงอย่างไร เคธี่ก็รู้สึกกับลี่จุนถิงอยู่บ้างเล็กน้อย โม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นอย่างชัดเจน ถ้าเกิดเคธี่ยินยอม เธอก็อยากจะสร้างโอกาสต่างๆ ให้พวกเขา

“จริงเหรอ?ดีมากเลยล่ะ ลี่จุนซิน ฉันชอบเด็กอย่างเคธี่มากเลยล่ะ ถ้าคุณว่างก็ให้เธอมาบ่อยๆ หน่อยเถอะ ฉันอยู่คนเดียวก็ไม่มีอะไรให้ทำ ถ้ามีคนมาคุยเล่นด้วยก็ไม่เลวเลยนะ”

ใบหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้นยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน พลางพูดขึ้น

ลี่จุนซินขมวดคิ้วมาชนกันเบาๆ เธอรู้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ชอบเจียงหยุนเอ๋อ และพยายามจะหาภรรยาใหม่ให้น้องชายของตัวเองตลอด แต่ว่า……

ตอนนี้ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อรักกันดี ลี่จุนซินคิดว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้นทำมากเกินไป ไม่แน่ว่าการกระทำแบบนั้นอาจจะทำให้ลี่จุนถิงเกิดความอึดอัดใจกับเธอได้

“แม่……” ลี่จุนซินขยับริมฝีปากเล็กน้อย พลางอยากจะโน้มน้าวเธอด้วยความจนปัญญา แต่สุดท้ายก็เห็นว่าจู่ๆ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา พลางค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องครัว

เธอเดินพลางพูดไปด้วย: “เห้อ ในเมื่อเคธี่จะมาแล้ว ฉันต้องเตรียมอาหารอร่อยๆ ให้เธอสักหน่อยแล้วล่ะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยเก็บซ่อนไม่อยู่แล้ว จากนั้นก็ไม่ได้เห็นเธอมีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว