บทที่ 434 เจ้าคือพระเจ้าหรือ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 434 : เจ้าคือพระเจ้าหรือ?

บทที่ 434 : เจ้าคือพระเจ้าหรือ?

“หลับตานะครับ…”

เสียงอ่อนโยนของหลินเจี๋ยดังขึ้นเหนือหัวของฟรังก้า และเธอก็หลับตาทันทีโดยไม่คิด

ฟรังก้าถือตาชั่งในมือไว้แน่น ระลึกถึงเสียงซู่ซ่าของคลื่นยักษ์ที่ได้ยิน นี่คือเสียงคลื่นที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ราวกับได้อยู่กลางคลื่นทะเลไร้สิ้นสุด

โจเซฟเบิกตากว้างมองมหาสมุทรคำรามคลั่ง เกลียวคลื่นบิดวนนี้ดูจะสามารถกลืนกินนอร์ซินทั้งเมืองได้

“ทะเล…” โจเซฟกระซิบ

หลินเจี๋ยจับจ้องคลื่นที่สูงจนแทบระฟ้าอย่างเหม่อลอย ดวงตาสีดำของเขาเป็นประหนึ่งหลุมดำ ไม่อาจสะท้อนได้แม้แต่เงา

“เจ้าของร้านหลิน ระวังครับ!” เมื่อเห็นเจ้าของร้านหลินไม่ขยับ โจเซฟก็อยากจะเข้าไปหยุดหลินเจี๋ยโดยไม่ทันคิด ไม่ใช่เพราะเขากังวลว่าหลินเจี๋ยจะไม่อาจต่อกร แต่เป็นความต้องการปกป้องด้วยความภักดีล้วน ๆ

หลินเจี๋ยยกมือขึ้นหยุดโจเซฟ จากนั้นก็ชี้ไปเบื้องหลังตนโดยไม่หันไปมอง โจเซฟพยักหน้าแล้วก้าวฉับ ๆ ไปกำบังฟรังก้าไว้

หลินเจี๋ยถือหนังสือซึ่งเพิ่งออกใหม่ในหนึ่งมือ จากนั้นก็เดินไปหาเหล่าสมาชิกวิถีแห่งดาบอัคคีราวทุกสิ่งปกติดี

แคสสิเอลเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์สูงหลายร้อยเมตร ถาโถมราวกับกลืนกินได้ทุกสิ่ง ดวงตาของโจเซฟแดงฉานเพราะแรงกดดันมหาศาล เงาเพลิงวูบไหวเห็นได้ชัดเจนจากลึก ๆ ในดวงตา

คลื่นยักษ์บดบังทุกวิสัยทัศน์ของสมาชิกคนอื่น ๆ เนื่องจากศึกนี้เกิดขึ้นในเขตแดนความว่างเปล่าของแซดคิเอลซึ่งจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อโลกภายนอก ด้วยความที่แซดคิเอลเป็นผู้ปกครองทุกสิ่งที่นี่ เขาจึงดีดนิ้วเงียบ ๆ

เป๊าะ!

เสียงดีดนิ้วกังวาลภายใต้แสงคลื่นซัดสาด สะท้อนไปทั่วเขตแดนแห่งความว่างเปล่า และกระทบโสตประสาทของหลินเจี๋ยอย่างแจ่มชัด…

หลินเจี๋ยหยุดฝีเท้า หันไปมองแซดคิเอล

ดวงตาสีดำของเขาจับจ้องแซดคิเอลอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทา และเห็นหลินเจี๋ยส่งยิ้มให้เขา

แซดคิเอลควบคุมทุกสิ่งในเขตแดนแห่งความว่างเปล่านี้ได้ และราฟาเอลก็รู้สึกราวตนเองมีพลังไม่จำกัดทันทีที่เขาดีดนิ้วสั่ง

“ข…เขากำลังจะโจมตี!” ‘ผู้เฝ้ามองความคิด’ เมตาตรอนเตือนอย่างหวาดกลัว

ตำแหน่งของเมตาตรอนในวิถีแห่งดาบอัคคีไม่ได้สูงมากนัก แต่เขามีบทบาทสำคัญ และซ่อนตัวอยู่นอกกำแพงเขตแดน

ทุกคนที่อยู่ในเขตแดนจะอยู่ในการเฝ้ามองของเขา และทุกความคิดจะถูกเขาดักฟัง

หลินเจี๋ยมองผู้คนจากวิถีแห่งดาบอัคคี อดคิดไม่ได้ว่า ‘อันเดธสหัสวิญญาณ’ คามาเอลเมื่อครู่นี้คือมือสังหารระยะประชิด ส่วน ‘อสุรกายแห่งสมุทร’ แคสสิเอลรับหน้าที่โจมตีวงกว้าง แซดคิเอลคือผู้ตั้งอาณาเขตสนับสนุน และเมตาตรอนคือสายตรวจจับ

“จากบางมุมมอง พวกคุณนี่ค่อนข้างร่วมมือกันดีนะเนี่ย” หลินเจี๋ยเอียงคอกล่าวยิ้ม ๆ

“หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว เทพปีศาจ” แซดคิเอลไม่อาจซ่อนความกลัวในใจได้ เพราะหลินเจี๋ยอยู่ในเขตแดนแห่งความว่างเปล่าของเขาแล้ว เขาจึงสามารถควบคุมเขาได้ตามใจ แต่อำนาจของหลินเจี๋ยสูงเกินไป เรื่องนี้เขารู้ชัดยิ่งกว่าเมตาตรอนเสียอีก

เขาใช้เสียงตะโกนเพื่อกลบความกลัวของตน “ความว่างเปล่าคือโลกของข้า ข้าคือนายแห่งสรรพสิ่ง”

หลินเจี๋ยส่ายหัวยิ้ม ๆ จากนั้นจึงถอนหายใจยาวเหยียด แล้วจึงยกมือขึ้นดีดนิ้วเหมือนที่แซดคิเอลทำ

เป๊าะ!

เสียงกังวาลใสแทบจะหยุดทุกสิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง แต่มันก็ทำได้เพียงชั่ววินาทีสั้น ๆ ก่อนที่ทุกคนจะได้แปลกใจ คลื่นคลั่งก็โถมเข้าใส่หลินเจี๋ยแล้ว ทะเลอันไร้ปรานีไม่ค่อยได้ปรากฏตรงหน้ามนุษย์ และแคสสิเอลก็เป็นเจ้าสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย

เกลียวคลื่นบิดม้วนห้อตะบึงราวสัตว์ร้าย สัตว์น้ำเหนือธรรมชาตินับแต่โบราณกาลซึ่งสูญหายไปจากอาซีร์นานแสนนานปรากฏขึ้นจากก้นสมุทร ไล่ล่าฉีกกระชากเหยื่อของพวกมัน

เฟจซึ่งยืนอยู่ในหมู่ผู้คนจากวิถีแห่งดาบอัคคีถูกเขตแดนแห่งความว่างเปล่าของแซดคิเอลแยกออก เขาจึงสามารถมองสถานการณ์ทั่วสนามรบได้โดยไม่ปรากฏตัว

แคสสิเอลเป็นเศษซากที่เหลือจากจิตวิญญาณแห่งสมุทรแห่งโลกโบราณจริง ๆ ด้วย…เฟจขมวดคิ้ว

ด้วยชัยชนะในกำมือ แคสสิเอลปรากฏตัวออกมาจากในท้องทะเล คลื่นน้ำปั่นป่วนกระเพื่อมให้ฟองคลื่นขาวละมุนค่อย ๆ ก่อเป็นร่างของชายร่างกำยำผู้มีผมและหนวดหยิกเป็นลอนซึ่งมีท่อนล่างเป็นหางฉลาม

แคสสิเอลไม่ปรากฏความร่าเริง เขาแค่โล่งใจเมื่อเห็นสารพัดสัตว์น้ำโบราณซึ่งสูญหายจากประวัติศาสตร์ลากร่างที่เละเทะของหลินเจี๋ยสู่ก้นบึ้งมหาสมุทร ฉีกทึ้งร่างของเขาอย่างไร้ปรานีในความมืด

“เฮ้อ…”

ด้วยการตายของคามาเอลเป็นสิ่งเตือนใจ แคสสิเอลไม่ผ่อนสติและกระซิบว่า “เมตาตรอน รีบบอกตำแหน่งเจ้าของร้านหนังสือแก่ข้าเร็วเข้า!”

เสียงของเขาเป็นประหนึ่งสึนามิ สะท้านไปทั่วสมุทรดุจพายุ

น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบกลับมา

“เมตาตรอน!!” แคสสิเอลขมวดคิ้ว รู้สึกว่าบางสิ่งผิดปกติ เขาจึงมองหาเพื่อนพ้องของตนโดยไม่รู้ตัว

แม้จะไม่มีใครตอบ แต่ร่างที่ขาดวิ่นของหลินเจี๋ยก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น…ศพของเขาลอยขึ้นมาบนผิวน้ำทีละชิ้น รวมถึงหนังสือที่บรรจุวิญญาณของคามาเอลก็ปรากฏขึ้นข้าง ๆ เขา

“อย่างน้อยมันก็ตายแล้ว…” ในที่สุดแคสสิเอลก็โล่งใจ พริบตาถัดมา เขาปรากฏตัวขึ้นข้างกายหลินเจี๋ย เป้าหมายของเขาไม่ใช่หลินเจี๋ยแล้ว แต่เป็นหนังสือที่เขาก้มหยิบขึ้นมา ถอนหายใจ วางมันไว้แนบอก จากนั้นก็พึมพำว่า “คามาเอลสหายข้า เมื่อข้าเหยียบย่างสู่เส้นทางสู่การเป็นเทพได้เมื่อใด ข้าจะชุบชีวิตเจ้าแน่นอน”

กล่าวจบ เขาก็แย้มยิ้มด้วยชัยชนะ “อย่างน้อยที่สุด ข้าก็ล้างแค้นให้เจ้าได้แล้วนะ”

แคสสิเอลรำพึงถึงสหายของเขาพลางมองซากของหลินเจี๋ยบนผิวน้ำ

…เขาเหลือเพียงซากไม่สมประกอบที่ถูกปลาตอดกิน หัวหายไปครึ่งหนึ่ง ทั้งใบหน้าถูกกินเรียบ ไส้ทะลักลอยเหมือนหญ้าทะเล โลหิตแดงฉานค่อย ๆ สลายไหลไปท่ามกลางสมุทรสีครามเข้ม

ทว่า…นั่นมันไม่ใช่ร่างของหลินเจี๋ย

แต่เป็นเขาเอง!

รูปร่างที่คุ้นเคย หางปลาสีซีดนั่น ไม่อาจคุ้นตาเขาไปมากกว่านี้…

“นั่นข้าหรือ…?!!” หนังสือซึ่งบรรจุวิญญาณของสหายหล่นตูมลงไปในทะเล ดวงตาของแคสสิเอลเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

“ช่างน่าสงสารนะครับ…” หลินเจี๋ยแย้มยิ้ม

น้ำทะเลสลายไปดุจภาพหลอนที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน เหลือเพียงเศษซากสองสามชิ้นบนพื้น

นั่นคือแคสสิเอล!

“เมื่อใดกัน…” มิคาเอลมองซากของแคสสิเอล กล่าววาจาสองสามคำออกมาอย่างแสนยากลำบากราวกับมีวัตถุชิ้นใหญ่ติดในลำคอ “เมื่อใดกันที่แคสสิเอล…”

“แดนนิมิต…เขตแดน” เสียงของเมตาตรอนที่นอกกำแพงเขตแดนก้องในหูของทุกคนอย่างหวาดกลัว

“แดนนิมิต…กำลังมา!!” สีหน้าของเมตาตรอนแทบจะเขียนคำว่ากลัวแปะไว้ เห็นได้ชัดว่าทันทีที่เขาสัมผัสถึงแดนนิมิตของหลินเจี๋ยใกล้เข้ามา เขาก็สติแตกไปโดยสมบูรณ์

“ไม่ใช่ว่าแคสสิเอลถูกลากเข้าไปในแดนนิมิต แต่ทั้งแดนนิมิตกำลังจุติลงมาและป่วนกฎเกณฑ์ทั้งหมด ทำให้แคสสิเอลไม่สามารถแยกแยะความจริงและความฝันได้ เลยฆ่าตัวเองเหรอ??”

เฟจซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังเหล่าสมาชิกวิถีแห่งดาบอัคคีกล่าวเสียงสั่น เต็มไปด้วยความเลื่อมใส

มิคาเอลไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น…แดนนิมิตคือสิ่งที่เขาถวิลหามาโดยตลอด แต่ก็ถูกกั้นขวางไว้โดยแม่มดบรรพกาล

นั่นคือเส้นทางสู่การเป็นเทพที่เขาไล่ตามมาตลอดชีวิต

หรือเจ้าของร้านหนังสือจะเป็นเจ้าของแดนนิมิต…พระเจ้าที่แท้จริงหนึ่งเดียว ซึ่งถูกระบุไว้ในพระคัมภีร์ที่ร่วงหล่นสู่โลกและถูกมิคาเอลเก็บได้ และในภายหลังก็แทบจะเป็นเสาหลักค้ำจุนทั้งชีวิตของเขา…

เจ้าคือพระเจ้าหรือ?!